อิสยาห์ 49 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ดูกรชาวเกาะทั้งหลายจงสดับฟัง, และประชาชนทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล, จงฟังข้าพเจ้าเถอะ, พระยะโฮวาได้เรียกข้าพเจ้าตั้งแต่กำเนิด, พระองค์ได้ประทานชื่อให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา. 2 พระองค์ได้ทรงสร้างปากของข้าพเจ้าให้พูดฉะฉานดังดาบ; พระองค์ได้เอาข้าพเจ้าซ่อนไว้ในร่มเงาแห่งพระหัตถ์ของพระองค์, พระองค์ได้ทรงขัดเกลาข้าพเจ้าเหมือนดังลูกศรมันขึ้นเงา, แล้วพระองค์ได้ทรงเก็บข้าพเจ้าเอาไว้ในแล่งธนูของพระองค์. 3 พระองค์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า, “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา, คือยิศราเอล, ซึ่งเราจะใช้ออกไปสำแดงถึงสง่าราศีของเรา.” 4 ฝ่ายข้าพเจ้าก็พูดว่า, “ข้าพเจ้าได้ทำงานไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไร, ได้เสียแรงไปเปล่าๆ โดยไม่มีผล; ถึงกระนั้นพระยะโฮวาก็ยังทรงให้ความยุตติธรรมแก่ข้าพเจ้า, และพระเจ้าของข้าพเจ้าก็จะประทานบำเหน็จให้แก่ข้าพเจ้า,” 5 บัดนี้พระยะโฮวาผู้ได้ทรงสร้างข้าพเจ้าตั้งแต่ครรภ์เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์, ตรัสว่าพระองค์จะทรงนำยาโคบกลับมาสู่พระองค์, และทรงรวบรวมชนชาติยิศราเอลมาไว้กับพระองค์, ด้วยข้าพเจ้ามีเกียรติยศในสายพระเนตรของพระยะโฮวา, และพระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า. 6 พระองค์ตรัสดังนี้: “การเป็นผู้รับใช้ของเรานั้น, ถ้าเพียงแต่ฟื้นตระกูลของยาโคบขึ้น, และนำชนชาติยศราเอลที่ยังเหลืออยู่กลับคืนมาเท่านั้น, ก็ดูเป็นการเล็กน้อยเกินไป, ดังนั้นเราจึงจะตั้งเจ้าให้เป็นดวงสว่างแก่ประชาชาติ, เพื่อความรอดของเราจะได้แผ่ไปถึงกะทั่งปลายพิภพโลก.” 7 พระยะโฮวาพระมหาไถ่และองค์บริสุทธิ์ของชนชาติยศราเอล, ตรัสแก่ผู้ที่ถูกคนทั้งหลายดูหมิ่นและเป็นที่รังเกียจแก่ประชาชน, และผู้เป็นทาสของพวกเจ้านายว่า; “บรรดากษัตริย์ก็จะเห็นแล้วลุกขึ้นยืน, บรรดาเจ้านายก็จะโค้งตัวลงให้เจ้า, เพราะเห็นแก่พระยะโฮวาผู้ทรงสัตย์ธรรม, คือองค์บริสุทธิ์ของชนชาติยิศราเอล, ผู้ได้ทรงเลือกเจ้าไว้. 8 พระยะโฮวาได้ตรัสว่าดังนี้: “ในสมัยโปรดปราน, เราได้ตอบเจ้า, ในสมัยความรอด, เราได้ช่วยเจ้าไว้; เราได้รักษาเจ้าไว้และตั้งเจ้าให้เป็นเครื่องหมายแห่งคำสัญญาแก่มนุษย์, ว่าเราจะกู้เอาแผ่นดินกลับคืนมา, และปักปันที่ร้างเปล่าให้เป็นมฤดก, 9 แล้วกล่าวแก่ผู้ถูกจำจองว่า, ‘จงออกไปเถอะ!’ และแก่คนที่อยู่ในที่มืดว่า, ‘จงสำแดงตัวออกมาเถิด!’ เขาจะมีอาหารกินตามทางทั่วไปทุกแห่ง, และบนภูเขาโล้นทั้งหลายจะเป็นที่ทำมาหากินของเขา. 10 เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย, และลมร้อนหรือแดดจะไม่เผาเขา, เพราะพระผู้ทรงเมตตาแก่เขาจะนำเขาไป, และพระองค์จะพาเขาไปถึงน้ำพุ. 