กาลาเทีย 2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940พระเจ้ามิได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด 1 ครั้นภายหลังล่วงไปได้สิบสี่ปี, ข้าพเจ้ากับบาระนาบาได้ขึ้นไปยังกรุงยะรูซาเลมอีก, และพาติโตไปด้วย. 2 ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปตามที่ได้ทรงแนะทำข้าพเจ้า, และได้เล่ากิตติคุณที่ข้าพเจ้าประกาศอยู่แก่พวกชนต่างชาตินั้นให้เขาฟัง, แต่ได้เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นความลับ, เกรงว่าข้าพเจ้าจะได้วิ่งแข่งกันหรือวิ่งแข่งกันแล้วไม่สำเร็จ. 3 แต่ถึงติโต, ผู้อยู่กับข้าพเจ้า, และเป็นชาติเฮเลน. ก็ไม่ต้องถูกขืนใจให้รับพิธีสุนัด, 4 เพราะเห็นแก่พี่น้องเทียมเท็จที่ได้ลอบแซกเข้ามา เพื่อจะสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเราได้เพราะพระเยซูคริสต์นั้น, และหวังจะพาเรากลับคืนไม่เป็นทาสอีก. 5 แต่เราไม่ได้ยอมลงกับเขาแม้แต่ชั่วโมงเดียว, เพื่อความจริงของกิตติคุณนั้นจะได้ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป. 6 แต่พวกเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญถึง เขาเคยได้เป็นคนอย่างไรมาแล้วก็ตาม. ก็ไม่เห็นเป็นข้อสำคัญอะไรกับข้าพเจ้าเลย พระเจ้ามิได้ทรงเห็นแก่หน้าคน คนเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญ ไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย. 7 แต่เมื่อเขาเห็นแล้วว่า การประกาศกิตติคุณกับคนเหล่านั้นที่ไม่ถือพิธีสุนัดทรงมอบไว้แก่ข้าพเจ้า. เหมือนการประกาศกิตติคุณกับคนเหล่านั้นที่ถือพิธีสุนัดได้ทรงมอบไว้แก่เปโตร. 8 เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงดลใจเปโตรให้เป็นทูตไปหาพวกที่ถือพิธีสุนัด ก็ได้ทรงดลใจข้าพเจ้าให้เป็นทูตไปหาชนต่างชาติเหมือนกัน 9 และเมื่อยาโกโบกับเกฟาและโยฮัน. ผู้ที่เขานับถือว่าเป็นหลัก. ได้เห็นพระคุณซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้า, ท่านทั้งสามจึงได้ยื่นมือขวาให้ข้าพเจ้ากับบาระนาบาจับ เป็นเครื่องหมายว่ามีความสามัคคีต่อกัน. เพื่อเราจะได้ไปหาชนต่างชาติ, และท่านเหล่านั้นจะได้ไม่หาพวกที่ถือพิธีสุนัด. 10 แต่เขาขออย่างเดียวว่าไม่ให้เราลืมคนจน, ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากะตือรือร้นที่จะกระทำอยู่แล้วด้วย เปาโลถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว 11 แต่เมื่อเกฟามาถึงเมืองอันติโอเกียแล้ว. ข้าพเจ้าจึงได้คัดค้านท่านต่อหน้า, เพราะว่าการประพฤติของท่านได้ส่อให้เห็นความผิดในตัว. 12 ด้วยว่าเมื่อก่อนบางคนยังไม่ได้มาจากยาโกโบนั้น, ท่านได้กินอยู่ด้วยกันกับชนต่างชาติ แต่ครั้นพวกนั้นมาแล้ว. ท่านจึงปลีกตัวออกไปอยู่เสียต่างหาก, เพราะเกรงใจพวกที่ถือพิธีสุนัด. 13 และพวกยูดายคนอื่นก็ได้แกล้งทำไปตามท่าน, ถึงบาระนาบาก็พลอยหลงไปเพราะการที่เขาลวงนั้นด้วย. 14 แต่เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นว่า เขาไม่ได้ประพฤตตรงตามความจริงของกิตติคุณนั้น, ข้าพเจ้าจึงว่าแก่เกฟาต่อหน้าคนทั้งปวงว่า, “ถ้าท่านที่เป็นชาติยูดายอยู่แล้ว ประพฤติตามชนต่างชาติ, และมิใช่ตามอย่างพวกยูดาย, เหตุไฉนท่านจึงขืนใจชนต่างชาติให้ประพฤติตามอย่างพวกยูดายเล่า?” 15 เราผู้มีสัญชาติเป็นชาตยูดาย, และไม่ใช่คนบาปในพวกชนต่างชาติ, 16 ก็ยังรู้ว่าไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะเป็นคนชอบธรรมได้โดยการประพฤติตามพระบัญญัติ, แต่โดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์เท่านั้น, ถึงเราเองก็ได้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์, เพื่อจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยศรัทธาในพระคริสต์, และไม่ใช่โดยการประพฤติตามพระบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามพระบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์สักคนเดียวที่อยู่ในเนื้อหนังจะเป็นคนชอบธรรมได้. 17 แต่เมื่อเรากำลังขวนขวายจะเป็นคนชอบธรรมโดยพระคริสต์, ถ้าเราเองยังปรากฏเป็นคนบาปอยู่, พระคริสต์จะเป็นผู้ส่งเสริมความบาปหรือ ก็หามิได้, 18 เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าก่อสิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ทำลายลงแล้วขึ้นอีก, ข้าพเจ้าก็ส่อตัวเองว่าเป็นคนผิด. 19 เหตุว่าโดยพระบัญญัตินั้น ข้าพเจ้าก็ได้ตายแก่พระบัญญัติแล้ว (คือไม่พึ่งพระบัญญัติอีก), เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ฝ่ายพระเจ้า. 20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว และไม่ใช่ข้าพเจ้าเองที่ยังมีชีวิตเป็นอยู่, แต่พระคริสต์ต่างหากทรงมีชีวิตเป็นอยู่ในข้าพเจ้า และชีวิตซึ่งข้าพเจ้ามีอยู่ในเนื้อหนังเดี๋ยวนี้, ข้าพเจ้ามีอยู่โดยศรัทธา, คือศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า, ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า, และได้ประทานพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า. 21 ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำพระคุณของพระเจ้าให้เสียประโยชน์. เพราะว่าถ้าความชอบธรรมได้มาโดยพระบัญญัติแล้ว, การที่พระคริสต์ได้ปลงพระชนม์ก็เป็นการหาประโยชน์มิได้ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society