อิสยาห์ 30 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 พระยะโฮวาได้ตรัสว่า, “วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อดึง, ผู้ที่ดำเนินโครงการณ์ซึ่งไม่ใช่เป็นของเรา, และถูกมิตรซึ่งไม่เป็นไปตามน้ำใจของเรา, เป็นที่ซ้ำเติมเพิ่มบาปให้มากขึ้น. 2 เขาปลงใจจะลงไปยังประเทศอายฆุบโต, เพื่อจะขอความอารักขาของกษัตริย์ฟาโรให้คุ้มภัย, และเพื่อจะได้พึ่งร่มเย็นของประเทศอายฆุบโตโดยไม่ได้หารือเราเลย! 3 เหตุฉะนั้นความอารักขาที่เจ้าขอจากกษัตริย์ฟาโรจะกลับทำให้เจ้าอับอาย, และความร่มเย็นที่เจ้าขอจากประเทศอายฆุบโตจะกลับเป็นเหตุยุ่งเหยิงแก่เจ้า. 4 ถึงแม้เขามีเจ้านายอยู่ที่โซฮาระและราชทูตที่ฮาเนศะแล้วก็ตาม, 5 ทุกคนก็จะได้รับความอับอายเนื่องจากบุคคลเหล่านั้นจะช่วยเขาก็ไม่ได้, คือเขาจะไม่นำความช่วยเหลือหรือผลประโยชน์อันใดมาให้, แต่จะนำมาล้วนแต่ความอับอายขายหน้า.” 6 เรื่องราวอันน่าหนักใจเกี่ยวกับสัตว์จตุบาทฝ่ายใต้ ชนชาติยิศราเอลบรรทุกทรัพย์ของเขามาบนหลังของลาหนุ่ม, และบรรทุกสมบัติของเขามาบนโหนกอูฐ, ไปกำนัลคนทั้งหลายที่จะไม่นำประโยชน์อะไรมาสู่เขาเสียเลย, เขาต้องเดินทางผ่านแผ่นดินที่มีความทุกข์ยากลำบาก, ซึ่งมีสิงห์โตตัวเมียและสิงห์โตตัวผู้, งูแมวเซาและงูขว้างค้อน. 7 เพราะประเทศอายฆุบโตช่วยอะไรไม่ได้ดอก, และก็จะไม่สมหวัง, เพราะฉะนั้นข้าฯจึงได้ขนานนามประเทศนั้นว่า, “ราฮาบที่นั่งเป็นตุ๊กตา.” 8 จงไปจารึกบนแผ่นศิลา, และบันทึกไว้ที่ม้วนหนังสือ, เพื่อจะเอาไว้อ้างเป็นพะยานสืบต่อไปเป็นนิจ. 9 เพราะนี่แหละคือประเทศที่ดื้อดึง, เป็นลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์, ผู้ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของพระยะโฮวา. 10 เขาพูดกับผู้ทำนายว่า, “อย่าทำนายให้เราฟังเลย!” และพูดกับผู้พยากรณ์ว่า, “ถ้าได้พยากรณ์ให้เราฟังอย่างตรงไปตรงมาเลย! 11 จงพูดคำหวานให้เราฟังเถอะ, จงพยามกรเยิรยอล่อลวงให้เราฟังเถอะ, จงหลีกไปเสียทางอื่น, จงแยกทางออกไปเสียเถอะ! อย่าเอาเรื่องขององค์บริสุทธิ์แห่งชนชาติยิศราเอลมากวนใจเราอีกเลย!” 12 เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์แห่งชนชาติยิศราเอลจึงตรัสดังนี้ว่า, “เพราะว่าเจ้าได้บ่ายหน้าไปเสียจากข้อความนี้, และไปไว้ใจในความฉลาดแกมโกงและการทุจจริต, และได้พึ่งในสิ่งเหล่านั้น; 13 เหตุฉะนั้นความชั่วนี้จะเป็นเหมือนกำแพงที่ร้าวเรื่อยขึ้นไปตามส่วนสูง, ซึ่งจะพังทะลายลงมาทันทีทันใดเมื่อไรก็ได้; 14 และก็จะแตกเหมือนอย่างหม้อแตก, คือแตกอย่างละเอียดจนไม่มีชิ้นดี. กะทั่งหาชิ้นดีมารองก้อนถ่านเอาออกจากเตา, หรือจะใช้ตักน้ำจากบ่อก็ไม่ได้.” 