กาลาเทีย 3 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940ท่านได้รับพระวิญญาณโดยความเชื่อ 1 โอชาวฆะลาเตียคนเขลา ใครได้สะกดดวงจิตต์ของท่านให้เห็นผิดไป, เมื่อพระเยซูคริสต์ถูกตรึงไว้ประจักษ์แก่ตาของท่านทั้งหลายชัดๆ แล้ว? 2 ข้าพเจ้าใคร่รู้สิ่งนี้สิ่งเดียวจากท่านว่า, ท่านทั้งหลายได้รับพระวิญญาณนั้นโดยการประพฤติตามพระบัญญัติหรือๆ ได้รับโดยความเชื่อ? 3 ท่านทั้งหลายขาดความคิดอย่างนั้นทีเดียวหรือ เมื่อเริ่มขึ้นมาด้วยพระวิญญาณแล้ว, บัดนี้ท่านจะอาศัยเนื้อหนังเพื่อทำให้สำเร็จการหรือ 4 ท่านทั้งหลายได้อดทนมามากมายเป็นการเปล่าประโยชน์หรือ คือถ้าเป็นการเปล่าประโยชน์จริงๆ. 5 ฝ่ายพระองค์ผู้ทรงประทานพระวิญญาณแก่ท่านทั้งหลาย, และสำแดงอิทธิฤทธิ์ท่ามกลางท่านทั้งหลาย, พระองค์ทรงกระทำการนั้นโดยการประพฤติตามพระบัญญัติหรือๆ โดยการฟังเพราะความเชื่อ? 6 ดั่งอับราฮามได้เชื่อพระเจ้า, และความเชื่อนั้นทรงถือว่าเป็นความชอบรรรมของท่าน. 7 ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า, คนทั้งปวงที่เชื่อก็เป็นบุตรของอับราฮาม. 8 และพระคัมภีร์นั้นรู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้ชนต่างชาติเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ, จึงได้ประกาศกิตติคุณไว้แก่อับราฮามก่อนว่า, ชนต่างชาติทั้งปวงจะได้ความสุขเพราะท่าน. 9 เหตุฉะนั้นคนทั้งหลายที่เชื่อจึงได้ความสุขด้วยกันกับอับราฮามผู้ที่ได้เชื่อนั้น พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา 10 เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามพระบัญญัติก็ถูกแช่งสาปแล้ว, เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า, ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามทุกข้อซึ่งเขียนไว้ในหนังสือพระบัญญัตินั้น ก็ถูกแช่งสาปอยู่แล้ว. 11 แต่ก็เห็นแจ้งอยู่แล้วว่า, ไม่มีมนุษย์เป็นคนชอบธรรมจำเพาะพระพักตรพระเจ้าด้วยการประพฤติตามพระบัญญัติได้, เพราะว่าคนชอบรรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ. 12 และพระบัญญัตินั้นไม่ได้อาศัยความเชื่อ, แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระบัญญัติก็จะได้ชีวิตดำรงอยู่โดยพระบัญญัตินั้น. 13 พระคริสต์ได้ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งพระบัญญัติ, โดยที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า, ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ก็ถูกแช่งสาปแล้ว 14 เพื่อความสุขของอับราฮามจะได้มาถึงชนต่างชาติทั้งหลายเพราะพระเยซูคริสต์ เพื่อเราทั้งหลายจะได้รับพระวิญญาณซึ่งทรงสัญญาไว้แล้วโดยความเชื่อ 15 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย, ข้าพเจ้าพูดตามอย่างมนุษย์ ถึงแม้คำสัญญานั้นเป็นคำสัญญาของมนุษย์, เมื่อได้รับรองกันแล้ว, ไม่มีผู้ใดจะให้ล้มเลิกหรือเพิ่มเติมขึ้นอีกได้. 16 คำสัญญานั้นได้ทรงกล่าวไว้แก่อับราฮามและแก่พงศ์พันธุ์ของท่าน. และมิได้ทรงกล่าวว่า, แก่พงศ์พันธุ์ทั้งหลาย เหมือนอย่างกับว่าแก่คนมากคน, แต่เหมือนว่าคับคนผู้เดียว คือแก่พงศ์พันธุ์ของท่าน ซึ่งเป็นพระคริสต์. 17 แต่ข้าพเจ้าว่าอย่างนี้ว่า, คำสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ทรงตั้งไว้เมื่อก่อนนั้น, พระบัญญัติซึ่งมาภายหลังถึงสี่ร้อยสามสิบปี จะทำลายคำสัญญานั้นให้ขาดจากประโยชน์ไม่ได้. 18 เพราะว่าถ้าจะได้มฤดกนั้นโดยพระบัญญัติ, ก็ไม่ใช่ได้โดยคำสัญญา แต่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานมฤดกนั้นให้แก่อับราฮามโดยคำสัญญา 19 ถ้าเช่นนั้นแล้วก็มีพระบัญญัติไว้ทำไมเล่า? พระบัญญัตินั้นทรงเพิ่มให้เพราะความผิด, จนกว่าพงศ์พันธุ์ที่ได้รับคำสัญญานั้นจะมา จึงทรงตั้งไว้โดยพวกทูตสวรรค์, คือโดยมือของคนกลาง. 20 เมื่อพูดถึงคนกลางนั้นไม่หมายความว่ามีมากกว่าฝ่ายเดียว แต่พระเจ้านั้นทรงเป็นเอกพระเจ้า 21 ฉะนั้นพระบัญญัติได้ขัดขวางคำสัญญาของพระเจ้าหรือ ก็หามิได้ เพราะว่าถ้าพระบัญญัติที่ได้ประทานให้นั้นอาจทำให้มีชีวิตอยู่ได้, ความชอบธรรมก็จะได้เป็นโดยพระบัญญัตินั้นจริงๆ 22 แต่พระคัมภีร์ได้กั้นเขตต์คนทั้งปวงไว้ในความผิด, เพื่อจะทรงประทานคำสัญญา ซึ่งมีโดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์นั้นแก่คนทั้งปวงที่เชื่อ ท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระคริสต์ 23 แต่เมื่อความเชื่อยังไม่มา, เราทั้งหลายถูกพระบัญญัติกักตัวเราไว้, จนความเชื่อที่จะสำแดงให้ปรากฏภายหลังนั้นมาถึงแล้ว. 24 เหตุฉะนั้นพระบัญญัติจึงเป็นครูสอนซึ่งนำเราให้มาถึงพระคริสต์, เพื่อเราจะได้ความชอบธรรมโดยความเชื่อ. 25 แต่ครั้นความเชื่อมาแล้ว, เราหาได้อยู่ใต้บังคับครูสอนต่อไปไม่. 26 เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าโดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์แล้ว 27 เหตุว่าคนทั้งหลายที่รับบัพติศมาเข้าสนิทกับพระคริสต์แล้ว, ก็ได้ตกแต่งตัวด้วยพระคริสต์. 28 เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกันพระคริสต์นั้น, จะเป็นพวกยูดายหรือพวกเฮเลนก็ไม่ได้, จะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ไม่ได้, จะเป็นชายหรือเป็นหญิงก็ไม่ได้. 29 และถ้าท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์แล้ว, ท่านจึงเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮาม, และผู้รับมฤดกตามคำสัญญานั้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society