เยเรมีย์ 12 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 โอ้พระยะโฮวา, เมื่อข้าพเจ้ากำลังอ้อนวอนถึงพระองค์, พระองค์เป็นสัตย์ธรรมอยู่ แต่ขอพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าทูลแก่พระองค์ด้วยความพิพากษาของพระองค์. เหตุผลประการใดทางของคนชั่วได้เจริญ. เหตุไรบรรดาคนที่ประพฤติคดโกงนักได้เป็นสุขเล่า. 2 พระองค์ได้ปลูกเขาทั้งปวง, แท้จริงเขาได้หยั่งรากลง, เขาได้โตขึ้น, แท้จริงเขาทั้งปวงได้ออกผล. พระองค์ได้อยู่ใกล้ในปากเขา, แต่ในใจเขานั้นพระองค์อยู่ห่างไกล. 3 แต่โอ้พระยะโฮวา, พระองค์ได้รู้จักตัวข้าพเจ้าพระองค์ได้เห็นตัวข้าพเจ้า, แลได้ไล่เลียงใจของข้าพเจ้าว่า, จะเป็นอย่างไรแก่พระองค์. จงฉุดลากเขาทั้งปวงออกเหมือนอย่างแกะเพื่อจะฆ่าเสีย, แลจงได้จัดแจงเขาทั้งปวงเพื่อวันที่จะฆ่าเขาเถิด. 4 ประเทศนี้จะเศร้าโศกนานไปถึงไหน, แลพืชผักทั้งหลายทุกนาได้เหี่ยวแห้งไป, เพราะความชั่วของเขาทั้งปวง, ที่ได้อาศัยอยู่ในที่นั้น. สัตว์บกทั้งหลายได้ศูนย์หายแล้ว, แลฝูงนกด้วย, เพราะเขาทั้งปวงได้กล่าวว่า, พระองค์จะไม่ได้เห็นที่สิ้นสุดของพวกเรา. 5 ถ้าเจ้าได้วิ่งแข่งกันด้วยคนเดินเท้า, แลเขาได้ให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยแล้ว, ก็ที่ไหนเจ้าจะอาจสู้ด้วยฝูงม้าเล่า, แลถ้าเจ้าในประเทศอันเป็นสุขอยู่, ที่เจ้าได้ไว้ใจนั้น, เขาทั้งปวงได้ให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยแล้ว, ก็เจ้าจะทำประการใดในน้ำท่วมของแม่น้ำยาระเดนเล่า. 6 ด้วยว่าแม้นพวกพี่น้องของเจ้า, แลครอบครัวของบิดาของเจ้า, เขาทั้งปวงได้ประพฤติคดโกงแก่เจ้าด้วย, แท้จริงเขาทั้งปวงได้ร้องเรียกให้ดังตามเจ้า, ถึงเขานั้นจะพูดคำดีแก่เจ้า, เจ้าอย่าเชื่อเขาเลย. 7 เราได้ละทิ้งครอบครัวเรา, เราได้ละทิ้งที่มฤดกของเราเสียแล้ว, เราได้ยกซึ่งใจของเราได้รักสนิทนั้นมอบไว้ในมือของศัตรูของเขา. 8 ที่มฤดกแห่งเราเป็นแก่เราเหมือนอย่างสิงห์โตในป่าดง, ที่มฤดกของเรานั้นได้แผดเสียงต่อสู้เรา, เหตุฉะนี้เราได้ชังที่นั้นแล้ว, 9 ที่มฤดกแห่งเราเป็นแก่เราเหมือนอย่างนกสีกระ, ฝูงนกอันล้อมรอบได้เป็นศัตรูต่อนกนั้น. 10 เจ้าทั้งหลายจงมาให้ชุมนุมสัตว์แห่งทุ่งนา, จงมากัดกินเถิด. ครูสอนแลนายมากหลายได้ทำลายสวนองุ่นของเรา, แล้วเขาทั้งปวงได้เหยียบย่ำเป็นส่วนของเราลงใต้เท้า, เขาได้กระทำส่วนของเรา, ที่เป็นสนุกสนานนั้นให้เป็นป่าเปลี่ยวร้างไป. 11 เขาทั้งหลายได้กระทำส่วนของเราให้เปลี่ยวเปล่า, ส่วนนั้นโศกเศร้าแก่เรา, ประเทศนั้นทั้งหมดเป็นร้างไปแล้ว, เพราะไม่มีผู้ใดเอาเหตุนั้นใส่ไว้ในใจของตัว. 12 ผู้ช่างทำลายได้มาตลอดป่าดอนขึ้นบนบรรดาที่สูงทั้งปวง, เพราะกะบี่ของพระยะโฮวาจะกัดกินตั้งแต่ปลายประเทศข้างนี้จนถึงปลายประเทศข้างโน้น, ไม่มีเนื้อสิ่งใดที่มีความสุข. 13 เขาทั้งปวงได้หว่านพืชข้าวสาลี, แต่จะเกี่ยวหนาม, เขาจะทำเหน็ดเหนื่อยแก่ตัว, แต่จะไม่ได้ประโยชน์อะไร, แลจะละอายเพราะการทั้งปวงของเขาเพราะความพิโรธอันกล้าของพระยะโฮวา. 14 พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่าต่อบรรดาเพื่อนบ้านของเรา, ที่ได้ถูกต้องที่มฤดกซึ่งเราได้กระทำให้พวกยิศราเอลไพร่พลของเรามฤดกนั้น, ว่านี่แน่ะ, เราจะถอนพวกเหล่านั้นออกจากประเทศของเขา, แลจะถอนครอบครัวของยะฮูดาออกจากที่กลางจำพวกนั้น. 15 แลจะเกิดมีเหตุมาเมื่อเราได้ถอนเขาทั้งปวงออกเสียแล้วนั้น, เราจะกลับมาแลจะมีความเมตตาแก่เขาเหล่านั้นแลจะได้พาเขาทั้งปวงมาอีก, คือมนุษย์ทุกตัวคนถึงที่มฤดกของตัว, แลมนุษย์ทุกตัวคนถึงที่ประเทศของตัว. 16 แลจะเกิดมีเหตุมา, ถ้าเขาทั้งปวงจะหมั่นเรียนในทางทั้งหลายแห่งไพร่พลของเรา, เพื่อจะสบถสาบานโดยชื่อของเราว่าพระยะโฮวาทรงชีวิตอยู่, เหมือนเขาทั้งปวงได้สั่งสอนไพร่พลของเราให้สบถด้วยชื่อของบาละ, ขณะเขาทั้งหลายจะต้องกู้ขึ้นในที่ท่ามกลางไพร่พลของเรา. 17 แต่ถ้าเขาจะไม่ฟัง, เราจะถอนเขาให้สิ้นเชิงแลจะทำลายเมืองนั้น, พระยะโฮวาได้ตรัส. |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society