ปฐมกาล 21 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 พระยะโฮวาได้เสด็จไปเยี่ยมเยียนนางซาราตามพระดำรัส, พระองค์ทรงกระทำให้เป็นไปตามคำที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว. 2 นางซาราก็มีครรภ์คลอดบุตรเป็นชายกับอับราฮามผู้มีอายุมาก, ตามกาลกำหนดที่พระเจ้าได้ตรัสไว้แก่อับราฮามนั้น. 3 อับราฮามก็เรียกชื่อบุตรชายของตนที่เกิดแต่นางซารานั้นว่ายิศฮาค. 4 เมื่อยิศฮาคคลอดได้แปดวันแล้วอับราฮามก็ให้รับสุนัดตามคำสั่งที่พระเจ้าได้ตรัสไว้แก่ตน. 5 เมื่อยิศฮาคบุตรอับราฮามบังเกิดนั้น, อายุอับราฮาม ได้ร้อยปี. 6 ฝ่ายนางซาราพูดว่า, “พระเจ้าทรงบรรดาลให้ข้าพเจ้าหัวเราะ; คนทั้งหลายที่ได้ยินจะหัวเราะด้วยกันกับข้าพเจ้า.” 7 นางจึงพูดอีกว่า, “ใครจะบอกกับอับราฮามได้ว่า, ‘ซาราอาจจะให้ลูกอ่อนกินนม’; ข้าพเจ้าได้บุตรชายกับอับราฮามผู้เป็นคนแก่.” 8 เมื่อกุมารนั้นเจริญใหญ่ขึ้นอย่านมแล้ว, ในวันนั้นอับราฮามก็ทำการเลี้ยงใหญ่. 9 นางซาราเห็นบุตรของฮาฆารชาติอายฆุบโตที่มีด้วยกันกับอับราฮามนั้นหัวเราะเล่น. 10 นางจึงพูดกับอับราฮามว่า, “จงไล่หญิงทาสีนี้ทั้งบุตรชายของเขาไปเสีย: อย่าให้บุตรของทาสีนี้แบ่งมฤดกกับยิศฮาคบุตรของฉันเลย.” 11 ส่วนอับราฮามเสียใจมาก, เป็นห่วงบุตรของตน. 12 พระเจ้าจึงตรัสแก่อับราฮามว่า, “อย่าให้ใจของเจ้าเป็นทุกข์ร้อนด้วยเด็กและหญิงทาสีของเจ้านั้นเลย; จงเชื่อฟังถ้อยคำทั้งหมดที่นางซาราได้พูดกับเจ้าเถิด; ด้วยกุมารยิศฮาคนี้จะสืบเชื้อวงศ์ของเจ้าไว้. 13 ฝ่ายพงศ์พันธุ์บุตรของทาสีนั้นเราจะตั้งให้เป็นตระกูลใหญ่ด้วย, เพราะเขาเป็นบุตรของเจ้า.” 14 ครั้นรุ่งขึ้นอับราฮามก็ตื่นแต่เช้า, เอาขนมกับขวดน้ำใส่บ่าฮาฆาร, มอบบุตรแล้วก็ให้ไปเสีย: หญิงนั้นก็เดินท่องเที่ยวไปจากที่นั่นเขาไปในป่าบะเอระซาบา. 15 ครั้นน้ำในขวดนั้นหมดแล้ว, เขาก็วางบุตรไว้ใต้พุ่มไม้ต้นหนึ่ง. แล้วไปนั่งลงห่างไกลจากบุตรระยะประมาณเท่ายิงลูกธนู, ด้วยคิดว่า, “อย่าให้เราเห็นความตายของบุตรเลย. 