โยฮัน 7 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ภายหลังนั้นพระเยซูได้เสด็จท่องเที่ยวไปในมณฑลฆาลิลาย, ด้วยว่าไม่ปรารถนาจะเที่ยวดำเนินในมณฑลยูดาย, เพราะพวกยูดายแสวงหาโอกาสที่จะฆ่าพระองค์เสีย. 2 ฝ่ายเทศกาลตั้งกับอาศัยของพวกยูดายใกล้จะถึงแล้ว. 3 พวกพี่น้องของพระองค์จึงพูดกับพระองค์ว่า, “จงออกจากที่นี่ไปยังมณฑลยูดาย, เพื่อเหล่าสาวกของท่านจะได้เห็นการที่ท่านกระทำนั้น. 4 เพราะว่าไม่มีผู้ใดทำสิ่งใดในที่ลับลี้เมื่อเขาเองอยากให้ตัวปรากฏ. ถ้าท่านจะกระทำการเหล่านั้น, จงสำแดงตัวให้ปรากฏแก่โลกเถิด.” 5 ด้วยว่าพวกพี่น้องของพระองค์มิได้เชื่อถือในพระองค์. 6 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “เวลาของเรายังไม่ถึง, แต่สำหรับท่านทั้งหลายเวลาไหนๆ ก็เหมาะเสมอ. 7 โลกจะชังท่านทั้งหลายไม่ได้ แต่ได้ชังเรา, เพราะเราเป็นพะยานถึงการของโลกว่าเป็นการชั่ว. 8 ท่านทั้งหลายจงขึ้นไปที่การเลี้ยงเถิด เรายังไม่ขึ้นไปที่การเลี้ยงนี้, เพราะว่ายังไม่ถึงเวลากำหนดของเรา” 9 เมื่อพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นให้เขาฟังแล้ว, พระองค์ยังทรงยับยั้งอยู่ในมณฑลฆาลิลาย เสด็จขึ้นไปในการเลี้ยงนั้น 10 แต่เมื่อพวกพี่น้องของพระองค์ขึ้นไปแล้ว. พระองค์จึงเสด็จขึ้นไปในการเลี้ยงนั้นด้วย, แต่ไปเป็นการลับ ไม่ให้ปรากฏ. 11 เหตุฉะนั้นพวกยูดายจึงแสวงหาพระองค์ที่การเลี้ยงนั้น และถามว่า. “คนนั้นอยู่ที่ไหน?” 12 ประชาชนก็บ่นถึงพระองค์เป็นอันมาก บางคนว่า, “เขาเป็นคนดี.” บางคนว่า, “มิใช่, แค่เขาทำให้ประชาชนหลงไป.” 13 แต่ไม่มีผู้ใดอาจพูดถึงพระองค์โดยเปิดเผย, เพราะกลัวพวกยูดาย ทรงสั่งสอนโนโบสถ์ 14 ครั้นถึงกลางการเลี้ยงนั้นแล้ว, พระเยซูจึงเสด็จเข้าไปในโบสถ์และสั่งสอน. 15 พวกยูดายจึงคิดประหลาดใจและพูดว่า, “เมื่อคนนี้ยังไม่ได้เรียนก็จะรู้จักหนังสืออย่างไรได้?” 16 พระเยซูตรัสตอบว่า, “คำสอนของเราไม่เป็นของเราเอง, แต่เป็นของพระองค์ที่ทรงใช้เรามา. 17 ถ้าผู้ใดตั้งใจประพฤติตามพระทัยของพระองค์, ผู้นั้นคงจะรู้ถึงคำสอนนั้นว่ามาจากพระเจ้าหรือๆ เราพูดตามลำพังใจของเราเอง. 