ลูกา 23 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940เขาพาพระองค์ไปหาปีลาต 1 ฝ่ายคนทั้งปวงจึงลุกขึ้นพาพระองค์ไปหาปีลาต 2 และเขาฟ้องว่า, “เราได้พบคนนี้ยุยงชนประเทศของเรา, และห้ามมิให้ส่งส่วยแก่กายะซา, และว่าตัวเองเป็นพระคริสต์กษัตริย์องค์หนึ่ง.” 3 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า, “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาติยูดายหรือ” พระองค์ทรงตอบว่า, “ท่านว่าถูกแล้ว.” 4 ปีลาตจึงว่าแก่ปุโรหิตใหญ่กับประชาชนว่า, “เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด.” 5 เขาทั้งหลายยิ่งกล่าวแข็งแรงว่า, “คนนี้ยุยงพลเมืองให้วุ่นวาย. และสั่งสอนทั่วตลอดประเทศยูดาย, ตั้งแต่ฆาลิลายจนถึงที่นี่.” 6 เมื่อปีลาตได้ยินเขาออกชื่อฆาลิลาย ท่านจึงถามว่า. “คนนี้เป็นชาวฆาลิลายหรือ” 7 เมื่อทราบแล้วว่าพระองค์เป็นคนอยู่ในท้องที่ของเฮโรด, ท่านจึงส่งพระองค์ไปหาเฮโรด. เฮโรดกำลังพักอยู่ในกรุงยะรูซาเลมในเวลานั้น 8 เมื่อเฮโรดได้เห็นพระเยซูก็มีความยินดีมาก ด้วยนานมาแล้วท่านอยากจะพบพระองค์. เพราะได้ยินถึงพระองค์หลายประการและหวังว่าคงจะได้เห็นพระองค์ทำการอัศจรรย์บ้าง. 9 ท่านจึงซักถามพระองค์เป็นหลายข้อ, แต่พระองค์หาได้ทรงตอบประการใดไม่. 10 ฝ่ายพวกปุโรหิตใหญ่และพวกอาลักษณ์ก็ยืนขึ้นฟ้องแข็งแรงมาก. 11 เฮโรดกับพวกทหารของท่านดูหมิ่นเยาะเย้ยพระองค์, เอาเสื้อที่งามยิ่งสวมพระองค์, และส่งพระองค์กลับไปหาปีลาตอีก. 12 ฝ่ายปีลาตกับเฮโรดคืนดีกันในวันนั้น ด้วยแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน ปีลาตปล่อยบาระบาและมอบพระเยซูให้เขา 13 ปีลาตจึงสั่งให้พวกปุโรหิตใหญ่, พวกขุนนางและราษฎรประชุมพร้อมกัน, 14 และกล่าวแก่เขาว่า, “ท่านทั้งหลายได้พาคนนี้มาหาเรา ฟ้องว่าเขาได้ยุยงราษฎร นี่แน่ะ, เราได้สืบถามต่อหน้าท่านทั้งหลาย, และไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิดในข้อที่ท่านทั้งหลายฟ้องเขานั้น 15 และเฮโรดก็ไม่เห็นว่าเขามีความผิดด้วย เพราะเฮโรดได้ส่งตัวเขากลับมายังเราอีกแล้ว และนี่แน่ะ, คนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรซึ่งสมควรจะมีโทษถึงตาย. 16 เหตุฉะนั้นเมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้ว, เราก็จะปล่อยเสีย.” 17 แต่คนทั้งปวงร้องขึ้นพร้อมกันว่า, “จงเอาคนนี้ไปฆ่าเสีย, และจงปล่อยบาระบาให้เราเถิด.” 18 บาระบานั้นติดคุกอยู่เพราะได้ทำให้เกิดจลาจลในเมืองและได้ฆ่าคน. 19 ฝ่ายปีลาตยังมีน้ำใจจะใคร่ปล่อยพระเยซูจึงร้องถามเขาอีก. 20 แต่คนเหล่านั้นกลับตะโกนร้องว่า, “จงตรึงเขาเสียที่กางเขนเถิด, จงตรึงเขาเสียที่กางเขนเถิด.” 21 ปีลาตจึงถามเขาครั้งที่สามว่า, “ตรึงทำไม เขาได้ทำผิดอะไร? เราไม่เห็นเขาทำผิดอะไรที่สมควรจะมีโทษถึงตาย เหตุฉะนั้นเมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้วก็จะปล่อยเสีย.” 22 ฝ่ายคนทั้งปวงร้องพร้อมกันเสียงดังขอให้ตรึงเสียที่กางเขน และเสียงคนทั้งปวงนั้นมีชัยชะนะ. 23 ปีลาตจึงสั่งให้เป็นไปตามเขาทั้งหลายปรารถนา. 24 ท่านจึงปล่อยคนนั้นที่ติดคุกอยู่เพราะทำจลาจลและฆ่าคนให้เขาตามคำขอนั้น แต่ท่านได้มอบพระเยซูให้เขาทำตามชอบใจ 25 เมื่อเขาพาพระองค์ออกไปเขาเกณฑ์ซีโมนชาวกุเรเนที่มาจากบ้านนอก. แล้วเอากางเขนวางบนเขา. ให้แบกตามพระเยซูไป 26 มีคนเป็นอันมากตามพระองค์ไป. ทั้งพวกผู้หญิงที่พิลาปร้องไห้สงสารพระองค์. 27 พระเยซูจึงทันพระพักตรมองดูเขาตรัสว่า. “บุตรียะรูซาเลมเอ๋ย. อย่าร้องไห้สงสารเรา. แต่จงร้องไห้สงสารตนเอง, และสงสารลูกทั้งหลายของตน. 28 ด้วยว่านี่แน่ะ. จะมีเวลาหนึ่งที่เขาทั้งหลายจะว่า. ‘ผู้หญิงเหล่านั้นที่เป็นหมัน. และครรภ์ที่มิได้ปฏิสนธิ์. และหัวนมที่มิได้ให้ดูดเลยก็เป็นสุข.’ 29 คราวนั้นเขาจะเริ่มว่าแก่ภูเขาทั้งหลายว่า. ‘จงพังลงทับเรา’ และแก่เนินเขาว่า. ‘จงบังเราไว้.’ 