ลูกา 14 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940ทรงรักษาคนท้องมาน 1 เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในตึกของขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งในพวกฟาริซายในวันซะบาโตจะรับประทานอาหาร. เขาทั้งหลายคอยมองดูพระองค์. 2 นี่แน่ะ มีคนหนึ่งเป็นโรคท้องมานอยู่ต่อพระพักตรพระองค์. 3 พระเยซูจึงตรัสถามพวกบาเรียนและพวกฟาริซายว่า. “ถ้าจะรักษาคนป่วยในวันซะบาโตจะผิดพระบัญญัติหรือไม่?” 4 เขาทั้งหลายก็นิ่งอยู่. พระองค์ทรงรับและรักษาคนนั้นให้หาย. แล้วก็ให้เขาไป. 5 พระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า. “คนไหนในพวกท่าน, ถ้าจะมีลาหรือโคตกบ่อ. จะไม่รีบฉุดลากมันออกในวันซะบาโตหรือ” 6 เขาทั้งหลายตอบข้อเหล่านั้นไม่ได้ อย่าเลือกนั่งที่สูง 7 ฝ่ายพระองค์เมื่อทรงเห็นคนทั้งหลายที่รับเชิญนั้นได้เลือกเอาที่นั่งสูง. พระองค์จึงตรัสคำเปรียบแก่เขาว่า. 8 “เมื่อผู้ใดเชิญท่านไปในการเลี้ยงงานสมรส. อย่านั่งที่สูง. เกลือกว่าเขาได้เชิญคนมียศมากกว่าท่านอีก. 9 และเจ้าภาพที่ได้เชิญท่านทั้งสองนั้นจะมาพูดกับท่านว่า. “จงให้ที่นั่งแก่ท่านผู้นี้เถิด.’ แล้วท่านจะต้องเลื่อนลงมาที่ต่ำ ได้รับความอดสู. 10 แต่เมื่อท่านได้รับเชิญแล้ว จงไปนั่งลงในที่ต่ำก่อน. เพื่อว่าเมื่อท่านเจ้าภาพมาพูดกับท่านว่า. ‘สหายเอ๋ย, เชิญกะเถิบขึ้นไปนั่งที่สูง.’ แล้วท่านจะได้เกียรติยศต่อหน้าคนทั้งหลายที่นั่งด้วยกันนั้น. 11 เพราะว่าทุกคนที่ได้ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง, และผู้ที่ถ่อมตัวลงผู้นั้นจะต้องถูกยกขึ้น.” คนหนึ่งได้ทำการเลี้ยงใหญ่ 12 ฝ่ายพระองค์ตรัสแก่คนที่เชิญพระองค์ว่า, “เมื่อท่านจะทำการเลี้ยง, จะเป็นกลางวันหรือเวลาเย็นก็ตาม, อย่าเชิญฉะเพาะเหล่ามิตรสหายหรือพี่น้องหรือญาติหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมีเสมอ. เกลือกว่าเขาจะเชิญท่านอีกเป็นการตอบแทน. 13 แต่เมื่อท่านทำการเลี้ยง, จงเชิญคนจน, คนพิการ, คนเขยก, คนตาบอด. 14 แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าเขาไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ด้วยว่าท่านจะได้รับตอบแทนเมื่อคนชอบธรรมเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว.” 15 ฝ่ายคนหนึ่งที่มั่งกินโต๊ะด้วยกัน, เมื่อได้ยินคำเหล่านั้นจึงทูลพระองค์ว่า, “ผู้ที่จะรับประทานอาหารในแผ่นดินของพระเจ้าก็เป็นสุข.” 16 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า, “ยังมีคนหนึ่งได้ทำการเลี้ยงใหญ่. และได้เชิญคนเป็นอันมาก. 17 เมื่อถึงเวลาเลี้ยงแล้ว. เขาก็ใช้บ่าวของตนไปบอกคนทั้งหลายทีได้รับเชิญไว้แล้วว่า. ‘เชิญมาเถิด, เพราะสิ่งสารพัตรเตรียมไว้พร้อมแล้ว.’ 18 บรรดาคนเหล่านั้นก็พากันขอตัว. คนแรกว่า. ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อนาไว้ และจะต้องไปดูนานั้น, ข้าพเจ้าขอตัวเสียเถิด.’ 19 อีกคนหนึ่งว่า. ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อโคไว้ห้าคู่ และจะต้องไปลองดูโคนั้น, ข้าพเจ้าขอตัวเสียเถิด’. 20 อีกคนหนึ่งว่า. ‘ข้าพเจ้าพึ่งแต่งงานใหม่, เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าไปไม่ได้.’ 21 บ่าวนั้นจึงกลับมาเล่าเนื้อความให้นายฟัง. นายนั้นก็โกรธ. จึงสั่งบ่าวว่า. ‘จงออกไปตามถนนใหญ่ตรอกน้อยในเมืองโดยเร็ว, พาคนจน, คนพิการ, คนตาบอด, และคนเขยกเข้ามาที่นี่. 22 แล้วบ่าวจึงบอกว่า, ‘นายเจ้าข้า, ข้าพเจ้าได้กระทำตามท่านสั่งแล้ว, และยังมีที่ว่างอยู่.’ 23 นายจึงสั่งบ่าวนั้นว่า. ‘จงออกไปตามทางใหญ่ซอกน้อย, และเร่งเร้าเขาให้เข้ามา, เพื่อเรือนของเราจะเต็ม. 24 เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า, ในพวกคนทั้งหลายที่ได้รับเชิญไว้นั้น, ไม่มีสักคนหนึ่งจะได้ลิ้มเครื่องของเราเลย.’ ” สาวกต้องแบกกางเขนตามพระองค์ไป 25 คนเป็นอันมากได้ไปกับพระองค์, พระองค์จึงทรงเหลียวหลังตรัสแก่เขาว่า, 26 “ถ้าผู้ใดมาหาเรา, และไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง, ทั้งชีวิตตนเองด้วย, ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้. 27 ผู้ใดมิได้แบกกางเขนของตนตามเรามา, ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ 28 ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างป้อม, แล้วจะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่? 29 เกรงว่าเมื่อลงรากแล้ว, และกระทำให้สำเร็จไม่ได้, คนทั้งปวงที่เห็นจะเยาะเย้ยเขาว่า, 30 ‘คนนี้ตั้งต้นก่อ, แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้.’ 31 หรือมีกษัตริย์องค์ใดเมื่อจะยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อื่น, จะมิได้นั่งลงคิดดูก่อนหรือว่า, ที่ตนมีพลทหารหมื่นหนึ่งจะสู้กับทัพทยกมารบนั้นสองหมื่นได้หรือไม่? 32 ถ้าสู้ไม่ได้, เมื่อยังอยู่ห่างกัน ก็จะใช้พวกทูตไปขอเป็นไมตรีกัน 33 ก็เช่นนั้นแหละ, ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัตรที่ตนมีอยู่, จะเป็นสาวกของเราไม่ได้ 34 เกลือเป็นสิ่งดี, แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว, จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้? 35 จะผะสมกับดินทำปุ๋ยก็ไม่ได้ จะกองหมักไว้ให้เน่าทำปุ๋ยก็ไม่ได้ แต่เขาก็ทิ้งเสียเท่านั้น. ใครมีหูยินได้จงฟังเอาเถิด.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society