ปฐมกาล 42 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 เมื่อยาโคบรู้ว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอายฆุบโต, จึงว่าแก่ลูกชายของตนว่า, “มองดูตากันอยู่ทำไมเล่า? 2 นี่แน่ะ, เราได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอายฆุบโต: จงไปซื้อมาจากที่นั่น; เพื่อเราจะได้เลี้ยงชีวิต ไม่ต้องอดตาย.” 3 พี่ชายของโยเซฟสิบคนนั้นก็ลงไปซื้อข้าวที่ประเทศอายฆุบโต. 4 แต่เบ็นยามินน้องชายโยเซฟนั้นยาโคบไม่ให้ไปกับพี่ชาย; ด้วยกลัวจะเกิดอันตราย. 5 บุตรของยิศราเอลก็ไปด้วยกันกับคนทั้งปวงที่ไปซื้อข้าว. เพราะเกิดกันดารอาหารทั่วแผ่นดินคะนาอัน. 6 โยเซฟผู้สำเร็จราชการแผ่นดินนั้นได้จัดขายอาหารให้แก่บรรดาชาวเมือง. พวกพี่ชายของโยเซฟก็มากราบไหว้ก้มหน้าลงถึงดิน. 7 เมื่อโยเซฟได้เห็นพี่ชายของตนก็รู้จัก, แต่ทำเป็นไม่รู้จัก, และพูดจาห้าวหาญแก่เขา; ถามว่า, “พวกเจ้ามาแต่ไหน?” เขาตอบว่า, “มาแต่แผ่นดินคะนาอัน, จะซื้อสะเบียงอาหาร.” 8 ส่วนโยเซฟรู้จักพี่ชาย, แต่พวกพี่หารู้จักท่านไม่. 9 โยเซฟได้ระลึกถึงความนิมิตต์ซึ่งได้เห็นแต่ก่อนด้วยเรื่องคนเหล่านั้น, จึงว่าแก่พี่ชายว่า, “พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม; แกล้งมาดูความเสื่อมเสียของบ้านเมือง.” 10 พี่ชายจึงตอบว่า, “มิใช่อย่างนั้นเจ้าข้า, ข้าพเจ้าทาสของท่านมาซื้อสะเบียงอาหาร. 11 ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน, เป็นคนซื่อสัตย์; ทาสของท่านมิได้เป็นคนสอดแนมเลย.” 12 โยเซฟตอบเขาอีกว่า, “ไม่ใช่เช่นนั้น; พวกเจ้าทั้งหลายมาสอดแนมดูว่าเมืองนี้จะถอยกำลังไปอย่างไรบ้าง.” 13 พี่ชายจึงตอบว่า, “ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้เป็นทาสของท่านมีพี่น้องสิบสองคนร่วมบิดาเดียวกัน, อยู่ในแผ่นดินคะนาอัน; บัดนี้น้องสุดท้องนั้นยังอยู่กับบิดา, แต่น้องอีกคนหนึ่งเสีย ๆ แล้ว.” 14 โยเซฟตอบแก่เขาอีกว่า, “เห็นจะถูกเหมือนเราว่าแก่เจ้าแล้วว่าพวกเจ้าเป็นคนสอดแนม: 15 เราจะทดลองพวกเจ้าดังนี้: เราสาบานโดยพระชนม์กษัตริย์ฟาโรว่า, พวกเจ้าจะไปจากเมืองนี้ไม่ได้เว้นแต่จะพาน้องสุดท้องมาก่อน. 16 จงให้คนหนึ่งในพวกของเจ้าพาน้องมา; เราจะจำเจ้าทั้งหลายไว้ในคุก, ลองดูก่อนว่าเจ้าพูดจริงหรือไม่: ถ้ามิฉะนั้นเราสาบานโดยพระชนม์กษัตริย์ฟาโรว่า, พวกเจ้าเป็นคนสอดแนมแท้.” 17 โยเซฟก็ขังพี่ชายทั้งปวงไว้ในคุกสามวัน 18 ในวันที่สามโยซฟจึงบอกเขาว่า, “จงทำดังนี้, ก็จะได้มีชีวิต; ด้วยเราเกรงกลัวพระเจ้า: 19 ถ้าแม้นเจ้าทั้งหลายเป็นคนซื่อสัตย์ จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าจำอยู่ในคุก; นอกจากนั้นจงนำข้าวไปบ้าน เพราะกันดารอาหาร: 20 แล้วให้พาน้องสุดท้องมาหาเราที่นี่; ดังนั้นจึงจะเป็นที่สำคัญว่าคำที่พวกเจ้าพูดนั้นเป็นจริง, พวกเจ้าก็จะไม่ตาย” พวกพี่ชายก็ยอมทำดังนั้น. 21 พี่ชายทั้งหลายจึงพูดกันว่า, “เราคงทำผิดไว้แก่น้องเราแต่ก่อน, เพราะเราได้เห็นความทุกข์ลำบากของน้อง, เมื่อเขาอ้อนวอน, แต่เรามิได้ฟัง; เหตุฉะนั้นความทุกข์ลำบากทั้งนี้จึงบังเกิดแก่เรา.” 