ปฐมกาล 50 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ฝ่ายโยเซฟก็ซบหน้าลงที่หน้าบิดาร้องไห้แล้วจุบ. 2 โยเซฟจึงสั่งให้พวกหมอที่เป็นข้าหลวงของตนอาบยารักษาศพบิดาไว้: พวกนั้นก็อาบยารักษาศพยิศราเอลไว้ไม่ให้เน่าเสีย. 3 เขาทำการอาบยารักษาศพนั้นถึงสี่สิบวันจึงสำเร็จตามพิธี: ชาวอายฆุบโตไว้ทุกข์ให้ยิศราเอลถึงสี่สิบวัน 4 เมื่อเวลาไว้ทุกข์นั้นล่วงไปแล้ว, โยเซฟบอกมหาดเล็กกษัตริย์ฟาโรว่า, “ถ้าแม้นท่านมีความเอื้อเฟื้อแก่เรา, ขอไปทูลกษัตริย์ฟาโรให้ทรงทราบว่า 5 บิดาได้ให้เราสาบาลตัวไว้โดยกล่าวว่า, ‘เราจวนจะตาย; จงเอาศพเราไปฝังไว้ในอุโมงค์ที่เราขุดไว้สำหรับตัว ณ แผ่นดินคะนาอัน;’ เหตุฉะนั้น ขอโปรดอนุญาติให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดา, แล้วข้าพเจ้าจะกลับมาอีก.” 6 กษัตริย์ฟาโรก็โปรด, จึงรับสั่งว่า, “จงไปฝังศพตามคำที่บิดาให้ท่านสาบานไว้นั้นเถิด.” 7 ครั้นโยเซฟขึ้นไปฝังศพบิดา, พวกมหาดเล็กของกษัตริย์ฟาโรกับข้าราชการผู้ใหญ่ในราชวังและบรรดาผู้หัวหน้าทั่วแผ่นดินอายฆุบโตก็ตามไปด้วย; 8 กับทั้งครอบครัวของโยเซฟ. และพวกพี่น้องและวงศ์ญาติของท่านทั้งสิ้นก็ยกไปด้วยเหมือนกัน; เว้นแต่เด็กเล็ก ๆ และฝูงแกะฝูงโคเท่านั้นเขาได้ละไว้ในเมืองโคเซ็น. 9 มีกระบวนรถกระบวนม้าแห่ศพขึ้นไปเป็นกระบวนใหญ่. 10 เขาพากันมาถึงลานแห่งหนึ่งชื่ออาตาดซึ่งอยู่พ้นแม่น้ำยาระเด็นไป; เขาจึงได้หยุดพักอยู่ที่นั่นกำหนดเจ็ดวัน, ร้องไห้ร่ำไรและไว้ทุกข์ใหญ่ระลึกถึงบิดาโยเซฟ. 11 เมื่อชาวคะนาอันทั้งปวงได้เห็นการแห่ศพนั้นที่ลานอาตาด, เขาจึงพูดกันว่า, “นี่เป็นการไว้ทุกข์ใหญ่แก่พวกอายฆุบโต.” เหตุฉะนั้นเขาก็เรียกชื่อตำบลนั้นว่า อาเบ็ลมิศรายิม. ตำบลนั้นอยู่พ้นแม่น้ำยาระเด็นไป. 12 ฝ่ายบุตรยาโคบได้ทำศพนั้นตามคำบิดาสั่งไว้. 13 บุตรทั้งปวงก็เชิญศพไปยังแผ่นดินคะนาอัน, แล้วได้ฝังไว้ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อมัคเพลา, คือนาป่าช้าซึ่งอับราฮามได้ซื้อไว้จากเอฟโรนชาติเฮธอยู่ตรงมัมเรด้านทิศตะวันออก. 14 โยเซฟกับพวกพี่น้อง, และคนทั้งปวงที่ไปด้วยกันในการฝังศพบิดานั้น, เมื่อฝังเสร็จแล้วก็กลับมายังประเทศอายฆุบโต 15 เมื่อพี่ชายของโยเซฟเห็นว่าบิดาตายแล้ว, เขาจึงพูดกันว่า, “น่ากลัวโยเซฟจะชังพวกเรา, และจะแก้แค้นบรรดาการประทุษร้ายที่พวกเราได้กระทำไว้แก่ท่านนั้น.” 16 เขาก็ใช้คนไปเรียนโยเซฟว่า, “บิดาท่านเมื่อจวนจะสิ้นใจนั้นสั่งไว้ว่า, 17 ‘เจ้าทั้งหลายจงเรียนโยเซฟดังนี้ว่า, “เราขอท่านได้โปรดยกความผิดของพวกพี่ชายท่านเสีย; ด้วยพี่ชายได้กระทำการประทุษร้ายแก่ท่าน.” ’ บัดนี้ขอท่านได้โปรดยกโทษข้าพเจ้าทั้งหลายผู้เป็นทาสปฏิบัติพระเจ้าแห่งบิดาท่าน.” โยเซฟเมื่อพี่ชายเรียนดังนั้นก็ร้องไห้. 18 พี่ชายก็พากันมากราบลงต่อหน้าโยเซฟแล้วว่า, “ข้าแต่ท่าน, ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นทาสของท่าน.” 19 ฝ่ายโยเซฟจึงบอกเขาว่า, “อย่ากลัวเลย: เราเป็นผู้แทนพระเจ้าหรือ? 20 พวกท่านได้คิดทำร้ายแก่เราจริง, แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงพระดำริให้เกิดผลดีอย่างที่บังเกิดในวันนี้แล้ว, คือช่วยชีวิตมนุษย์เป็นอันมากให้รอด” 21 โยเซฟจึงพูดเล้าโลมพวกพี่ชายว่า, “ท่านทั้งหลายอย่ากลัวเลย; เราจะบำรุงเลี้ยงพวกท่านทั้งบุตรด้วย.” 22 โยเซฟกับพงศ์พันธุ์บิดาของตนได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอายฆุบโต: และโยเซฟอายุยืนได้ร้อยสิบปี. 23 โยเซฟได้เห็นลูก, หลาน, เอฟรายิม, กับบุตรของมาคีรผู้เป็นบุตรมะนาเซ: ลูกหลานเหลนเหล่านั้นโยเซฟได้อุ้มให้นั่งบนตักของท่าน. 24 โยเซฟจึงบอกพวกพี่น้องว่า, “เราจวนจะตายแล้ว; แต่พระเจ้าคงจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่าน และจะพาออกไปจากแผ่นดินนี้ให้ถึงแผ่นดินนั้น, ที่พระองค์ทรงสัญญาไว้แก่อับราฮาม ยิศฮาคและยาโคบ.” 25 โยเซฟก็ให้พงศ์พันธุ์ยิศราเอลสาบาลตัวว่า, “พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่; แล้วท่านทั้งหลายต้องขนกะดูกของเราออกไปจากเมืองนี้.” 26 อายุโยเซฟเมื่อสิ้นได้ร้อยสิบปี: เขาก็อาบยารักษาศพไว้ไม่ให้เน่า, แล้วก็บรรจุเข้าหีบเก็บไว้ที่ประเทศอายฆุบโต. |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society