โยบ 1 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ยังมีชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ ณ ตำบลอูดชื่อโยบ. ท่านเป็นคนดีรอบคอบและชอบธรรม, เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหลบหลีกจากความชั่ว. 2 ท่านมีบุตรชายเจ็ดคนและบุตรหญิงสามคน; 3 ส่วนทรัพย์สมบัติของท่านก็คือแกะเจ็ดพันตัว, อูฐสามพันตัว, โคห้าร้อยคู่, ลาตัวเมียห้าร้อยตัว, และบ่าวไพร่เป็นอันมาก. ดังนั้นท่านจึงเป็นคนใหญ่คนโตกว่าเพื่อนในฝ่ายทิศตะวันออก. 4 ส่วนบุตรชายทุกคนต่างมีเวรเชิญพี่น้องมากินเลี้ยง ณ เรือนของตนในวันกำหนดของเขา, และได้เชิญที่น้องหญิงทั้งสามนั้นมาร่วมรับประทานด้วย. 5 เมื่อการเลี้ยงเวียนไปครบรอบแล้ว, โยบก็ได้เรียกเหล่าบุตรมาประชุมกันประกอบพิธีชำระตัว, คือท่านได้ลุกขึ้นแต่เช้ามืดถวายจำนวนเครื่องบูชายัญเท่ากับจำนวนบุตรของท่าน. เพราะโยบได้กล่าวว่า, “ชะรอยบุตรของข้าพเจ้าคงจะได้ทำผิดมาแล้วและคงได้ละงดนับถือพระเจ้าชั่วคราวในใจของเขากระมัง,” นี่แหละเป็นการปกติปฏิบัติของท่านโยบ 6 วันหนึ่งเหล่าเทพบดีได้มาเฝ้าฉะเพาะพระพักตรพระยะโฮวา, และซาตานก็มาอยู่ท่ามกลางคณะนั้นด้วย. 7 พระยะโฮวาจึงตรัสถามซาตานว่า, “เออ, นี่มาแต่ไหน?” ซาตานจึงทูลตอบพระยะโฮวาว่า, “มาจากการเที่ยวไปมาในโลก, และจากการเดินไปมาบนพื้นแผ่นดิน.” 8 พระยะโฮวาจึงตรัสแก่ซาตานว่า, “เคยได้สังเกตดูโยบผู้ทาสของเราหรือไม่? ว่าไม่มีใครในโลกดีเหมือนเขา; เป็นคนดีรอบคอบและชอบธรรม, เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหลบหลีกจากความชั่ว.” 9 ฝ่ายซาตานได้ทูลตอบพระยะโฮวาว่า, โยบนั้นยำเกรงพระเจ้าด้วยเปล่าประโยชน์หรือ? 10 พระองค์มิได้สร้างรั้วล้อมรอบเขาไว้หรือ? และล้อมรอบเรือนและอะไรอะไรที่เขามีอยู่ทุกด้านหรือ? ก็พระองค์ได้อวยพรให้การงานโดยน้ำมือของเขาเจริญขึ้นนี่, และทรัพย์สมบัติของเขาก็ทวีมากขึ้นบนพื้นแผ่นดิน. 11 แต่ถ้าหากบัดนี้พระองค์จะยื่นพระหัตถ์ออกแตะต้องให้เป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีอยู่นั้นเขาจะเลิกนับถือพระองค์ทีเดียว.” 12 พระยะโฮวาจึงตรัสแก่ซาตานว่า, “เอาเถอะ, ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีอยู่ก็อยู่ในอำนาจของเจ้าแล้ว, จะทำอะไรก็ทำได้. แต่ตัวเขาอย่าได้แตะต้องเป็นอันขาด.” ดังนั้นซาตานก็ทูลลาและออกไปจากพระพักตรพระยะโฮวา. 13 อยู่มาวันหนึ่ง, ขณะเมื่อบุตรชายหญิงของท่านโยบกำลังกินและดื่มน้ำองุ่นอยู่ ณ เรือนพี่ชายหัวปีนั้น. 14 ก็มีคนใช้คนหนึ่งมาหาโยบบอกว่า, “ขณะโคกำลังไถนา, และฝูงลากำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ กัน, 15 พวกชาวซะบาก็มาปล้นไล่ต้อนเอาไปหมด, และได้ฆ่าพวกบ่าวไพร่เสียด้วยคมดาบ. ข้าพเจ้าหนีรอดตายมาได้แต่ผู้เดียว, จึงได้มาแจ้งให้ท่านทราบ.” 16 เมื่อผู้นั้นกำลังพูดอยู่มีอีกคนหนึ่งมาบอกอีกว่า, “ไฟของพระเจ้าตกลงมาจากท้องฟ้า, เผาฝูงแกะและบ่าวไพร่ไหม้ตายหมด, ข้าพเจ้าหนีรอดมาได้แต่ผู้เดียว, จึงได้มาแจ้งให้ท่านทราบ.” 17 เมื่อผู้นั้นกำลังพูดอยู่มีอีกคนหนึ่งมาบอกอีกว่า, “ชาวเคเซ็ธ, ยกมาสามกองเข้าปล้นเอาฝูงอูฐไป, และฆ่าบ่าวไพร่เสียด้วยคมดาบ. ข้าพเจ้าหนีรอดมาได้แต่ผู้เดียว, จึงได้มาแจ้งให้ท่านทราบ.” 18 เมื่อผู้นั้นกำลังพูดอยู่มีอีกคนหนึ่งมาบอกอีกว่า, “บุตรชายบุตรหญิงทั้งหลายของท่าน, ขณะกำลังกินและดื่มน้ำองุ่นอยู่ที่เรือนของพี่ชาย. 19 และนี่แหละพายุเพ็ชรหิ่งพัดผ่านป่าทรายมาตีเรือนทั้งสี่ด้าน, เรือนนั้นก็พังทลายทับหนุ่มสาวทั้งหลายตายสิ้น. ข้าพเจ้าหนีรอดมาได้แต่ผู้เดียว, จึงได้มาแจ้งให้ท่านทราบ.” 20 ฝ่ายโยบก็ลุกขึ้น, ฉีกเสื้อคลุมของตน, แล้วก็โกนศีรษะ, และซบหน้าลงกับพื้นดิน, แสดงการเคารพต่อพระเจ้า; 21 แล้วกล่าวว่า, “ข้าพเจ้าได้คลอดจากครรภ์มารดาตัวเปล่า, และต้องกลับไปตัวเปล่าอย่างนั้นอีก. พระยะโฮวาได้ทรงประทานให้, และพระยะโฮวาได้ทรงเรียกกลับคืนไปอีก. จงสรรเสริญพระนามของพระยะโฮวาเถิด.” 22 ในเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ท่านโยบหาได้กระทำผิดสิ่งใดไม่, และมิได้กล่าวโทษอันใดต่อพระเจ้าเลย |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society