วินิจฉัย 19 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 คราวเมื่อพวกยิศราเอลไม่มีกษัตริย์, มีชายตระกูลเลวีผู้หนึ่ง, มาอยู่ที่เขตต์ภูเขาเอ็ฟรายิมข้างโน้น, รับหญิงชาวเมืองเบธเลเฮ็มเขตต์ยูดาคนหนึ่งมาเป็นเมียน้อย. 2 เมียน้อยของเขาเป็นชู้จึงทิ้งเขาเสีย, ไปยังเมืองเบธเลเอ็มเขตต์ยูดา, บ้านบิดาอาศัยอยู่ที่นั่นสิ้นสี่เดือน. 3 สามีก็จัดลาสองตัวกับบ่าวคนหนึ่งออกติดตามไป, หวังจะพูดเอาใจนางแล้วพากลับมา, นางก็พาสามีเข้าไปในเรือนบิดา: เมื่อบิดาเห็นก็ดีใจต้อนรับบุตรเขย, 4 พ่อตาจึงให้บุตรเขยพักอยู่ด้วยตนสามวัน; เขาก็อยู่กินดื่มหลับนอนที่นั่น. 5 ครั้นถึงวันที่สี่, เวลารุ่งเช้าก็ตื่นแล้วบุตรเขยลุกขึ้นหวังจะไป; บิดาของหญิงจึงพูดแก่ลูกเขยว่า, จงกินอาหารสักหน่อยพอชื่นใจแล้วเจ้าทั้งสองจึงค่อยไปเถิด. 6 เขาทั้งสองก็นั่งลงดื่มกินพร้อมกัน: ส่วนบิดาของหญิงจึงพูดแก่ลูกเขยว่า, เชิญค้างอยู่ตลอดคืนให้สะบายใจเถิด. 7 เมื่อชายนั้นลุกขึ้นคิดจะไป, พ่อตาชักชวนไว้: จึงต้องค้างอยู่ที่นั่นอีก, 8 ครั้นถึงวันที่ห้าเขาลุกขึ้นแต่เช้าคิดว่าจะไป: พ่อตาจึงว่า, จงอยู่ให้สะบายใจจนเวลาบ่ายเถิด. เขาทั้งสองก็อยู่รับประทานอาหารต่อไป, 9 เมื่อชายนั้นกับเมียน้อยและบ่าวหมายจะพากันไป, พ่อตาจึงพูดแก่บุตรเขยว่า, ดูเถิดเวลาจวนจะเย็นแล้ว. เชิญพักนอนอีกเพราะเย็นเสียแล้ว: จงค้างอยู่ที่นี่ให้สำราญใจเถิด; ต่อพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าแล้วเจ้าทั้งสองจึงค่อยพากันไปบ้านเถิด 10 ส่วนชายนั้นไม่ยอมค้าง, ก็เอาลาสองตัวที่ผูกอานไว้แล้วก็ออกไปกับเมียน้อย, ตรงเข้าไปเมืองยะบูศคือยะรูซาเลม: 11 เมื่อมาใกล้เมืองยะบูศ, ตะวันบ่ายลงมาแล้ว; บ่าวจึงพูดแก่นายว่า, ให้พวกเราแวะเข้าพักอยู่ที่เมืองยะบูศก่อน, 12 นายตอบว่า, เราจะไม่แวะเข้าไปในเมืองคนต่างประเทศ, ซึ่งมิใช่พวกยิศราเอล; เราจะข้ามไปยังเมืองฆิบอา. 13 นายจึงพูดแก่บ่าวว่า, มาเถิด, เราจะแวะเข้าไปค้างอยู่ที่เมืองเหล่านั้นสักตำบลหนึ่งคือที่ฆิบอาหรือรามา. 