อิสยาห์ 9 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 แต่จะไม่มีความทุกข์ระทมหม่นไหม้แก่บ้านเมืองนั้นเสมอไป, ในกาลก่อนแว่นแคว้นซะบูโลนและแว่นแคว้นนัฟธาลีได้ถูกเหยียดให้ต่ำต้อยไปฉันใด, แต่ในวารที่สุดพระองค์จะทรงกระทำให้แคว้นแห่งทะเลฆาลิลายร่งเรืองเจริญขึ้นฉันนั้น, คือแว่นแคว้นที่ประชาชาติตั้งภูมิลำเนาอยู่. 2 คนเหล่านั้นซึ่งดำเนินอยู่ในความมืด, ได้เห็นความสว่างอันใหญ่แล้ว: และผู้ที่อยู่ในเมืองแห่งเงาของความตาย, แห่งแม่น้ำยาระเดนก็มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงเขาแล้ว. 3 พระองค์ได้ทรงโปรดให้พลเมืองทวีมากขึ้น, พระองค์ได้ทรงกระทำให้เขามีความชื่นชมยินดียิ่งขึ้น: เขามีความยินดีต่อพระพักตรพระองค์เหมือนกับความยินดีในฤดูเกี่ยว, เหมือนกับคนทั้งหลายที่ยินดีเมื่อเขาแบ่งปันทรัพย์สินแก่กัน. 4 เนื่องด้วยพระองค์ได้ทรงทำลายแอกอันเป็นภาระของเขา, และลูกสลักที่ป่าของเขา, และประตักของผู้กดขี่ข่มเหงให้วินาศไป, เหมือนเมื่อครั้งทรงช่วยเขาให้พ้นจากชาวมิดยานนั้น. 5 เพราะเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ของทหารในการศึก, และเครื่องนุ่งห่มอันชุ่มโชกไปด้วยโลหิต, จะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงไป. 6 ด้วยว่าจะมีบุตรคนหนึ่งเกิดขึ้นในพวกเรา, คือทรงประทานบุตราคนหนึ่งให้แก่พวกเรา, และท่านได้แบกการปกครองไว้เหนือบ่าของท่าน, และเขาจะขนานนามของท่านว่า, ที่ปรึกษามหัศจรรย์พระเจ้าทรงอานุภาพ, พระบิดาองค์ถาวร, และองค์สันติราช. 7 ความจำเริญรุ่งเรืองแห่งรัฐบาลของท่านและสันติสุขจะไม่รู้สิ้นสุดไปจากราชบัลลังก์แห่งกษัตริย์ดาวิด, และราชอาณาจักรของท่าน. พระองค์จะทรงตั้งแผ่นดินของพระองค์, และทรงค้ำชูไว้ด้วยความยุตติธรรมและความชอบธรรมแต่บัดนี้ต่อไปจนไม่รู้สิ้นสุด. ความกะตือรือร้นแห่งพระยะโฮวาจอมโยธาจะทำให้การนี้สำเร็จ 8 พระยะโฮวาทรงมีพระดำรัสบัญชาปรักปรำวงศ์ของยาโคบ, และพระดำรัสนั้นจะตกต้องชนชาติยิศราเอล. 9 และคนทั้งปวงจะรู้แจ้ง, คือตระกูลเอ็ฟรายิม, และชาวชนซึ่งอยู่ในเมืองซะมาเรีย, ผู้กล่าวด้วยความเย่อหยิ่งและด้วยใจทะนงองอาจว่า, 10 “บรรดาอิฐถูกทำลายลงแล้วก็จริง, แต่เราจะใช้หินสะกัดก่อขึ้นใหม่, ต้นสุกโมรถูกโค่นลงแล้วก็จริง, แต่เราก็จะปลูกต้นสนขึ้นแทน.” 11 ดังนั้นพระยะโฮวาได้ทรงหนุนศัตรูให้มาต่อสู้เขาทั้งหลาย, และพระองค์จะทรงกะตุ้นศัตรูของเขา. 12 คือชาวซุเรียอยู่ด้านหน้าและชาวฟะเลเซ็ธซึ่งอยู่ด้านหลัง, และเขาทั้งหลายจะอ้าปากกลืนกินชนชาติยิศราเอลเสีย. เมื่อพระองค์ได้ทรงกระทำเพียงนี้แล้ว, ก็ยังมิได้คลายความพิโรธ, แต่พระหัตถ์ของพระองค์ก็ยังทรงเหยียดออกอยู่ 13 ถึงกระนั้นพลเมืองก็หาได้หันกลับมาหาพระองค์ก็ทรงโบยเขาไม่, และมิได้แสวงหาพระยะโฮวาแห่งพลโยธา. 14 เหตุฉะนั้นพระยะโฮวาจะทรงตัดหัวตัดหางทั้งจะตัดทางตาลและหางบกเสียในวันเดียว. 15 หัวหน้าและเจ้าหน้าที่นั้นได้แก่หัว, และผู้ทำนายเท็จได้แก่หาง. 16 เพราะพวกผู้นำเหล่านี้ย่อมเป็นเหตุให้ประชาชนหลงผิดไป, และผู้ที่ถูกเขานำนั้นก็ถูกกลืนเสีย. 17 เพราะฉะนั้นพระยะโฮวาจะไม่ละเว้นชายฉกรรจ์ทั้งหลายหรือจะไม่ทรงปราณีลูกกำพร้าและหญิงม่ายของเขา; โดยเหตุที่เขาทุกคนไม่ถือพระเจ้า, และเป็นคนกระทำชั่ว, และปากของเขาทุกคนพูดคำที่ชั่วโฉด; เมื่อพระองค์ได้ทรงกระทำถึงเพียงนี้แล้ว, ก็ยังมิได้คลายความพิโรธ, แต่พระหัตถ์ของพระองค์ก็ยังเหยียดออกอยู่. 18 เพราะว่าความชั่วร้ายเผาเหมือนกับไฟเผา, ซึ่งไหม้หนามเล็กหนามใหญ่ให้พินาศไป, แล้วลุกลามไหม้ดังป่าชัฎ, และพลุ่งขึ้นเป็นลำควัน. 19 เป็นด้วยความพิโรธแห่งพระยะโฮวาแห่งพลโยธา, ประเทศนั้นจึงไหม้พินาศไป, และประชาชนก็กลายเป็นเชื้อเพลิง, ไม่มีใครเมตตาปราณีต่อพวกพ้องของตน. 20 และคนหนึ่งจะหยิบฉวยเอามาจากทางขวามือแต่ก็ยังหิวอยู่; และแย่งกินทางซ้ายมือแต่ก็ยังไม่อิ่ม, ต่างก็หันไปกินเนื้อหนังของเพื่อนบ้าน. 21 มะนาเซก็กินเอ็ฟรายิม, เอฟรายิมก็กินมะนาเซ, และเขาทั้งสองก็ร่วมมือกันเข้าห้ำหั่นยะฮูดา, เมื่อพระองค์ได้ทรงกระทำถึงเพียงนี้แล้ว, ก็ยังมิได้คลายความพิโรธ, แต่พระหัตถ์ของพระองค์ก็ยังทรงเหยียดออกอยู่ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society