16 เขาก็ไปนั่งลงตรงหน้าบุตรแล้วร้องไห้เสียงดัง. 17 ฝ่ายพระเจ้าทรงฟังเสียงเด็กนั้น; ทูตของพระองค์จึงเรียกฮาฆารจากฟ้าว่า, “ฮาฆารเอ๋ย, เจ้าเป็นอย่างไร? อย่ากลัวเลย; ด้วยพระเจ้าได้ยินเสียงของเด็กนั้นแล้ว. 18 จงลุกขึ้นไปอุ้มเด็กนั้นไว้; ด้วยเราจะโปรดให้เขาเป็นตระกูลใหญ่” 19 แล้วพระเจ้าทรงเปิดตาให้เขาแลเห็นบ่อน้ำ; เขาก็เอาขวดไปกับน้ำมาให้กุมารนั้นกิน. 20 พระเจ้าได้ทรงโปรดให้เด็กนั้นค่อยเจริญใหญ่ขึ้น, เป็นนายพรานใช่ธนู, อาศัยอยู่ในป่า. 21 เขาอาศัยอยู่ที่ป่าพาราน: และมารดาได้หาหญิงมาจากแผ่นดินอายฆุบโตให้เป็นภรรยา 22 ขณะนั้นกษัตริย์อะบีเมเล็คกับฟีโคลนายทหารของกษัตริย์นั้นมาพูดกับอับราฮามว่า, “ในบรรดากิจการที่ท่านได้กระทำนั้น, พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย. 23 บัดนี้ท่านจงตั้งสัตย์สาบาลให้เราต่อพระเจ้า, ว่าท่านจะไม่ประพฤติการคดโกงต่อเรา หรือโอรสของเราหรือต่อพงศ์พันธุ์ของเรา: เรามีความกรุณาได้ทำคุณไว้แก่ท่านแล้วอย่างไร, ให้ท่านทำแก่เราและแผ่นดินของเราที่ท่านอาศัยอยู่นี้อย่างนั้นเถิด.” 24 อับราฮามทูลว่า, “ข้าพเจ้าจะให้สัตย์สาบานไว้” 25 อับราฮามก็ทูลกษัตริย์อะบีเมเล็คให้ทราบด้วยเรื่องบ่อน้ำที่คนใช้ของกษัตริย์แย่งเอาไป. 26 ฝ่ายอะบีเมเล็คตรัสว่า, ‘ความเรื่องนี้เราไม่รู้เลยว่าใครทำเช่นนี้: ท่านก็ไม่บอกให้เรารู้ด้วย; เราพึ่งได้ยินวันนี้เอง.” 27 อับราฮามจึงถวายแกะและวัวให้กษัตริย์อะบีเมเล็ค, กษัตริย์อะบีเมเล็คกับอับราฮามทั้งสองก็ทำสัตย์สาบาลต่อกัน. 28 อับราฮามจึงคัดลูกแกะตัวเมียเจ็ดตัวออกจากฝูงเอาไว้ต่างหาก. 29 อะบีเมเล็คตรัสถามอับราฮามว่า, “ลูกแกะตัวเมียเจ็ดตัวซึ่งท่านคัดเอาไว้ต่างหากนี้หมายความว่าอย่างไร?” 30 อับราฮามทูลว่า, “ลูกแกะตัวเมียเจ็ดตัวนี้, ขอท่านได้รับจากมือข้าพเจ้า, เพื่อเป็นพะยานสำคัญฝ่ายข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าได้ขุดบ่อน้ำนี้.” 31 เหตุฉะนี้เขาจึงเรียกที่นั้นว่าบะเอระซาบา, เพราะได้ทำสัตย์สัญญาต่อกันที่นั่น. 32 เมื่อทำสัตย์สัญญากันที่บะเอระซาบาแล้ว, กษัตริย์อะบีเมเล็คกับฟีโคลนายทหารก็ลุกขึ้นกลับไปเมืองฟะลิศตีม. 33 อับราฮามก็ปลูกต้นไม้แทมริศไว้ที่บะเอระซาบา, และนมัสการออกพระนามพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ที่นั่น. 34 อับราฮามก็ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของชาวฟะลิศตีมนั้นหลายเวลา |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society