อิสยาห์ 7 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 อยู่มาในรัชชกาลของกษัตริย์อาฮาศราชบุตรของโยธาม, โยธามราชบุตรของอุซียากษัตริย์ของยะฮูดา, ระซีนกษัตริย์ประเทศซุเรีย, และเพคาราชบุตรของระมาลยากษัตริย์ของยิศราเอล, ได้ยกกองทัพขึ้นไปยังกรุงยะรูซาเลม, เพื่อทำสงครามกับกรุงนั้น, แต่รบเอาชะนะไม่ได้. 2 และมีข่าวมาถึงวงศ์ของดาวิดว่า, กองทัพซุเรียยกเข้ามาตั้งอยู่ในเขตต์แคว้นเอ็ฟรายิมแล้ว, และกษัตริย์อาฮาศก็ทรงสะดุ้งพระทัย, และจิตต์ใจของพลเมืองก็สั่นเหมือนกับต้นไม้ในป่าที่ถูกลมพายุพัด 3 แล้วพระยะโฮวาได้ตรัสแก่ยะซายาว่า, “ทั้งเจ้าและซีอาระยาซูบบุตรของเจ้า, จงไปเฝ้ากษัตริย์อาฮาศที่ปลายท่อน้ำท่อเหนือ, ที่ทางหลวงตอนลานตากผ้า; 4 แล้วก็จงกราบทูลว่า, ‘จงระวังตัว, และจงสำรวมใจ; อย่ากลัวเลย, หรืออย่าให้ใจของเจ้าท้อถอย, เนื่องด้วยก้นไต้สุดหางควันโขมงทั้งสองนั้น, และเพราะความเกรี้ยวโกรธของกษัตริย์ระซีน-และพลซุเรีย, และความเกรี้ยวโกรธของราชบุตรของระมาลยา. 5 เพราะประเทศซุเรีย, แว่นแคว้นเอ็ฟรายิม, และราชบุตรระมาลยาได้วางแผนการณ์ร้ายต่อเจ้า, กล่าวว่า, 6 ‘ให้เราพากันขึ้นไปต่อสู้ยะฮูดา, และรังควาญเขา, และให้เราทำลายให้เขาแตกแยกกันเพื่อประโยชน์ของพวกเรา, แล้วให้เราตั้งกษัตริย์ขึ้นไว้องค์หนึ่งท่ามกลางเมืองนั้น, คือบุตรของตาบะเอล.’ ” 7 พระยะโฮวาพระเจ้าตรัสดังต่อไปนี้ว่า, “การนั้นจะไม่ตั้งอยู่ได้, และจะไม่สำเร็จ. 8 เพราะว่าหัวเมืองเอกของประเทศซุเรีย, คือดาเมเซ็ค, และหัวหน้าของเมืองดาเมเซ็คนั้นคือกษัตริย์ระซีนนั้นเอง; และภายในหกสิบห้าบีเอ็ฟรายิมจะแตกบรรลัย, และจะไม่เป็นแว่นแคว้นอีกต่อไป. 9 และหัวเมืองเอกของเอ็ฟรายิมคือซะมาเรีย, และหัวหน้าของซะมาเรียนั้นคือราชบุตรของระมาลยา. ถ้าเจ้าไม่เชื่อ, เจ้าจะไม่ได้ตั้งยั่งยืนเป็นแน่แท้.” 10 พระยะโฮวายังตรัสแก่กษัตริย์อาฮาศต่อไปอีกว่า, 11 “เจ้าจงขอหมายสำคัญจากพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, จะขอเอาจากที่ลึกเบื้องต่ำ, หรือที่สูงในเบื้องบนก็ได้.” 12 ฝ่ายอาฮาศจึงทูลตอบว่า, “ข้าพเจ้าจะไม่ขอ, และข้าพเจ้าจะไม่พิสูจน์พระยะโฮวา.” 13 ฝ่ายยะซายาจึงกล่าวว่า, “โอวงศ์ของดาวิด, บัดนี้เจ้าจงฟังเถิด: การที่รบกวนมนุษย์นั้นเป็นการเล็กน้อยหรือ, เจ้าจึงจะต้องรบกวนพระเจ้าอีกด้วย? 14 เพราะฉะนั้นพระยะโฮวาพระองค์เองจะให้เจ้ามีหมายสำคัญ: นี่แน่ะ, หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง, และเขาจะเรียกชื่อบุตรนั้นว่า, ‘อีมานูเอล.’ 15 บุตรนั้นจะได้กินแต่เพียงน้ำนมข้นและน้ำผึ้ง, ไปจนกว่าเขาจะรู้ดีรู้ชั่ว, 16 กว่าเด็กนั้นจะรู้ดีรู้ชั่ว, แผ่นดินของกษัตริย์สององค์ซึ่งเจ้าเกลียดนั้นจะต้องร้างไป. 17 พระยะโฮวาจะนำเหตุการณ์ซึ่งยังไม่เคยอุบัติขึ้นนับตั้งแต่เอ็ฟรายิมได้แยกออกไปจากยะฮูดา, มาสู่ท่าน, สู่พลเมืองของท่าน, สู่พี่น้องของท่าน, เหตุการณ์นั้นคือเวลาที่กษัตริย์อะซูระจะยกกองทัพมา.” 18 ในคราวนั้นพระยะโฮวาจะทรงผิวปากเรียกเหลือบมาจากสุดสายแม่น้ำทั้งหลายของเมืองอายฆุบโต, และเรียกผึ้งที่อยู่ในประเทศอะซูระ. 19 และมันทั้งหลายจะพากันมาจับพักอยู่ในหุบเขาชัน, และในซอกเขาทั้งหลาย, และตามพงหนามและทุ่งหญ้า 20 ในคราวนั้นพระยะโฮวาจะใช้มีดโกนซึ่งได้เช่ามาจากฝั่งแม่น้ำฟากข้างโน้น, คือกษัตริย์เมืองอะซูระนั่นเอง, มาโกนศีรษะและขนหน้าแข้ง, และจะโกนเคราเสียให้เกลี้ยงด้วย 21 ในคราวนั้น, ชายคนหนึ่งจะเลี้ยงแม่โคตัวหนึ่ง, และแกะสองตัว; 22 และในคราวนั้นเพราะมีน้ำนมบริบูรณ์จากแม่โคและแกะ, เขาจึงได้กินน้ำนมข้น, แล้วคนทั้งหลายที่เหลืออยู่ในแผ่นดินจะได้กินน้ำนมข้นและน้ำผึ้ง. 23 และในคราวนั้น, ในที่ซึ่งมีเถาองุ่นตั้งพันเถา, ราคาตั้งพันบาท, ก็จะมีต้นหนามเล็กและหนามใหญ่งอกขึ้นแทน. 24 เพราะพื้นดินทั้งหมดมีต้นหนามเล็กและหนามใหญ่, คนทั้งหลายที่เข้ามาในนั้นจึงต้องถือลูกธนูและคันธนูติดมือมา. 25 และบรรดาเนินเขาซึ่งเคยใช้จอบขุดทำสวน, เจ้าจะไม่ได้เข้าไปอีกแล้ว, เพราะขยาดหนามเล็กและหนามใหญ่; แต่ที่เหล่านั้นจะถูกทิ้งรางไว้สำหรับให้ฝูงโคแลฝูงแกะเหยียบย่ำ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society