เยเรมีย์ 38 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ขณะนั้นซะฟัตยาบุตรของมาธาน, แลคะดัลยาบุตรของฟัศฮูร, แลยุคัลบุตรของเซเล็มยา, แลฟัศฮูรเป็นบุตรของมาละคียา, ได้ยินถ้อยคำซึ่งยิระมะยาพูดให้คนทั้งปวงฟังว่า, 2 พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่า, ผู้ใดค้างอยู่ในเมืองนี้จะต้องตายด้วยกะบี่, แลด้วยความอดอยาก, แลด้วยความไข้โรคห่า, แต่ผู้ใดออกไปถึงพวกเคเซ็ดจะได้มีชีวิตอยู่, เพราะเขาได้ชีวิตของตัวไว้เป็นของปล้น, แลเขาจะอยู่ต่อไป. 3 พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่า, เมืองนี้จะต้องมอบไว้ในเงื้อมมือกองทัพกษัตริย์บาบูโลน, แลเขาจะตีเอาได้เป็นแน่. 4 เหตุดังนี้พวกเจ้านายจึงทูลกษัตริย์ว่า, ข้าพเจ้าทั้งหลายขอพระองค์ได้อนุญาตให้คนนี้ต้องโทษถึงตายเถิด, เพราะเจ้าพูดดังนั้นเป็นที่จะให้มือของชายสำหรับข้าศึก, อันตกค้างอยู่ในเมืองนี้, อ่อนกำลังลง, แลจะให้มือบรรดาคนทั้งปวงอ่อนไป. เพราะถ้อยคำที่เขาพูดแก่เขาทั้งหลายนั้น, ด้วยว่าคนนี้ไม่ได้เสาะหาที่จะเป็นประโยชน์แก่ไพร่พลเมือง, แต่ได้เสาะหาที่จะเป็นความอัปยศแก่เขา. 5 ขณะนั้นซิดคียากษัตริย์จึงตรัสว่า, จงดูเถิด, ยิระมะยาอยู่ในมือพวกของเจ้าแล้ว, เพราะกษัตริย์จะทำอะไรขัดขวางแก่เจ้ามิได้. 6 แล้วเขาทั้งหลายก็เอายิระมะยาทิ้งลงในอุโมงค์อันมืดเป็นอุโมงค์ของมาระคียาบุตรของฮามีเล็ก, อันมีอยู่ในบริเวณนั้น. แล้วเขาทั้งปวงเอาเชือกเส้นเล็กๆ หย่อนยิระมะยาลง. แลในอุโมงค์นั้นไม่มีน้ำ, มีแต่โคลน, แลยิระมะยาได้ตกจมอยู่ในโคลนเลนนั้น. 7 แต่เมื่อเอเบ็ดเมเล็กเป็นชาวเมืองอายธิโอบ, แต่พวกขันทีคนหนึ่ง, ที่ได้อยู่ในเรือนกษัตริย์, เขาได้ยินว่าเจ้านายทั้งหลายเอาตัวยิระมะยาหย่อนลงไว้ในอุโมงค์มืดนั้น, กษัตริย์ยังกำลังนั่งอยู่ในประตูเรือนแห่งเบ็นยามิน. 8 เอเบ็ดเมเล็กออกไปจากเรือนกษัตริย์, แลไปทูลแก่กษัตริย์ว่า, 9 ท่านกษัตริย์ผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า, คนเหล่านี้ได้ทำการชั่วในบรรดาการที่เขาได้ทำแก่ยิระมะยาผู้ทำนายนั้น. ซึ่งเขาได้ทิ้งลงไว้ในอุโมงค์มืดนั้น, แลยิระมะยาแทบจะถึงตายด้วยความอดอยากในที่เขาต้องจำอยู่นั้น, เพราะไม่มีขนมในเมืองนี้อีกแล้ว. 