18 ผู้ใดพูดตามลำพังใจของตนเอง, ผู้นั้นย่อมแสวงหายศศักดิ์สำหรับตนเอง แต่ผู้ที่แสวงหายศศักดิ์สำหรับพระองค์ที่ทรงใช้ตนมา, ผู้นั้นแหละเป็นคนจริงไม่มีอธรรมเลย. 19 โมเซได้ให้บัญญัติแก่ท่านทั้งหลายมิใช่หรือ แต่ในพวกท่านไม่มีผู้ใดประพฤติตามบัญญัตินั้น. ท่านทั้งหลายแสวงหาโอกาสที่จะฆ่าเราทำไม?” 20 คนทั้งปวงจึงตอบว่า, “ตัวมีผีสิงอยู่ ใครเล่าหาโอกาสที่จะฆ่าตัว?” 21 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “เราได้ทำการสิ่งหนึ่ง, และท่านทั้งหลายอัศจรรย์ใจเพราะการนั้น. 22 โมเซได้ให้ท่านทั้งหลายรับพิธีสุนัด, (มิใช่เป็นมาจากโมเซ, แต่เป็นมาจากบรรพบุรุษ), และแม้ในวันซะบาโตท่านทั้งหลายก็ยังให้คนรับพิธีสุนัดนั้น 23 ถ้าคนยังรับพิธีสุนัดในวันซะบาโต, เพื่อมิให้ล่วงบัญญัติของโมเซ, ท่านทั้งหลายยังจะโกรธเราเพราะเรากระทำคนหนึ่งให้หายโรคเป็นปกติในวันซะบาโตหรือ 24 อย่าตัดสินตามที่เห็นภายนอก, แต่จงตัดสินตามชอบธรรมเถิด.” เขาแสวงหาโอกาสที่จะจับพระองค์ 25 ชาวกรุงยะรูซาเลมบางคนจึงพูดว่า, “คนนี้มิใช่หรือที่เขาหาโอกาสจะฆ่าเสีย? 26 นี่แน่ะ, ท่านพูดโดยเปิดเผยอยู่, และไม่เห็นเขาว่าอะไรแก่ท่าน. พวกขุนนางรู้แน่แล้วหรือว่าคนนี้เป็นพระคริสต์? 27 แต่เรารู้อยู่ว่าคนนี้มาจากไหน แต่เมื่อพระคริสต์มานั้น, ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามาจากไหน.” 28 เหตุฉะนี้พระเยซูจึงทรงเปล่งเสียงดังสั่งสอนในโบสถ์ว่า, “ท่านทั้งหลายรู้จักเรา, และรู้ว่าเรามาจากไหนเรามิได้มาโดยลำพังเราเอง, แต่พระองค์ที่ทรงใช้เรามามีจริง, แต่ท่านทั้งหลายไม่รู้จักพระองค์นั้น. 29 เรารู้จักพระองค์, เพราะเรามาจากพระองค์ และพระองค์ได้ทรงใช้เรามา. 30 เหตุฉะนั้นเขาทั้งหลายแสวงหาโอกาสที่จะจับพระองค์ แต่ไม่มีผู้ใดยื่นมือจับพระองค์, เพราะยังไม่ถึงเวลากำหนดของพระองค์. 31 แต่มีหลายคนในหมู่ประชาชนนั้นได้เชื่อถือในพระองค์ และพูดว่า, “เมื่อพระคริสต์จะมานั้น, ท่านจะกระทำเป็นนิมิตต์มากยิ่งกว่าที่คนนี้ได้กระทำหรือ” 32 เมื่อพวกฟาริซายได้ยินประชาชนบ่นถึงพระองค์อย่างนั้น, พวกฟาริซายกับพวกปุโรหิตใหญ่จึงได้ใช้เจ้าหน้าที่ไปจับพระองค์. 33 พระเยซูจึงตรัสว่า, “เรายังอยู่กับท่านทั้งหลายอีกหน่อยหนึ่ง, แล้วจะกลับไปถึงพระองค์ที่ทรงใช้เรามา. 