15 พระยะโฮวาเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งชนชาติยิศราเอลตรัสดังนี้ว่า, “เจ้าจะรอดได้ก็โดยการหันกลับมาและสงบใจ, และเจ้าทั้งหลายจะมีกำลังมากขึ้นก็ด้วยความสงบเงียบและความไว้วางใจ,” แต่เจ้าหายอมทำตามเช่นนั้นไม่; 16 เจ้าทั้งหลายก็ได้กล่าวว่า, “ไม่ยอมฟัง, เพราะเราจะขึ้นม้าหนีไป,” “เหตุฉะนั้นเจ้าจะหนีไป!” “เราจะขึ้นม้าเร็วหนีไป” เหตุฉะนั้นศัตรูก็จะขึ้นม้าเร็วไล่ตามข้าพเจ้าเหมือนกัน! 17 คนพันคนจะวิ่งหนีคนๆ เดียวที่ขู่เข็ญ, ส่วนพวกเจ้าจะหนีคนห้าคนที่มาท้าทาย; จนจะมีคนเดียวเหลืออยู่เหมือนเสาธงที่ปักอยู่บนยอดเขา, และเหมือนเสาธงอาณัติสัญญาบนเนินเขา 18 เหตุฉะนั้น, พระยะโฮวาทรงรอคอยโอกาสที่จะทรงแสดงความเมตตาแก่เจ้า, และเพราะฉะนั้นพระองค์ทรงขยับที่จะแสดงความกรุณาแก่เจ้า; เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ทรงยุตติธรรม; ความสุขย่อมมีแก่ผู้ที่คอยท่าพระองค์! 19 โอประชาชนชาวซีโอน, ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงยะรูซาเลม, พวกเจ้าจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไปแล้ว; พอได้ยินเสียงเจ้าร้องไห้พระองค์จะทรงเมตตาแก่เจ้า, พอพระองค์ได้ยินคำร้องขอพระองค์ก็จะทรงตอบเจ้า. 20 แม้ว่าพระยะโฮวาได้ทรงประทานขนมแก่เจ้าไม่พออิ่ม, และน้ำไม่พอดื่มก็ตาม, ถึงกระนั้นพระครูของเจ้าก็จะไม่ซ่อนตัวเสียจากเจ้า, แต่ตาของเจ้าเองก็จะได้เห็นพระครูนั้น; 21 และเมื่อเจ้าสงสัยว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา, หูของเจ้าก็จะได้ยินเสียงแนะมาข้างหลังของเจ้าว่า, “ทางนี้แหละ; เดินไปเถอะ!” 22 และเจ้าก็จะทำลายรูปแกะสลักที่หุ้มด้วยเงิน, และทำลายรูปหล่อที่หุ้มด้วยทองคำ; เจ้าจะสาดทิ้งเสียเหมือนอย่างทิ้งของมลทิน, และเจ้าจะกล่าวแก่วัตถุนั้นว่า, “ไปให้พ้น!” 23 แล้วพระองค์จะทรงประทานฝนสำหรับเมล็ดพืชที่เจ้าจะหว่านลงบนดิน, และทรงให้เกิดข้าวสาลีเป็นพืชผลของที่ดิน, ซึ่งจะเป็นผลอย่างอุดมสมบูรณ์, ในวันนั้นฝูงโคของเจ้าก็จะกินหญ้าอยู่ในทุ่งกว้าง, 24 และฝูงวัวและลาหนุ่มที่ใช้ไถนาจะได้กินอาหารอย่างอิ่มหมีพีมัน, ซึ่งครุกปรุงโดยใช้พลั่วและซ่อมใหญ่. 