ฮีบรู 10 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 โดยเหตุที่พระบัญญัตินั้นได้เป็นแต่เงาของสิ่งดีที่จะมาภายหน้า, มิใช่ตัวจริงแห่งของสิ่งนั้นทีเดียว, พระบัญญัตินั้นจะใช้เครื่องบูชาที่เขาถวายทุกปีๆ เสมอมา กระทำให้ผู้ถวายสักการบูชานั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้. 2 ถ้าหาไม่ เขาคงได้หยุดจากการถวายเครื่องบูชานั้นแล้วมิใช่หรือ เพราะว่าผู้ถวายเครื่องบูชานั้น, เมื่อได้ถูกชำระให้บริสุทธิ์ครั้งหนึ่งแล้ว, คงจะมิได้รู้สึกตัวว่าได้ทำบาปต่อไป. 3 แต่การกระทำบูชานั้นเป็นเหตุให้ระลึกถึงความบาปทุกปีๆ 4 ด้วยว่าเลือดโคผู้และเลือดแพะจะชำระความบาปก็หามิได้เลย โดยการถวายพระกายของพระเยซูเราได้ถูกชำระ 5 เหตุฉะนั้น ครั้นพระองค์เสด็จเข้ามาในโลกแล้ว, พระองค์จึงตรัสว่า, “เครื่องบูชาและของบรรณาการพระองค์ไม่ทรงประสงค์ แต่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมกายประทานแก่ข้าพเจ้า 6 เครื่องบูชาเพลิงและเครื่องบูชาแก้บาปพระองค์หาชอบพระทัยไม่. 7 ขณะนั้นข้าพเจ้าจงกล่าวว่า. ‘ข้าแต่พระเจ้า, ข้าพเจ้ามาเพื่อจะให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ, ตามคัมภีร์ที่เขียนไว้กล่าวถึงขำพเจ้าแล้วนั้น. 8 ต่อจากคำที่กล่าวไว้แล้วข้างบนว่า เครื่องบูชาและของบรรณาการและเครื่องบูชาเพลิงและบูชาแก้บาป ที่เขาได้บูชาตามพระบัญญัตินั้น พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์และไม่ได้ชอบพระทัย, 9 แล้วพระองค์จึงตรัสว่า, ดูเถิด, ข้าพเจ้ามาเพื่อจะให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ. พระองค์ทรงยกเลิกเครื่องบูชาเดิมนั้นเสียแล้ว, เพื่อพระองค์จะได้ทรงตั้งเครื่องบูชาซึ่งมาภายหลังนั้นให้ถาวร. 10 ก็โดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้ถูกชำระให้บริสุทธิ์แล้ว, คือการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์แต่ครั้งเดียวเท่านั้น 11 ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติอยู่ทุกวันๆ. และนำเอาเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆ, เครื่องบูชานั้นจะยกเอาความบาปไปเสียไม่ได้เลย. 12 ฝ่ายพระองค์นี้, ครั้นทรงกระทำบูชาเพราะความบาปเพียงหนเดียว ซึ่งใช้ได้เป็นนิตย์, ก็เสด็จนั่งเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า, 13 ตั้งแต่นี้ไปพระองค์คอยอยู่จนถึงบรรดาศัตรูของพระองค์จะถูกปราบลง เป็นที่รองพระบาทของพระองค์. 14 เพราะว่าโดยการทรงถวายบูชาหนเดียว พระองค์ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ถูกชำระแล้วถึงที่สำเร็จเป็นนิตย์. 15 และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพะยานฝ่ายเราด้วย เพราะว่าครั้นได้ตรัสไว้แล้วว่า, 16 “นี่แหละ เป็นคำสัญญาไมตรีซึ่งเราจะทำไว้กับเขาทั้งหลาย เมื่อวันเหล่านั้นล่วงไปแล้ว,” องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสว่า, “บัญญัติของเราเราจะใส่ไว้ในใจเขาทั้งหลาย, และจะจารึกไว้ในจิตต์ใจของเขาด้วย,” 17 จึงเพิ่มคำต่อไปว่า, “และความบาปและการชั่วของเขา เราจะไม่ระลึกถึงต่อไปเลย.” 