ฮีบรู 9 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ถึงแม้คำสัญญาไมตรีเดิมนั้น ก็ยังได้มีกฎสำหรับการปรนนิบัติในพิธีนมัสการ, และได้มีสถานอันบริสุทธิ์สำหรับโลกนี้. 2 เพราะว่าได้มีพลับพลาสร้างขึ้นตกแต่งเสร็จแล้ว, คืออันเดิม, ซึ่งมีตะเกียง, มีโต๊ะ, มีขนมปังตั้งถวาย, ห้องนั้นจึงเรียกว่าที่บริสุทธิ์ 3 และภายในพระวิสูตรชั้นที่สองมีห้องพลับพลาซึ่งเรียกว่า ที่บริสุทธิ์ที่สุด. 4 ห้องนั้นมีแท่นทองคำสำหรับถวายเครื่องหอม, และมีหีบสัญญาไมตรีหุ้มด้วยทองคำ ในหีบนั้นมีโถทองคำใส่มานา, และมีไม้ของอาโรนที่ออกช่อ และมีศิลาสองแผ่นจารึกคำสัญญาไมตรี. 5 และเหนือหีบนั้นมีรูปคะรูบิม ประกอบด้วยแสงรัศมีคลุมพระทีนั่งแห่งพระกรุณานั้น แต่เราจะพรรณนาถึงสิ่งเหล่านี้ให้ละเอียดเดี๋ยวนี้ไม่ได้ ต้องนำโลหิตเข้าไปถวายเป็นเครื่องบูชา 6 ครั้นจัดตั้งสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างนั้นแล้ว, ปุโรหิตทั้งหลายจึงเข้าไปในพลับพลาห้องที่หนึ่งเสมอทุกเวลา กระทำการปรนนิบัติตามพิธีนมัสการ. 7 แต่ในห้องที่สองนั้นมหาปุโรหิตผู้เดียวเข้าไปได้ปีละครั้ง. และต้องนำโลหิตเข้าไปถวายเป็นเครื่องบูชาเพื่อความบาปของตัวเอง และเพื่อความบาปของคนทั้งปวง. 8 อย่างนั้นแหละพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงสำแดงว่า, ทางซึ่งจะเข้าไปในที่บริสุทธิ์นั้นไม่ได้ปรากฏแจ้ง คราวเมื่อพลับพลาเดิมยังตั้งอยู่. 9 พลับพลาเดิมเป็นเครื่องเปรียบสำหรับในเวลานั้น. คือมีการถวายของให้และเครื่องบูชา ซึ่งจะกระทำให้ใจวินิจฉัยผิดและชอบของผู้ถวายนั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้ 10 เพราะเครื่องบูชานั้นเป็นของกินของดื่ม และพิธีชำระล้างต่างๆ, คือเป็นพิธีสำหรับเนื้อหนังที่ได้ทรงบัญญัติไว้แก่เขาจนถึงเวลาที่จะทรงแก้ไขใหม่. 11 แต่เมื่อพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตสำหรับการดีซึ่งเป็นมานั้น, พระองค์ก็ได้เสด็จมาทางพลับพลาอันประเสริฐกว่า, ที่มือมนุษย์ไม่ได้สร้าง, คือไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งซึ่งทรงสร้างไว้ในโลกนี้. 12 และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป, แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เอง, เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์นั้นแต่เพียงครั้งเดียว, และทรงได้ความรอดนิรันดร์ไว้. 13 เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้และเถ้าลูกโคตัวเมียประพรมหรือโปรยลงบนคนเหล่านั้นที่มลทินแล้วยังอาจชำระเนื้อหนังให้บริสุทธิ์ได้, 14 มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรพระโลหิตของพระเยซูคริสต์, ผู้ประกอบด้วยพระวิญญาณนิรันดร์ได้ทรงถวายพระองค์เองแก่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ, จะได้ทรงชำระใจวินิจฉัยผิดและชอบของท่านทั้งหลายให้พ้นจากการประพฤติที่ตายแล้ว, เพื่อจะได้ปฏิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงเป็นคนกลางแห่งคำสัญญาไมตรีใหม่ 