30 เพราะว่าถ้าเขาทำกับต้นไม้สดอย่างนี้. เขาจะทำอย่างไรกับต้นไม้ที่แห้งแล้วเล่า?” 31 มีอีกสองคนที่เป็นผู้ร้ายซึ่งเขาได้พามาจะฆ่าเสียพร้อมกันพระองค์ เขาจึงตรึงพระองค์ไว้บนกางเขน 32 เมื่อมาถึงตำบลหนึ่งที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะ. เขาจึงตรึงพระองค์ไว้บนกางเขนที่นั่นพร้อมกันผู้ร้ายสองคนนั้น. ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง. 33 ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า. “โอพระบิดาเจ้าข้า. ขอโปรดยกโทษเขา เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร.” เขาก็เอาฉลองพระองค์จับสลากแบ่งปันกัน. 34 คนทั้งปวงก็ยืนมองดู. พวกขุนนางก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วยว่า. เขาได้ช่วยคนอื่นให้รอด. ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้, ให้เขาช่วยตนเองเถิด.” 35 พวกหหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย. ‘จึงเข้ามาเอาน้ำองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์แล้ว. 36 ว่า, “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาติยูดาย. จงช่วยตนเองให้รอดเถิด.” 37 และมีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า, “ผู้นี้เป็นกษัตริย์ของชาติยูดาย.” 38 ฝ่ายผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงไว้พร้อมกับพระองค์จึงพูดหยาบช้าต่อพระองค์ว่า, “ท่านเป็นพระคริสต์มิใช่หรือจงช่วยตนเองกับเราให้รอดเถิด.” 39 แต่อีกคนหนึ่งนั้นจึงตอบห้ามปรามเขาว่า, “เจ้ายังจะไม่เกรงกลัวพระเจ้าอีกหรือ, เพราะเจ้าเป็นคนถูกโทษเหมือนกัน? 40 และเราก็สมกับโทษนั้นจริง, เพราะเราได้รับโทษสมกับการที่เราได้กระทำ แต่ท่านผู้นี้หาได้กระทำผิดประการใดไม่.” 41 แล้วคนนั้นจึงทูลพระเยซูว่า, “พระองค์เจ้าข้า, ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จเข้าในแผ่นดินของพระองค์.” 42 ฝ่ายพระเยซูทรงตอบเขาว่า, “แท้จริงเราบอกเจ้าว่า, วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม.” พระเยซูทรงปลงพระชนม์ 43 เวลานั้นประมาณเวลาเที่ยง, ก็บังเกิดความมืดทั่วทั้งแผ่นดินจนสามนาฬิกาหลังเที่ยง, 44 ดวงอาทิตย์ก็มืดไป ผ้าม่านในโบสถ์ก็ขาดออกตรงกลางเป็นสองท่อน. 45 พระเยซูทรงร้องเสียงดังแล้วตรัสว่า, “พระบิดาเจ้าข้า, ข้าพเจ้าฝากวิญญาณจิตต์ของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์.” ทรงตรัสอย่างนั้นแล้วจึงปลงพระชนม์. 46 ฝ่ายนายร้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นไปนั้น จึงสรรเสริญพระเจ้าว่า, “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นคนชอบธรรม.” 47 คนทั้งปวงที่มาชุมนุมกันเพื่อจะดูการณ์นั้น, เมื่อเห็นแล้วก็พากันตีอกของตัวแล้วกลับไป. 48 คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์, และพวกผู้หญิงซึ่งได้ตามพระองค์มาจากฆาลิลาย, ก็ยืนอยู่แต่ไกลมองดูเหตุการณ์เหล่านั้น 49 นี่แน่ะ มีชนยูดายคนหนึ่งชื่อโยเซฟชาวบ้านอาริมาธายอยู่ในพวกที่ปรึกษาเป็นคนดีและสัตย์ซื่อ, 50 มิได้ยอมเห็นด้วยกับพวกที่ปรึกษาในการหารือของเขาและการซึ่งเขาทั้งหลายได้กระทำนั้น. และโยเซฟเป็นผู้คอยท่าแผ่นดินของพระเจ้า. 51 เขาจึงเข้าไปหาปีลาตขอพระศพพระเยซู. 52 เมื่อเชิญพระศพลงแล้ว. เขาจึงเอาผ้าป่านพันหุ้มพระศพนั้น และเชิญไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์ ซึ่งเจาะไว้ในศิลาที่ยังมิได้วางศพผู้ใดเลย. 53 วันนั้นเป็นวันจัดเตรียม, และวันซะบาโตก็เกือบจะถึงแล้ว. 54 ฝ่ายพวกผู้หญิงที่ตามพระองค์มาจากแขวงฆาลิลายก็ตามไปและได้เห็นอุโมงค์, ทั้งได้เห็นเขาวางพระศพของพระองค์ไว้อย่างไรด้วย. 55 แล้วเขาก็กลับไปจัดแจงเครื่องหอมกับน้ำมันหอม 56 ในวันซะบาโตนั้นเขาก็หยุดการไว้ตามพระบัญญัติ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society