34 ท่านทั้งหลายจะหาเราและจะไม่พบ, และที่เราอยู่นั้นท่านจะมาไม่ได้.” 35 เหตุฉะนั้นพวกยูดายจึงพูดกันว่า, “คนนี้จะไปที่ไหนเล่าที่เราจะพบไม่ได้? เขาจะไปหาคนที่กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางพวกเฮเลน, และสั่งสอนพวกเฮเลนหรือ 36 คำซึ่งเขาพูดนั้นเป็นอย่างไรที่ว่า. ‘ท่านทั้งหลายจะมาหาเราและไม่พบ ที่ที่เราอยู่นั้นท่านจะมาไม่ได้’?” พระคริสต์จะมาจากเชื้อวงศ์ของดาวิด 37 แล้วในวันที่สุดเป็นวันใหญ่ในการเลี้ยงนั้น พระเยซูทรงยืนประกาศว่า, “ถ้าผู้ใดระหายให้ผู้นั้นมาหาเราและดื่ม. 38 ผู้ที่วางใจในเรา, แม่น้ำประกอบด้วยชีวิตจะไหลออกจากภายในผู้นั้น, เหมือนได้มีคำเขียนไว้แล้ว.” 39 คำนั้นพระเยซูตรัสเล็งถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ทรงประทานพระวิญญาณ, เพราะพระเยซูยังไม่ได้รับสง่าราศี, 40 เหตุฉะนั้นมีหลายคนในหมู่ประขาชนเมื่อได้ยินคำนั้นจึงพูดว่า, “ท่านนี้เป็นศาสดาพยากรณ์ผู้นั้นแน่.” 41 บางคนว่า, “ท่านเป็นพระคริสต์.” แต่คนอื่นว่า, “พระคริสต์จะมาจากฆาลิลายหรือ 42 พระคัมภีร์กล่าวแล้วมิใช่หรือว่าพระคริสต์จะมาจากเชื้อวงศ์ของดาวิด, และจากหมู่บ้านเบธเลเฮ็ม ที่ดาวิดได้อยู่นั้น.” 43 เหตุฉะนั้นประชาชนจึงแยกออกเป็นก๊กเป็นหมู่เพราะพระองค์. 44 บางคนจะใคร่จับพระองค์, แต่ไม่มีผู้ใดยื่นมือจับพระองค์ 45 เจ้าหน้าที่จึงมาหาพวกปุโรหิตใหญ่และพวกฟาริซาย, และพวกเหล่านั้นจึงว่ากับเจ้าหน้าที่ว่า, “ทำไมจึงไม่ได้พาเขามา?” 46 เจ้าหน้าที่จึงตอบเขาว่า, “ไม่เคยมีผู้ใดพูดเหมือนคนนั้น.” 47 พวกฟาริซายจึงตอบเขาว่า, “พวกเจ้าหลงไปด้วยแล้วหรือ 48 มีผู้ใดในพวกขุนนางและพวกฟาริซายที่ได้เชื่อถือคนนั้นบ้างหรือ 49 แต่ว่าประชาชนนี้ที่ไม่รู้จักพระบัญญัติก็ต้องถูกแช่งอยู่แล้ว.” 50 นิโกเดโมที่ได้มาหาพระองค์คราวก่อนนั้น, และเป็นคนหนึ่งในพวกของเขา, จึงกล่าวว่า, 51 “กฎหมายของเราย่อมพิพากษาคนใดหรือ, เมื่อยังไม่ได้ฟังเขาก่อนและรู้ว่าเขาได้ทำอะไรบ้าง?” 52 เขาจึงตอบนิโกเดโมว่า, “ท่านมาจากฆาลิลายด้วยหรือ จงค้นดูเถิด, เพราะว่าไม่มีผู้พยากรณ์เกิดมาจากฆาลิลาย.” 53 (ต่างคนต่างได้กลับไปบ้านของตน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society