ฮีบรู 12 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 เหตุฉะนั้น. ครั้นเรามีพะยานหมู่ใหญ่อย่างนั้นอยู่รอบข้าง. ให้เราทิ้งของหนักทุกสิ่งที่ขัดข้องอยู่, และการผิดที่เรามักง่ายกระทำนั้น, และการวิ่งแข่งกันที่กำหนดไว้สำหรับเรานั้น ให้เราวิ่งด้วยความเพียรพยายาม, 2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้นำและเป็นผู้ส่งเสริมความเชื่อของเราให้สำเร็จ. เพราะเห็นแก่ความยินดีที่มีอยู่ตรงหน้านั้น พระองค์ได้ทรงทนเอากางเขน, ทรงถือว่าความละอายไม่เป็นสิ่งสำคัญอะไร, และได้เสด็จนั่งเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้าแล้ว พระเจ้าทรงกระทำแก่ท่านเหมือนเป็นบุตร 3 ด้วยว่าท่านทั้งหลายจงพินิจคิดถึงพระองค์ผู้ได้ทรงทนเอาการติเตียนนินทาแห่งคนบาปต่อพระองค์มากเท่าใด, เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่อ่อนระอาใจไป. 4 ท่านทั้งหลายยังไม่ได้รบสู้กับความผิดจนถึงโลหิตตก. 5 และท่านได้ลืมคำเตือนนั้นเสีย. ซึ่งได้เตือนท่านเหมือนกับเตือนบุตรว่า, ดูก่อนบุตรของข้าพเจ้า, อย่าประมาทต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า, และอย่าระอาใจเมื่อพระองค์ทรงติเตียนท่านนั้น 6 เพราะว่าพระองค์ทรงรักผู้ใด, พระองค์จึงทรงตีสอนผู้นั้น และพระองค์ทรงรับคนใดเป็นบุตร, พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีผู้นั้น. 7 ที่ท่านทั้งหลายต้องทนนั้นก็เพราะการตีสอนพระเจ้าทรงกระทำแก่ท่านเหมือนท่านเป็นบุตร ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บิดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง? 8 แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเหมือนคนทั้งปวงต้องทนเอานั้น, ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร, แต่เป็นเหมือนลูกที่ไม่มีพ่อ. 9 อีกประการหนึ่งเราทั้งหลายได้มีบิดาตามเนื้อหนังที่ได้ตีสอนเรา, และเราจึงได้นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะได้ยำเกรงนบนอบต่อบิดาแห่งวิญญาณจิตต์, และจำเริญชีวิตมิใช่หรือ 10 ฝ่ายบิดาเหล่านั้นได้ตีสอนเราน้อยวัน ตามความเห็นดีเห็นชอบของเขานั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราประสงค์จะให้เป็นประโยชน์แก่เรา, เพื่อเราจะได้เข้าส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์, 11 การตีสอนทุกอย่างเมื่อกำลังถูกอยู่นั้นไม่เป็นการชื่นใจเลย, แต่เป็นการเศร้าใจ แต่ภายหลังก็กระทำให้เกิดผลเป็นความสุขสำราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น, คือความชอบธรรมนั้นเอง จงอุสส่าห์ที่จะได้ใจบริสุทธิ์ 12 เพราะเหตุนั้นจงชูมือที่ห้อยอยู่ขึ้น และกระทำหัวเข่าที่เพลียให้เข้มแข็ง 13 และจงกระทำทางที่เท้าของท่านจะเดินไปนั้นให้ตรงไป, เพื่ออาการที่ทำให้ขาเขยกจะมิได้กำเริบขึ้น แต่จะได้หายเป็นปกติ. 