11 เราจะทำภูเขาทั้งหมดให้มีทางเดิน, และจะพูนดินทำถนนหนทางให้เขา. 12 นี่แน่ะพวกเหล่านี้จะมาแต่เมืองไกล, บ้างก็จะมาแต่ทิศเหนือและตะวันตก, และบ้างก็จะมาแต่ประเทศซินิม.” 13 โอ้ท้องฟ้า, จงร้องเพลง! โอ้แผ่นดินโลก, จงโห่ร้องยินดี! โอ้ภูเขาทั้งหลาย, จงเปล่งเสียงออกร้องเพลงเถิด! เพราะพระยะโฮวาได้ทรงเล้าโลมพลเมืองของพระองค์, และจะทรงเมตตาแก่ผู้ที่มีความทุกข์ยาก. 14 แต่กรุงซีโอนกล่าวว่า, “พระยะโฮวาทรงละทิ้งข้าพเจ้าเสียแล้ว, พระยะโฮวาทรงลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว! 15 หญิงจะลืมลูกกำลังดูดนมอยู่และมิได้เมตตาแก่บุตรอันเกิดมาจากครรภ์ของตนได้หรือ? ถึงแม้ว่ามารดาจะลืมได้เราก็จะไม่ลืมเจ้าเลย. 16 ดูเถอะ, เราได้สักรูปเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา; กำแพงเมืองของเจ้าปรากฏแก่ตาเราอยู่เสมอไป. 17 พอผู้ที่ทำลายและล้างผลาญเจ้าออกพ้นเจ้าไป, ช่างก่อของเจ้าก็พร้อมกันลงมือก่อสร้างขึ้นใหม่. 18 จงเงี่ยหน้ามองดูไปรอบๆ, และดูเถอะ, ประชาชนทั้งหมดได้มั่วสุมพากันเข้ามาหาเจ้า.” พระยะโฮวาตรัสอีกว่า, “เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด, เจ้าก็จะได้พลเมืองเหล่านั้นมาเป็นเครื่องประดับกายของเจ้า, และมาผูกรัดรอบตัวเจ้าเหมือนกับเจ้าสาวแต่งกายฉันนั้น. 19 ด้วยว่าที่ว่างเปล่าและที่ร้างเปล่าของเจ้าจะกลับคืนเข้าสู่สภาพเดิม; แผ่นดินที่มีคนถูกกวาดเอาไปเป็นชะเลยนั้น, จะกลับมีชาวเมืองแน่นหนาฝาคั่ง. เพราะว่าบัดนี้เจ้าก็จะแคบเกินไปสำหรับพลเมืองของเจ้า, ด้วยว่าผู้ที่กลืนเจ้าเข้าไปนั้นห่างไกลไปจากเจ้าแล้ว. 20 ลูกหลานทั้งหลายของเจ้าที่เกิดในสมัยบ้านแตกสาแหรกขาด, ก็จะพูดเข้าหูเจ้าว่า, ‘ที่ทางก็แคบเกินไปไม่พอพวกเราอยู่, จงหาที่ทางให้เราอาศัยอยู่เถอะ! 21 ละเจ้าจะนึกในใจของเจ้าว่า, ‘ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้เรา? ข้าพเจ้าเป็นคนบ้านแตกสาแหรกขาด, และเป็นหมัน, ถูกเนรเทศและกระจัดกระจายไป, แต่คนมากมายเหล่านี้ใครหนอเลี้ยงดูไว้ได้? ดูเถอะ, ข้าพเจ้าถูกทอดทิ้งไว้แต่ลำพัง, คนเหล่านี้มาจากไหนกัน? ’ ” 22 พระยะโฮวาเจ้าตรัสดังต่อไปนี้: “ดูเถอะ, เราจะกวักมือเรียกประชาชาติ, และเราจะยกธงสัญญาเรียกประชาชน; แล้วเขาต่างก็จะอุ้มบุตรของเจ้าเข้ามาในอ้อมแขนของเขา, และเขาจะแบกลูกผู้หญิงของเจ้ามาบนบ่า. 23 กษัตริย์ทั้งหลายจะเป็นบิดาอุปการะของเจ้า, และพระนางทั้งหลายจะเป็นมารดาอุปการะของเจ้า, เขาทั้งหลายก็จะมาน้อมตัวลงกราบไหว้เจ้าด้วยหน้าติดดินและจะเลียฝุ่นที่เท้าของเจ้า, และเจ้าจะรู้ว่าเราคือยะโฮวา, และคนทั้งหลายที่ไว้วางใจในเราจะมิได้ประสพความอับอายเลย.” 24 จะชิงทรัพย์ชะเลยมาจากมือของนักรบ, และแย่งคนชะเลยมาจากมือผู้เผด็จการเหี้ยมหาญได้รึ? 25 แต่พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้: “ถึงแม้ว่าคนชะเลยของผู้เผด็จการเหี้ยมหาญก็จะถูกแย่งเอาไป, และทรัพย์ชะเลยก็จะถูกชิงไปจากมือของนักรบเสีย, เพราะเราจะประจัญบานกับผู้ที่ต่อสู้เจ้า, และเราจะช่วยลูกหลานของเจ้าให้พ้นภัย. 26 เราจะกระทำให้ผู้กดขี่ข่มเหงเจ้าต้องกินเนื้อของตัวเอง, และเขาจะต้องดื่มเลือดของตัวเองจนเมา, เหมือนอย่างดื่มเหล้าองุ่นใหม่, แล้วมนุษย์ทั้งหลายจะรู้ว่าเราคือยะโฮวา, เป็นผู้ช่วยให้รอดของเจ้า, และเราคือผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งของยาโคบ, เป็นผู้ไถ่ตัวเจ้า.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society