14 พอเขาเลยไปใกล้จะถึงเมืองฆิบอาของตระกูลเบ็นยามินอาทิตย์ก็ตก. 15 เขาก็แวะเข้าไปในเมืองฆิบอา: จะพักนอนอยู่ที่ถนน: เพราะหามีใครมีใครมาเชิญเข้าในบ้านไม่ 16 มีชายแก่คนหนึ่งเป็นชาวภูเขาเอ็ฟรายิม; เลิกการจากนาเวลาเย็น, มาอาศัยอยู่ที่เมืองฆิบอา: ส่วนชาวเมืองนั้นเป็นตระกูลเบ็นยามิน. 17 เมื่อชายแก่นี้แหงนตาขึ้นเห็นคนเดินทางมาอยู่ที่ถนนเมืองก็ถามว่า, พวกท่านมาแต่ไหน? จะไปแห่งใด? 18 เขาตอบว่า, พวกเรามาจากเบธเลเฮ็มเขตต์ยูดา, จะไปยังภูเขาเอ็ฟรายิม; ด้วยข้าพเจ้ามาจากที่นั้น; ได้ไปยังเบธเลเฮ็มยูดา. จะไปที่พลับพลาพระยะโฮวา; แต่บัดนี้หามีผู้ใดพาเข้าในเรือนไม่. 19 ฟางกับอาหารที่จะเลี้ยงลาพวกเรามีพร้อมแล้ว; ทั้งน้ำองุ่นและอาหารที่จะเลี้ยงตนกับหญิงและชายหนุ่มที่อยู่กับข้าพเจ้า, ไม่ขัดสนสิ่งใดเลย. 20 ชายแก่จึงว่า, ขอให้เป็นสุขสะบายเถิด; ถ้าขาดสิ่งใดๆ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นธุระทั้งสิ้น, แต่อย่านอนค้างที่ถนนเลย. 21 ชายแก่นั้นก็ได้เลี้ยงลาให้เขา, และพาเขาเข้าไปในเรือนตน, ชำระเท้าแล้วเขาก็กินและดื่ม 22 เมื่อเขาทั้งปวงกำลังมีใจสะบายชื่นชม, ชาวเมืองที่เป็นพวกทรชนพากันมาล้อมรอบเรือน, และตีประตู, พูดแก่ชายแก่เจ้าของเรือนว่า, จงส่งตัวคนที่มาอยู่ในเรือนเจ้าออกมาให้เราสังวาส. 23 ชายเจ้าของเรือนก็ออกไปเตือนเขาว่า, พี่น้องเอ๋ย, อย่าวุ่นวายเลย, ด้วยผู้นี้มาอาศัยเรือนเราอยู่, อย่าทำการชั่วเช่นนี้. 24 นี่แน่ะ, บุตรสาวของข้าพเจ้ากับเมียน้อยของผู้นั้น; เราจะพาเขาทั้งสองออกมาให้เจ้าทั้งปวงทำชำเราตามชอบใจ. แต่ฝ่ายชายผู้นี้อย่าทำแก่เขาอย่างนั้นเลย. 25 แต่คนเหล่านั้นไม่ฟัง: ผู้นั้นจึงจับเมียน้อยของตนพาไปข้างนอกให้เขาทั้งหลายชำเราข่มเหงคืนยังรุ่ง จนเวลารุ่งขึ้นเขาจึงปล่อยไป. 26 ครั้นเช้าตรู่หญิงนั้นมาล้มลงที่ประตูบ้านซึ่งสามีคอยอยู่จนสว่าง 27 เมื่อสามีของนางลุกขึ้นเวลาเช้า, เปิดประตูบ้านแล้วจะออกไปตามทาง: ก็เห็นเมียน้อยของตนล้มอยู่ที่ประตูบ้าน, มือพาดธรณี. 28 จึงว่า, ลุกขึ้นเราพากันไปเถิด. แต่หามีเสียงตอบไม่แล้ว. ผัวก็ยกนางขึ้นหลังลาพาไปบ้าน. 29 เมื่อถึงบ้านแล้ว, ก็เอามีดฟันศพนาง, ตามข้อกระดูกออกเป็นสิบสองท่อน, ใช้คนให้ไปแจกทั่วเขตต์แดนยิศราเอล. 30 ครั้นเขาทั้งปวงเห็นเข้าก็ว่า, การเช่นนี้ไม่มีใครได้เห็นได้ทำ ตั้งแต่พวกยิศราเอลขึ้นมาจากแผ่นดินอายฆุบโตจนทุกวันนี้; จงปรึกษาหารือกันดู แล้วให้ว่าไปเถิด |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society