10 ขณะนั้นกษัตริย์ก็สั่งเอเบ็ดเมเล็กชาวอายธิโอบว่า, เจ้าจงเอาสามสิบคนแต่ที่นี่ให้ไปกับด้วยเจ้าช่วยยกยิระมะยาผู้ทำนายออกจากอุโมงค์มืดนั้น, กว่าเขาจะตายเถิด. 11 เหตุดังนี้เอเบ็ดเมเล็กจึงจัดแจงพวกชายหลายคนไปด้วยตัว, แล้วเข้าไปในเรือนแห่งกษัตริย์อยู่ข้างฝ่ายใต้ที่ไว้สมบัตินั้น, แล้วก็เอาผ้าท่อนเก่าขี้ริ้ว, ผูกปลายเชือกหย่อนลงไปในอุโมงค์นั้นจนถึงยิระมะยาอยู่. 12 แลเอเบ็ดเมเล็กชาวอายธิโอบบอกยิระมะยาว่า, ท่านจงเอาผ้าขี้ริ้วท่อนเก่านี้ใส่ไว้ในรักแร้ทั้งสองข้างที่ใต้เชือกเส้นเล็กเถิด. ฝ่ายยิระมะยาก็กระทำตาม, 13 ดังนี้และเขาทั้งหลายก็ได้ชักตัวยิระมะยาขึ้นด้วยเชือกเส้นเล็กๆ, เอาตัวเขาออกจากอุโมงค์มืด, แล้วยิระมะยาก็ติดค้างอยู่ในบริเวณคุกนั้น 14 ขณะนั้นซิดคียากษัตริย์ได้ใช้คนไปเอายิระมะยาผู้ทำนายไปเฝ้าท่านในเรือนพระยะโฮวาบนชั้นที่สาม. แล้วกษัตริย์ตรัสแก่ยิระมะยาว่า, เราจะถามเจ้าสักข้อหนึ่ง, เจ้าอย่าได้ปิดบังอำความสิ่งใดไว้จากเราเลย. 15 ขณะนั้นยิระมะยาจึงทูลแก่ซิดคียาว่า, ถ้าข้าพเจ้าจะบอก (ข้อความนั้น) แก่ท่าน, จะไม่ประหารตัวข้าพเจ้าให้ถึงแก่ความตายเป็นแน่หรือ, แลถ้าแม้นข้าพเจ้าจะเตือนสติท่าน, ท่านจะไม่เชื่อฟังข้าพเจ้า. 16 เหตุดังนี้ซิดคียากษัตริย์จึงสาบานตัวแก่ยิระมะยาเป็นความลับว่า, พระยะโฮวาผู้ที่ได้สร้างใจของเราทั้งสองนี้, ได้ทรงชีวิตอยู่มั่นคงฉันใด, เราจะไม่ฆ่าเจ้าให้ถึงตายเลย, และเราจะไม่มอบตัวเจ้าไว้ในมือแห่งคนที่แสวงหาชีวิตของเจ้าฉันนั้น. 17 ขณะนั้นยิระมะยาจึงทูลแก่ซิดคียาว่า, พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพลโยธาทั้งหลาย, เป็นพระเจ้าแห่งพวกยิศราเอล, ได้ตรัสดังนี้ว่า, ถ้าแม้นท่านจะออกไปหาเจ้านายแห่งกษัตริย์เมืองบาบูโลนเป็นแน่, แล้วท่านจึงจะได้รอดชีวิตของท่าน, แลเมืองนี้จะไม่ต้องเผาผลาญเสียด้วยไฟ, แลท่านจะได้มีชีวิตจำเริญอยู่, กับทั้งครอบครัวของท่าน. 18 ถ้าแม้นท่านไม่ได้ออกไปหาพวกเจ้านายของกษัตริย์เมืองบาบูโลน, แล้วเมืองนี้จะต้องมอบไว้ในมือพวกเคเซ็ด, แลเขาทั้งปวงจะเผาผลาญกรุงนี้เสียด้วยไฟ, แลท่านจะไม่พ้นจากเมืองของเขาไปได้. 