14 จงอุสส่าห์ที่จะสงบสุขอยู่กับคนทั้งปวง, และที่จะได้ใจบริสุทธิ์ ด้วยว่านอกจากการนั้นไม่มีใครจะได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า. 15 และจงระวังให้ดี, เกรงว่าจะมีบางคนกำลังเสื่อมจากพระกรุณาคุณของพระเจ้า และเกรงว่าจะมีรากขมขื่นแซมขึ้นมา ทำให้เกิดความยุ่งยากแก่ท่าน, และเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากมลทินไป 16 และเกรงว่าจะมีคนกระทำผิดประเวณี หรือคนประมาทเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้เอาสิทธิ์ของบุตรหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารคำเดียว. 17 ด้วยท่านทั้งหลายรู้แล้วว่า, ภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมฤดก. แม้ว่าได้แสวงหาจนน้ำตาไหล, ก็ได้รับคำปฏิเสธ, เพราะไม่มีหนทางแก้ไขเลยแม้เขาได้กลับใจเสียใหม่แล้ว ท่านมาถึงพระเยซูผู้สมานไมตรี 18 ด้วยว่าท่านทั้งหลายไม่ได้มาถึงภูเขาที่จะถูกต้องด้วยมือได้, และที่ได้มีไฟไหม้อยู่, และถึงที่ดำ, และถึงที่มืดมิด, และถึงที่ลมพายุ, 19 หรือถึงเสียงแตร, หรือถึงพระสุรเสียงตรัส, ซึ่งคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วได้อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสคำนั้นแก่เขาสืบไป 20 เพราะว่าข้อความที่ทรงบัญญัติไว้นั้นเขาทนไม่ได้, คือที่ว่า, แม้ถึงสัตว์เดียรัจฉานตัวหนึ่งตัวใดได้ถูกภูเขานั้น, ก็ต้องเอาหินขว้างให้ตาย. 21 อาการที่เห็นนั้นเป็นที่น่ากลัว จนโมเซเองก็กล่าวว่า, ข้าพเจ้ากลัวยิ่งนักจนตัวสั่น. 22 แต่ว่าท่านทั้งหลายมาถึงภูเขาซีโอน, และมาถึงเมืองของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่, คือเมืองยะรูซาเลมแห่งสวรรค์, และมาถึงพวกทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับประมาณได้, 23 และมาถึงที่ชุมนุมของเหล่าสาวก, และมาถึงคริสตจักรเริ่มแรกผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว, และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง, และมาถึงวิญญาณจิตต์ของคนชอบธรรมซึ่งถึงที่สำเร็จแล้ว, 24 และมาถึงพระเยซูผู้สมานไมตรีแห่งคำสัญญาใหม่, และมาถึงพระโลหิตสำหรับประพรม ที่มีเสียงอันมีน้ำหนักมากกว่าโลหิตของเฮเบลอีก พระเจ้าของเราเป็นเพลิงที่ไหม้คุอยู่ 25 จงระวังให้ดีอย่าเป็นคนเมินไม่ยอมฟังพระองค์ผู้ตรัสนั้น. เพราะว่าถ้าเขาเหล่านั้นที่เมินไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ที่พื้นแผ่นดินโลกไม่ได้พ้นโทษ, ถ้าเราเมินหน้าจากพระองค์ผู้ทรงเตือนจากสวรรค์, เราทั้งหลายก็จะไม่ได้พ้นโทษมากยิ่งกว่านั้นอีก. 26 พระสุรเสียงตรัสของพระองค์คราวนั้นได้บันดาลให้แผ่นดินหวั่นไหว, แต่บัดนี้พระองค์ได้ตรัสสัญญาไว้ว่า, อีกครั้งหนึ่งเราจะกระทำให้หวาดหวั่นไหว มิใช่แผ่นดินโลกแห่งเดียว แต่ทั้งสวรรค์ด้วย. 27 และคำที่ตรัสไว้ว่า, อีกครั้งหนึ่งนั้น เป็นที่หมายความว่าสิ่งที่หวาดหวั่นไหวนั้นจะถูกเอาไปเสีย, เหมือนหนึ่งเป็นสิ่งของที่ทรงสร้างขึ้น, เพื่อจะได้เหลืออยู่แต่สิ่งของที่ไม่ได้หวาดหวั่นไหวนั้น. 28 เหตุฉะนั้นเมื่อเราได้แผ่นดินที่หวาดหวั่นไหวไม่ได้มาแล้ว, ก็ให้เราขอบพระคุณ, เพื่อเราจะได้ปฏิบัติพระเจ้าตามชอบพระทัยของพระองค์ ด้วยความเคารพและยำเกรง 29 เพราะว่าพระเจ้าของเราเป็นเพลิงที่ไหม้คุอยู่ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society