22 ฝ่ายรูเบ็นจึงพูดแก่น้องทั้งปวงว่า, “ข้าได้ห้ามเจ้าว่าอย่าทำผิดต่อเด็กนั้น, แต่เจ้าทั้งหลายไม่ฟังมิใช่หรือ? เหตุฉะนี้โลหิตของน้องนั้นจึงให้เกิดโทษแก่เรา.” 23 พี่ชายไม่รู้ว่าโยเซฟรู้ภาษา, เพราะว่าเมื่อพูดกันมีคนเป็นล่าม. 24 โยเซฟก็หันหน้าไปจากเขาแล้วร้องไห้, จึงกลับมาพูดกับเขาอีก; ท่านจึงเอาซีโมนผูกมัดไว้ต่อหน้าคนเหล่านั้น. 25 โยเซฟจึงบัญชาสั่งให้ใส่ข้าวในกะสอบของพี่ชายให้เต็ม, และเงินที่นำมาซื้อข้าวนั้นให้ใส่ไว้ในกะสอบทุกคนด้วย, และให้สะเบียงอาหารไปกินกลางทาง: คนใช้ก็กระทำดังนั้น 26 เมื่อเขาบรรทุกข้าวบนหลังลาเสร็จแล้ว, ก็ไปจากที่นั่น. 27 ครั้นมาถึงที่หยุดพัก, คนหนึ่งได้เปิดกะสอบออกจะเอาข้าวให้ลากิน, ก็เห็นเงินอยู่ในปากกะสอบนั้น. 28 ผู้นั้นจึงบอกแก่น้องทั้งปวงว่า, “ดูเถิด, เงินของเรากลับคืนมาอยู่ในกะสอบของเรานี้.” พี่น้องทั้งปวงพากันตกใจนักจนตัวสั่น; จึงพูดกันว่า, “พระเจ้าได้บันดาลให้เป็นดังนี้แก่เราจะเป็นอย่างไร?” 29 แล้วเข้าไปถึงยาโคบผู้เป็นบิดาในเมืองคะนาอัน. เล่าความทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ตนนั้นให้บิดาฟังว่า, 30 “ท่านผู้สำเร็จราชการในแผ่นดินนั้นพูดจาห้าวหาญแก่พวกฉันว่าพวกนั้นไปสอดแนมดูบ้านเมือง. 31 พวกฉันตอบเรียนว่า, ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นคนซื่อสัตย์, หาได้เป็นคนสอดแนมไม่: 32 ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน, มีพี่น้องสิบสองคน, แต่น้องคนหนึ่งเสีย ๆ แล้ว, บัดนี้น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดาในเมืองคะนาอัน.’ 33 ท่านผู้ใหญ่เมืองนั้นตอบว่า, ‘ทำอย่างนี้เราจึงจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์, คือจงให้คนหนึ่งในพวกพี่น้องอยู่กับเรา, แล้วเจ้าทั้งหลายจงนำข้าวกลับไปให้คนที่บ้าน, 34 แล้วพาน้องสุดน้องมาให้เราที่นี่, เราจึงจะรู้วาพวกท่านมิได้เป็นคนสอดแนม, แต่เป็นคนซื่อสัตย์; เราจึงจะปล่อยพี่ชายไป, แล้วท่านทั้งหลายจะได้ไปมาค้าขายในแผ่นดินนี้.’ ” 35 ครั้นเขาทั้งหลายแก้กะสอบข้าวออกก็เห็นห่อเงินอยู่ในกะสอบทุก ๆ คน: เมื่อเวลาเขาทั้งหลายกับบิดาเห็นห่อเงิน ดังนั้นเขาก็ตกใจกลัว. 36 ฝ่ายยาโคบบิดาจึงพูดว่า, “พวกเจ้าทำให้เราพลัดพรากจากลูกของเราเสีย: โยเซฟก็ตายจากกัน, และซีโมนก็ต้องพรากไป, เจ้าจะเอาเบ็นยามินไปเสียอีก: การทั้งนี้ก็ทำให้เป็นที่ขัดใจเรา.” 37 รูเบ็นจึงบอกบิดาว่า, “ถ้าข้าพเจ้าไม่พาเบ็นยามินมาให้ท่านแล้ว, ท่านจงเอาบุตรชายทั้งสองคนของข้าพเจ้าฆ่าเสีย: จงมอบเบ็นยามินไว้ในมือข้าพเจ้าเถิด, ข้าพเจ้าจะนำกลับมาหาท่านอีก.” 38 ยาโคบบอกว่า, “เราไม่ยอมให้เบ็นยามินไปกับเจ้า; เพราะพี่ชายก็ตายเสียแล้ว, เหลืออยู่แต่เบ็นยามินคนนี้: ถ้าเกิดอันตรายแก่ลูกเราในทางที่เจ้าจะไปนั้น, เจ้าจะพาผมหงอกของเราลงสู่หลุมฝังศพด้วยความทุกข์.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society