25 และบนภูเขาสูงทุกยอด, และบนเนินเขาสูงทุกเนิน, จะมีน้ำไหลปริ่มลำธาร, ณ วันประหัสประหารอันใหญ่โตนั้น, คือเมื่อหอรบทั้งหลายจะต้องถูกโค่นลง. 26 และแสงแห่งดวงจันทร์ก็จะเป็นเหมือนแสงแห่งดวงอาทิตย์, และแสงแห่งดวงอาทิตย์ก็จะทวีขึ้นอีกเจ็ดเท่าเดิม, ดุจดังแสงของเจ็ดวัน, ณ วันเมื่อพระยะโฮวาทรงพันแผลที่ฟกช้ำของประชาชนของพระองค์, และจะทรงรักษาบาดแผลที่เขาถูกตีนั้นให้หาย 27 นี่แน่ะ, พระยะโฮวาเจ้าได้เสด็จมาแต่ไกล, ทรงกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด, เสด็จมาในท่ามกลางหมู่เมฆอันหนาทึบ, ฝีพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยโทโส, และพระชิวหาของพระองค์เหมือนกับเพลิงที่ลุกลามเผาผลาญอยู่. 28 พระอัสสาสของพระองค์เหมือนกับลำธารเจิงไหลเชี่ยวกราก, ท่วมถึงกะทั่งคอ, จะทรงฝัดร่อนประชาชาติด้วยตะแกรงวินาศ, จะทรงเอาบังเหียนผ่าปากของประชาชน, แล้วชักเขาทั้งหลายไปสู่ความพินาศ. 29 แต่ส่วนเจ้าจะมีเพลงร้อง, เหมือนในเวลากลางคืนเมื่อถือพิธีการเลี้ยง, และมีใจยินดีเหมือนเมื่อคนหนึ่งถือขลุ่ยเดินเป่าไปยังภูเขาแห่งพระยะโฮวาเจ้า, คือศิลาแห่งชนชาติยิศราเอล. 30 ด้วยว่าพระยะโฮวาเจ้าจะทรงส่งพระสุรเสียงเป็นโกญจนาทให้ได้ยิน, และพระพาหุของพระองค์ที่ฟาดลงจะได้เห็น, เป็นความพิโรธอันเกรี้ยวกราด, และเป็นเพลิงที่ลุกลามเผาผลาญอยู่, เป็นฝนห่าใหญ่เทลงมา, และเป็นพายุฝน, และลูกเห็บ. 31 ประเทศอะซูระจะถูกตีให้ทลายลงด้วยพระสุรเสียงตวาดกันน่ากลัวของพระยะโฮวาเจ้า, เมื่อพระองค์ทรงเฆี่ยนเขาด้วยไม้เรียว; 32 ทุกๆ รอยเฆี่ยนสั่งสอนของไม้เรียวซึ่งพระยะโฮวาทรงลงอาชญาแก่เขา, ขณะเมื่อพระองค์ทรงสู้รบเขาด้วยการยกพระหัตถ์ขึ้นฟาดฟันนั้น, ก็จะมีเสียงรำมะนาและเสียงพิณประโคมอยู่ตลอดเวลา. 33 ด้วยว่าแท่นบูชายัญก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว, ได้เตรียมไว้พร้อมสำหรับกษัตริย์, ได้ทำไว้อย่างลึกและกว้าง; สุมเต็มด้วยไฟและฟืนมากมาย; และพอพระอัสสาสแห่งพระยะโฮวาเจ้าซึ่งเป็นเหมือนเพลงกำมะถันมาเป่า, ไฟก็ลุกพลุ่งโพลงขึ้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society