18 เมื่อได้ทรงชำระบาปเสียแล้ว, ก็ไม่มีการบูชาแก้บาปอีกต่อไป ได้ทรงเปิดพระวิสูตรคือพระกายของพระองค์ 19 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย. เราจึงมีใจกล้าที่จะเข้าไปในที่บริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู, 20 ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต, ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดออกสำหรับเราทั้งหลายโดยพระวิสูตรนั้น, คือพระกายของพระองค์ 21 และครั้นเรามีมหาปุโรหิตใหญ่สำหรับโบสถ์ของพระเจ้าแล้ว, 22 ก็ให้เราเข้ามาใกล้ด้วยใจจริง, ด้วยความเชื่ออันเต็มเปี่ยม, มีใจที่ถูกประพรมชำระพ้นจากการวินิจฉัยผิดและชอบที่ไม่ดี, และมีกายล้างชำระด้วยน้ำอันใสบริสุทธิ์. 23 ความหวังที่เราทั้งหลายประกาศตัวรับไว้แล้วนั้น ให้เราถือไว้ให้มั่นคงอย่าให้ยิ่งๆ หย่อนๆ ไป เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงสัญญานั้นสัตย์ซื่อ 24 และให้เราพิจารณาดูกันและกัน, เพื่อเป็นเหตุให้บังเกิดใจรักซึ่งกันและกันและกระทำการดี. 25 ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด, เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น. แต่จงเตือนสติกันและให้มากยิ่งขึ้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว ผู้ที่เหยียดหยามพระบุตรจะถูกปรับโทษ 26 ครั้นเราได้รับความรู้ถึงความจริงแล้ว, ถ้าเรามีใจขืนกระทำผิด, เครื่องบูชาแก้บาปนั้นไม่มีเหลืออีกเลย 27 มีแต่จะคอยการพิพากษาอันน่ากลัว. และไฟอันร้าย ซึ่งจะกินเอาบรรดาคนที่ขัดขวางนั้นเสีย. 28 ฝ่ายคนที่ได้ประมาทต่อพระบัญญัติของโมเซ, ถ้ามีพะยานสองสามปาก, ก็จะถึงตายปราศจากความเมตตา 29 ส่วนคนที่เหยียดหยามพระบุตรของพระเจ้า, และถือว่าพระโลหิตแห่งคำสัญญาไมตรี ซึ่งเป็นที่ชำระตัวให้บริสุทธิ์นั้นเป็นมลทิน, และประมาทต่อพระวิญญาณผู้ประกอบด้วยพระคุณ. ท่านทั้งหลายคิดเห็นว่าคนเหล่านั้นควรจะถูกปรับโทษมากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด? 30 ด้วยว่าเรารู้จักพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า. การแก้แค้นนั้นเป็นพนักงานของเรา เราเองจะตอบแทน. และอีกแห่งหนึ่งว่า, องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาพลไพร่ของพระองค์. 31 ซึ่งจะตกเข้าไปในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่นั้นก็เป็นการน่ากลัว 32 แต่ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคราวก่อนนั้นเมื่อท่านรับสว่างแล้ว. ท่านได้สู้ทนเอาความยากลำบากอันใหญ่ยิ่ง 33 บางทีท่านเองก็ถูกประจารให้คนทำอัปยศและข่มเหง บางทีก็เป็นเพราะเหตุท่านได้รับส่วนด้วยกันกับคนที่ถูก. 34 ด้วยว่าท่านทั้งหลายได้มีใจเมตตาผู้ที่ถูกจำจอง และเมื่อเขาได้ปล้นชิงเอาสิ่งของๆ ท่านไป, ท่านได้อดกลั้นไว้ด้วยใจยินดี, โดยรู้แล้วว่าท่านยังมีทรัพย์สมบัติอันถาวรดียิ่งกว่านั้นอีก. 35 เหตุฉะนั้นอย่าได้ละทิ้งความแน่ใจของท่าน, ซึ่งมีบำเหน็จเป็นอันมาก. 36 ด้วยว่าท่านทั้งหลายต้องการความเพียร, เพื่อว่าครั้นท่านกระทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จแล้ว, ท่านจะได้รับตามคำทรงสัญญา. 37 ด้วยอีกสักประเดี๋ยวหนึ่ง พระองค์ผู้เสด็จมาจะเสด็จมาแล้ว, และจะไม่เนิ่นช้า. 38 ฝ่ายผู้ชอบธรรมของเรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่โดยความเชื่อ และถ้าเขากลับถอยหลัง ใจของเราจะไม่มีความชอบในคนนั้นเลย. 39 แต่เราทั้งหลายไม่อยู่ฝ่ายคนเหล่านั้นที่กลับถอยหลังถึงความพินาศ, แต่อยู่ฝ่ายคนเหล่านั้นที่เชื่อ จนให้วิญญาณจิตต์ถึงที่รอด |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society