19 ส่วนซิดคียากษัตริย์จึงตรัสแก่ยิระมะยาว่า, เรากลัวพวกยูดายที่ได้ต้องตกค้างอยู่กับพวกเคเซ็ด, เกลือกว่าพวกยูดายจะมอบหัวเราไว้ในมือพวกเคเซ็ด, แลเขาทั้งหลายจะล้อเลียนเรา. 20 ฝ่ายยิระมะยาจึงทูลตอบว่า, พวกยูดายจะไม่มอบท่านไว้กับเขาเลย. ข้าพเจ้าจะขอท่านได้ทรงสดับฟังสำเนียงตรัสแห่งพระยะโฮวา, ที่ข้าพเจ้าได้ทูลแก่ท่าน, จึงจะได้บังเกิดความสุขแก่ท่าน, แลชีวิตของท่านจะได้ดำรงอยู่ต่อไป. 21 แต่ทว่าถ้าท่านจะขัดขวางมิได้ออกไป, คำที่พระยะโฮวาได้สำแดงแก่ข้าพเจ้าก็เป็นดังนี้ว่า, 22 นี่แน่ะ, บรรดาพวกผู้หญิงซึ่งค้างอยู่ในเรือนแห่งกษัตริย์ยะฮูดาจะต้องพาออกไปถึงพวกเจ้านายของกษัตริย์บาบูโลน, แลหญิงเหล่านั้นจะบอก (กะทบท่าน) ท่าน, จำพวกผู้สนิทของท่านได้กระทำให้ท่านขัดขวาง, แลเจ้าทั้งหลายได้ชะนะแก่ท่านแล้ว, แลเท้าของท่านก็ซุดจมลงในโคลนเลน, แลจำพวกผู้สนิทนั้นได้หันกลับไปจากท่านเสียแล้ว. 23 แลเจ้าทั้งหลายจะได้พาบรรดาพวกนักสนมของท่านแลบุตราบุตรีของท่านออกมาถึงพวกเคเซ็ด, แลท่านจะพ้นหนีไปจากเมืองของเขามิได้, แต่ท่านจะต้องจับด้วยมือของกษัตริย์บาบูโลน, แลท่านจะเป็นเหตุที่จะให้เมืองนี้ต้องเผาผลาญเสียด้วยไฟ. 24 ขณะนั้นซิดคียาตรัสแก่ยิระมะยาว่า, อย่าให้ผู้ใดรู้ถ้อยคำเหล่านี้, เจ้าจึงจะไม่ต้องตาย. 25 แต่ถ้าว่าพวกเจ้านายได้ยินว่าเราพูดแก่เจ้าแล้ว, แลเขาทั้งปวงมาถึงเจ้า, แลสั่งแก่เจ้าว่า, บัดนี้เจ้าจงบอกแก่พวกเราซึ่งเจ้าได้ทูลแก่กษัตริย์นั้น, อย่าได้ปิดบังจากเราเลย, แลพวกเราจึงจะไม่มอบให้เจ้าตาย, แลจงบอกความซึ่งกษัตริย์ได้ตรัสแก่เจ้าด้วย, 26 ขณะนั้นเจ้าจงบอกแก่เขาทั้งปวงว่า, ข้าพเจ้าได้วางความอ้อนวอนของข้าพเจ้าต่อหน้ากษัตริย์, เพื่อท่านจะไม่ให้ข้าพเจ้ากลับไปยังเรือนโยนาธานให้ตายที่นั่น. 27 แล้วบรรดาพวกเจ้านายมาถึงยิระมะยา, แลไต่ถามเขา (ดังนั้น), แลยิระมะยาจึงบอกเขาทั้งปวงตามบรรดาถ้อยคำที่กษัตริย์ได้สั่งกำชับไว้นั้น. เหตุดังนี้เขาทั้งหลายจะหยุดการที่ไต่ถามแก่ยิระมะยา. เพราะเรื่องความนั้นเจ้าหาได้นึกออกไม่. 28 อาศัยเหตุนี้ยิระมะยาจึงได้ค้างอยู่ในบริเวณคุกนั้น, กว่าวันที่เมืองยะรูซาเลมต้องแตก. แลยิระมะยาได้อยู่ที่นั่น, เมื่อเมืองยะรูซาเลมเสีย (แก่กองทัพเจ้าเมืองบาบูโลน) |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society