เพลงคร่ำครวญ 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 นี่อย่างไรหนอทองคำจึงมีสีสลัว! และนี่อย่างไรกันนะทองเนื้อเก้าได้กลายเป็นทองเก๊ไป! หินผาสำหรับโบสถ์ถูกโยนทิ้งเรี่ยราดตามทุกหัวถนน. 2 บุตราแห่งกรุงซีโอนอันมีค่าจนตีราคาไม่ได้, เปรียบได้แก่ทองเนื้อเก้านั้น, นี่อย่างไรกันหนอจึงได้ถูกตีราคาให้มีค่าเท่าคนโทดินที่ปั้นด้วยมือของช่างหม้อ! 3 แม้แต่หมาไนยังได้เอานมออกให้ลูกของมันดูด: แต่บุตรีแห่งพลเมืองของข้าพเจ้าก็ใจร้ายดุจดังนกกระจอกเทศในป่าทราย. 4 ลิ้นของทารกที่ยังไม่อย่านมหิวโหยจนติดเพดาน, พวกเด็กได้ขอขนมปัง, แต่ไม่มีใครหักยื่นให้เขา. 5 คนทั้งปวงที่เคยกินอาหารอย่างวิเศษกลับต้องอดโซอยู่ตามถนนหนทาง: คนทั้งหลายที่เคยสอดสวมเสื้อผ้าสีม่วงกลับต้องมาสวมกอดกองมูลสัตว์. 6 เพราะโทษโพยของการกระทำผิดแห่งบุตรีของพลเมืองข้าพเจ้านั้นก็ใหญ่โตกว่าโทษโพยของการกระทำบาปแห่งเมืองซะโดม, ที่ต้องคว่ำทลายลงในพริบตาเดียว, โดยไม่มีมือใครได้แตะต้องเลย. 7 พวกเจ้านายนั้นขาวบริสุทธิ์กว่าหิมะ, และขาวสะอาดกว่าน้ำนม; ผิวพรรณของเขาอมเลือดเปล่งยิ่งกว่าสีทับทิม, เขาขัดสีจนมีฉวีวรรณงามขำดั่งแก้วอินทะนิน. 8 แต่ครั้นมาบัดนี้สีผิวพรรณของเขาก็ดำเสียยิ่งกว่าถ่าน, ใครๆ ตามถนนเห็นเขาก็จำเขาไม่ได้: เขาผอมจนหนังหุ้มกะดูกและซูบราวกับไม้เสียบ. 9 คนที่ถูกฆ่าให้ตายด้วยคมกะบี่ยังดีกว่าคนที่ต้องตายอดตายอยาก; เพราะคนเหล่านี้ค่อยผอมค่อยตายไป, ทั่วสารพางค์กายต้องซูบโซมเพราะขาดสะเบียงอาหาร. 10 มือของหญิงที่อาบชุ่มด้วยความเมตตากลับได้เอาลูกของตัวต้มแกงกินเป็นอาหาร; ลูกที่ต้องต้มแกงเป็นอาหารนั้น, กินกันในยามเมื่อหายนะมาสู่บุตรแห่งพลเมืองของข้าพเจ้า. 11 พระยะโฮวาได้บันดาลโทโสออกมาแล้ว, พระองค์ได้เทความพิโรธอันเกรี้ยวกราดของพระองค์ลงแล้ว: และได้ทรงจุดไฟขึ้นในกรุงยะรูซาเลม, และไฟนั้นได้กินกะทั่งรากของเมืองนั้น. 12 กษัตริย์ทั้งมวลแห่งแผ่นดินโลก, และบรรดาชาวพิภพพากันไม่เชื่อ, ว่าข้าศึกและศัตรูจะได้เข้าไปในประตูเมืองยะรูซาเลมได้. 13 เป็นเพราะความผิดบาปของพวกศาสดาพยากรณ์แห่งกรุงซีโอน, และเพราะการอสัตย์อธรรมของพวกปุโรหิตของกรุงนั้น, ที่ได้ทำโลหิตของผู้สัตย์ธรรมให้ไหลออกในท่ามกลางเมือง. 14 เขาทั้งหลายหลงงมงายดังคนตาบอดเดินตามถนน, เขาได้ทำตัวของตนให้เป็นมลทนเกรอะกรังด้วยโลหิต, จนคนจะจับต้องผ้าผ่อนของเขาไม่ได้. 15 คนทั้งหลายร้องบอกแก่เขาว่า, “ไปซิ, โสโครกจริง! ไปเถิด, ไป, อย่ามาถูกต้องนะ!” เขาเหล่านั้นจึงถูกเนรเทศตุหรัดตุเหร่อยู่ตามต่างประเทศ; เขาจึงไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งอีกต่อไป. 16 ความพิโรธแห่งพระยะโฮวาได้กระทำให้เขาทั้งปวงแตกกระจัดกระจายไป, พระองค์จะไม่แยแสกับเขาอีกเลย, คนทั้งหลายจึงไม่เคารพพวกปุโรหิต, ไม่นับถือพวกผู้ปกครอง. 17 ฝ่ายตาของพวกเราก็มองค้าง, เพราะการช่วยเหลือนั้นเหลวไป, ส่วนการเฝ้ารอคอย, พวกเราได้คอยเมืองที่ไม่อาจช่วยเราได้. 18 คนคอยขัดขาเรา, จนพวกเราจะเดินในวิถีทางของพวกเราไม่ได้, เบื้องปลายของพวกเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว, วันเดือนทั้งหลายของพวกเราก็จะจบลงอยู่รำมะร่อ, เพราะบั้นปลายของพวกเรามาถึงแล้ว. 19 พวกที่ไล่ตามจับพวกเราก็เร็วจี๋กว่านกอินทรีในท้องฟ้า: เขาทั้งหลายวิ่งไล่กวดพวกเราบนภูเขา, เขาทั้งปวงนอนซุ่มคอยท่าจับพวกเราในป่าดง. 20 เจ้าชีวิตของพวกข้าพเจ้า, คือกษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงเจิมไว้นั้น, และที่พวกเราได้เคยกล่าวขวัญถึงท่านผู้นี้ไว้ว่า, “เราจะดำรงชีพของเราปะปนอยู่กับคนนานาชาติได้, ก็โดยอาศัยอยู่ใต้ความร่มเย็นของท่าน.” ท่านผู้นี้เองที่ยังได้ตกหลุมพรางของเขาแล้ว. 21 โอ้บุตรีแห่งเมืองอะโดมที่อาศัยอยู่ในประเทศอุศ, จงพากันชื่นชมยินดีเข้าไปเถอะ! จอกใบนั้นคงจะส่งผ่านมาถึงเจ้าด้วยเป็นแน่, เจ้าจะต้องเมาไป, แล้วจะถูกแก้ผ้าตัวล่อนจ้อน. 22 โอ้บุตรีแห่งกรุงซีโอนเอ๋ย, การลงโทษเพราะการอสัตย์อธรรมของเจ้าก็ครบถ้วนแล้ว: พระองค์จะไม่กวาดเจ้าออกไปให้เป็นชะเลยอีกต่อไป. โอ้บุตรีแห่งเมืองอะโดมเอ๋ย, พระองค์จะเสด็จมาลงโทษเพราะการอสัตย์อธรรมของเจ้า, พระองค์จะเผยความผิดของเจ้าออกให้แลเห็นประจักษ์แจ้ง |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society