15 เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงเป็นคนกลางแห่งคำสัญญาไมตรีใหม่, เพื่อเมื่อมีผู้หนึ่งตายสำหรับที่จะไถ่ความผิดของคนที่ได้ละเมิดต่อคำสัญญาไมตรีเดิมนั้นแล้ว, คนทั้งหลายที่ถูกเรียกแล้วนั้นจะได้รับมฤดกนิรันดร์ตามคำสัญญา. 16 ด้วยว่าถ้ามีหนังสือพินัยกรรม์, ผู้ทำหนังสือนั้นก็ต้องถึงแก่ความตายแล้ว. 17 เพราะว่าเมื่อคนตายแล้ว หนังสือพินัยกรรม์นั้นจึงใช้ได้ แต่ว่าเมื่อผู้ทำยังมีชีวิตอยู่. หนังสือพินัยกรรม์นั้นก็ใช้ไม่ได้ 18 เหตุฉะนั้นคำสัญญาไมตรีเดิมนั้นเองก็ไม่ได้ทรงตั้งขึ้นปราศจากเลือด. 19 เพราะว่าเมื่อโมเซประกาศพระบัญญัติทุกข้อแก่บรรดาพลไพร่ตามกฎหมายแล้ว, ท่านจึงได้เอาเลือดลูกโคและเลือดลูกแพะกับน้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาจุ่มแล้วประพรมหนังสือกับทั้งบรรดาคนทั้งปวง, 20 และกล่าวว่า, “นี่แหละเป็นเลือดแห่งคำสัญญาไมตรี ซึ่งพระเจ้าทรงบัญญัติไว้แก่ท่านทั้งหลาย.” 21 แล้วท่านได้เอาเลือดประพรมพลับพลา กับทั้งบรรดาเครื่องใช้ในการปฏิบัตินั้นเช่นเดียวกัน. 22 และตามพระบัญญัตินั้นข้าพเจ้าเกือบจะพูดได้ว่า ทุกสิ่งถูกชำระด้วยโลหิต, และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว. ก็จะไม่มีการยกบาป พระองค์ได้ถวายพระองค์เองครั้งเดียว 23 เหตุฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องชำระตัวอย่างซึ่งได้มาจากแบบในฟ้าสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้. แต่ว่าแบบบ้านสวรรค์นั้นเองต้องชำระโดยบูชาอันประเสริฐกว่าบูชาเหล่านั้น. 24 เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าในที่บริสุทธิ์ซึ่งมือมนุษย์ได้กระทำไว้เป็นตัวจำลองจากแบบแท้นั้น, แต่ได้เสด็จเข้าไปในสวรรค์นั้นเอง. และบัดนี้ทรงปรากฏจำเพาะพระพักตรพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย. 25 และพระองค์ไม่ต้องถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาย่อยๆ. เหมือนอย่างมหาปุโรหิตนั้นผู้ได้เข้าไปในที่บริสุทธิ์ทุกปีๆ นำเอาเลือดซึ่งมิใช่โลหิตตัวเองเข้าไป. 26 มิฉะนั้น พระองค์คงต้องทนทุกข์ทรมานบ่อยๆ ตั้งแต่สร้างโลกมา. แต่ว่าเดี๋ยวนี้พระองค์ได้ทรงปรากฏในเวลาที่สุดนี้ครั้งเดียว เพื่อจะได้กำจัดความบาปได้โดยถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา. 27 และมนุษย์ทั้งหลายมีกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องตายหนหนึ่ง และภายหลังนั้นจะถึงการพิพากษาฉันใด. 28 พระคริสต์จึงต้องถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาหนหนึ่ง, เพื่อจะได้ทรงรับเอาความบาปของคนเป็นอันมาก. แล้วพระองค์จะทรงปรากฏครั้งที่สองปราศจากความบาป แก่บรรดาคนที่คอยพระองค์ให้เขาถึงความรอดฉันนั้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society