โยฮัน 19 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940เขาร้องให้ตรึงพระเยซูที่กางเขน 1 ขณะนั้นปีลาตจึงให้เอาพระเยซูไปโบยตี 2 พวกทหารก็เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรของพระองค์ และเอาเสื้อสีม่วงสวมพระองค์ 3 แล้วมาพูดกับพระองค์ว่า, “ท่านกษัตริย์ของพวกยูดาย, จงจำเริญเถิด” และเขาเอามือตบพระองค์. 4 ปีลาตจึงออกไปอีกกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า, “นี่แน่ะ เราพาคนนี้ออกมาให้ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะรู้ว่าเราไม่ได้เห็นความผิดสิ่งใดในเขาเลย.” 5 พระเยซูจึงเสด็จออกมาทรงมงกุฎทำด้วยหนามและทรงเสื้อสีม่วง. ปีลาตจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า, “นี่แน่ะ. ดูคนนี้ซิ” 6 เมื่อพวกปุโรหิตใหญ่และเจ้าหน้าที่ได้เห็นพระองค์, เขาทั้งหลายจึงร้องว่า. “ตรึงเขาที่กางเขนเสีย. ตรึงเขาที่กางเขนเสีย” ปีลาตจึงกล่าวแก่เขาว่า, “ท่านทั้งหลายจงเอาเขาไปตรึงที่กางเขนเถิด. เพราะว่าเราไม่ได้เห็นความผิดในเขาเลย.” 7 พวกยูดายตอบว่า. “พวกเรามีกฎหมาย ตามกฎหมายนั้นเขาควรจะตาย. เพราะว่าเขาได้ตั้งตัวเป็นบุตรของพระเจ้า.” 8 ครั้นปีลาตได้ยินคำนั้น, ท่านยิ่งตกใจกลัว 9 จึงเข้าไปในศาลไปรโตเรียนอีก ถามพระเยซูว่า, “ท่านมาจากไหน?” ฝ่ายพระเยซูมิได้ตรัสตอบประการใด. 10 ปีลาตจึงถามว่า, “ท่านไม่ตอบเราหรือ ท่านไม่รู้หรือว่าเรามีอำนาจที่จะปล่อยท่านได้, และมีอำนาจที่จะตรึงท่านไว้ที่กางเขนได้.” 11 พระเยซูตรัสตอบว่า, “ท่านจะมีอำนาจเหนือเราก็หามิได้, เว้นแต่ทรงประทานจากเบื้องบนให้แก่ท่าน เหตุฉะนั้นผู้ที่มอบเราไว้ให้แก่ท่าน ก็มีความผิดมากกว่าท่าน.” 12 ตั้งแต่นั้นไปปีลาตจึงหาโอกาสที่จะปล่อยพระองค์ แต่พวกยูดายร้องอึงว่า, “ถ้าท่านปล่อยคนนี้, ท่านก็ไม่ได้เป็นมิตรสหายกับกายะซา ทุกคนที่ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ก็พูดต่อสู้กายะซา.” 13 เมื่อปีลาตได้ยินคำเหล่านั้น, ท่านจึงพาพระเยซูออกมาแล้วนั่งลงที่พิพากษาในที่ซึ่งเรียกว่า หน้าพระลาน, แต่ในภาษาเฮ็บรายเรียกว่า ฆับบาธา. 14 วันนั้นเป็นวันตระเตรียมปัศคา ประมาณเวลาเที่ยง. ปีลาตจึงพูดกับพวกยูดายว่า, “นี่แน่ะ กษัตริย์ของท่านทั้งหลาย” 15 ฝ่ายคนทั้งปวงร้องอึงว่า, “จงเอาเขาไปฆ่าเสีย, จงเอาเขาไปฆ่าเสีย, จงตรึงเขาที่กางเขนเสีย” ปีลาตจึงถามเขาว่า, “จะให้เราตรึงกษัตริย์ของท่านทั้งหลายที่กางเขนหรือ” พวกปุโรหิตจึงตอบว่า, “กษัตริย์ของพวกเราไม่มีเว้นแต่กายะซา.” 16 ขณะนั้นปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาพาไปตรึงเสียที่กางเขน เขาได้ตรึงพระองค์ไวัที่กางเขน ปีลาตเขียนว่า “กษัตริย์ของพวกยูดาย” 17 เขาจึงพาพระเยซูออกไป. ฝ่ายพระเยซูทรงแบกกางเขนไปยังที่ซึ่งเขาเรียกว่า กะโหลกศีรษะ, ภาษาเฮ็บรายเรียกว่า โฆละโฆธา 18 ที่นี่แหละเขาได้ตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับอีกสองคนๆ ละข้างและพระเยซูอยู่กลาง. 19 ปีลาตจึงเขียนคำประจารไว้ที่กางเขนด้วย. คำประจารนั้นว่า, “เยซูชาวนาซาเร็ธกษัตริย์ของพวกยูดาย.” 20 คำประจารนั้นพวกยูดายหลายคนได้อ่าน, เพราะว่าที่ที่เขาตรึงพระเยซูไว้อยู่ใกล้กับเมือง และคำนั้นเขียนเป็นภาษาเฮ็บราย. ภาษาละติน, และภาษาเฮเลน. 21 เหตุฉะนั้นพวกปุโรหิตใหญ่ของพวกยูดายจึงพูดกับปีลาตว่า, “อย่าเขียนว่า ‘กษัตริย์ของพวกยูดาย,’ แต่เขียนว่า ‘ตัวเขาว่าเราเป็นกษัตริย์ของพวกยูดาย.’ ” 22 ปีลาตจึงตอบว่า, “ซึ่งเราได้เขียนเราก็เขียนแล้ว” 23 ครั้นพวกทหารตรึงพระเยซูไว้ที่กางเขนแล้ว. เขาจึงแบ่งฉลองพระองค์เป็นสี่ส่วน เอาคนละส่วน และเขาเอาเสื้อชั้นในด้วย แต่เสื้อชั้นในนั้นไม่มีตะเข็บ, ทอตั้งแต่บนจนตลอดล่าง. 24 เหตุฉะนั้นเขาจึงปรึกษากันว่า, “เราอย่าฉีกปันกันเลย, แต่จงจับสลากกันจะได้รู้ว่าจะเป็นของผู้ใด.” เพื่อพระคัมภีร์ซึ่งเขียนไว้แล้วจะสำเร็จที่ว่า, เขาเอาเสื้อผ้าของเราแบ่งปันกัน, และเสื้อของเราเขาจับสลากกัน 25 พวกทหารได้กระทำสิ่งเหล่านั้น. ฝ่ายมารดาและน้าสาวของพระองค์ กับมาเรียภรรยาของเกลวปา และมาเรียชาวมัฆดาลายืนอยู่ริมกางเขนของพระเยซู. 26 เมื่อพระเยซูทรงเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนนั้นที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้, พระองค์จึงตรัสแก่มารดาของพระองค์ว่า, “ท่านสุภาพสตรี, จงดูบุตรของท่านเถิด” 27 แล้วพระองค์จึงตรัสแก่สาวกคนนั้นว่า, “จงดูมารดาของท่านเถิด” ตั้งแต่เวลานั้นมาสาวกคนนั้นจึงรับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตน ทรงก้มพระเศียรลงปลงจิตต์วิญญาณ 28 ภายหลังนั้นพระเยซูทรงทราบว่าสิ่งทั้งปวงสำเร็จแล้ว, เพื่อพระคัมภร์ที่เขียนไว้นั้นจะสำเร็จ, พระองค์จึงตรัสว่า, “เรากระหายน้ำ.” 29 ที่นั่นมีภาชนะใส่นํ้าองุ่นเปรี้ยวไว้เต็ม เขาจึงเอาฟองน้ำชุบน้ำองุ่นเปรี้ยวใส่ปลายไม้ส่งที่พระโอษฐ์ของพระองค์. 30 เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้วพระองค์จึงตรัสว่า, “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงปลงจิตต์วิญญาณ 31 พวกยูดายจึงขอปีลาตให้ทุบกะดูกขาให้หักและเอาศพไปเสีย, เพื่อมิให้ศพนั้นค้างอยู่ที่กางเขนในวันซะบาโต, เพราะเป็นวันเตรียม, และวันซะบาโตนั้นเป็นวันสำคัญ, 32 พวกทหารจึงมาทุบขาของคนที่หนึ่ง และขาของคนที่สองที่ถูกตรึงไว้กับพระองค์ที่กางเขนให้หัก 33 แต่เมื่อเขามาถึงพระเยซูและเห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว, เขาจึงมิได้ทุบกะดูกขาของพระองค์ 34 แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์, และมีนํ้ากับโลหิตไหลออกจากแผลนั้น. 35 ผู้ที่ได้เห็นก็เป็นพะยานแล้ว, และคำพะยานของเขาก็จริง เขารู้ว่าเขาพูดจริง, เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อ. 36 เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเพื่อข้อพระคัมภร์จะสำเร็จ ซึ่งว่า, พระอัฏฐิของพระองค์สักอันหนึ่งเขาจะไม่ทำให้หักเลย. 37 และมีข้อในพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า, เขาจะมองดูพระองค์ที่เขาได้แทง 38 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้นโยเซฟชาวบ้านอริมาธายผู้เป็นศิษย์ของพระเยซู, แต่มิได้ปรากฏตัวเพราะกลัวพวกยูดาย, ท่านมาขอพระศพพระเยซูจากปีลาตปีลาตก็ยอมให้. โยเซฟจึงมาเชิญพระศพพระเยซูไป. 39 ฝ่ายนิโกเดโมที่ได้มาหาพระเยซูเวลากลางคืน แต่ก่อนนั้นจึงเอาเครื่องหอมคือมดยอบกับอาโลเอหนักประมาณสามสิบชั่งมาด้วย. 40 เขาทั้งหลายจึงเอาผ้าป่านกับเครื่องหอมพันพระศพของพระเยซูตามธรรมเนียมฝังศพของพวกยูดาย. 41 ในตำบลที่เขาตรึงพระองค์ที่กางเขนนั้นมีสวนแห่งหนึ่ง ในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่ได้ใส่ศพผู้ใดเลย. 42 เขาจึงเชิญพระศพของพระเยซูไปประดิษฐานไว้ที่นั่น. เพราะอุโมงค์นั้นอยู่ใกล้, และเพราะวันนั้นเป็นวันตระเตรียมของพวกยูดาย |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society