เอษรา 5 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 และอยู่มามีผู้ทำนายสองคนชื่อ, ฮะคายคนหนึ่ง, และชื่อซะคาระยาพงศ์พันธุ์ของอีโดคนหนึ่ง, ได้ทำนายแก่คนพวกยะฮูดาทั้งปวงที่อยู่ที่กรุงยะรูซาเลมและเขาได้เตือนสอนฝูงชนในพระนามพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าพวกยิศราเอล. 2 ท่านซะรุบาเบ็ลบุตรชายซะอัลธิเอ็ล, กับท่านยะโฮซูอะบุตรชายของท่านโยซาดาก, จึงได้ลุกขึ้นลงมือก่อสร้างโบสถ์วิหารของพระองค์ คือโบสถ์วิหารที่กรุงยะรูซาเลมนั้น: และผู้ทำนายของพระองค์ได้อยู่ช่วยอุปการะอุดหนุนเขา 3 และในกาลคราวนั้นท่านธัธนายผู้เป็นเจ้าเมืองครอบครองที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างนี้, และท่านซะธัรโบศนาย, กับเพื่อนสนิททั้งปวงของเขา, ได้มาหาพวกยะฮูดาซักถามว่า, ใครได้อนุญาตให้พวกเจ้าสร้างโบสถ์วิหาร, และก่อกำแพงทั้งปวงนี้ขึ้นไว้? 4 และเมื่อคนพวกนั้นได้ซักถามจะเอาชื่อคนปวงที่ทำการก่อสร้างนั้น, พวกข้าพเจ้าได้ให้การตามจริงทุกประการ. 5 แต่พระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของพวกข้าพเจ้าได้ทรงทอดพระเนตรดลใจผู้เฒ่าผู้แก่ในพวกยูดา, คนพวกนั้นจึงข่มขืนให้พวกข้าพเจ้าหยุดไม่ได้, และในที่สุดเรื่องนี้ได้ทราบไปถึงกษัตริย์ดาระยาศ: และอยู่มาจึงมีราชสาส์นออกมาตัดสิน 6 และเห็นสือที่ท่านธัธนาย, ผู้ครองหัวเมืองทั้งปวงที่แม่น้ำฟากสั่งข้างนี้, และซะธัรโบศนาย, กับพวกอะฟาซัรคายมิตรสหายสนิทของเขา, ที่อยู่ฟากแม่น้ำฟากฝั่งข้างนี้ได้แต่งถวายแก่กษัตริย์ดาระยาศนั้น. 7 คือคนเหล่านั้นได้เขียนหนังสือถวายเป็นเนื้อความดังนี้ว่า; กราบทูลมายังท่านดาระบาศผู้เป็นกษัตริย์, ขอพระองค์ทรงพระเจริญ. 8 ข้าพเจ้าทั้งหลายขอกราบทูลให้พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ทรงทราบว่า, พวกข้าพเจ้าได้ไปยังแผ่นดินยะฮูดา, ถึงโบสถ์วิหารของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์, และดูเถิดโบสถ์วิหารนั้นที่เขากำลังก่อสร้างด้วยหินใหญ่ยิ่ง, มีไม้เหลี่ยมซ้อนเรียงไปตามกำแพง, ตลอดจนการนั้นเขาก็รีบเร่งทำ, และการในมือของเขานั้นก็ได้จำเริญมากขึ้นแล้ว, 9 พวกข้าพเจ้าจึงได้ซักถามที่ผู้เฒ่าผู้แก่ในพวกนั้นว่า, ใครได้บังคับบัญชาให้พวกเจ้าสร้างโบสถ์วิหาร, และก่อกำแพงทั้งปวงนี้ขึ้นไว้? 10 และพวกข้าพเจ้าได้ซักถามเอาชื่อคนเหล่านั้นด้วย, เพื่อจะได้จดชื่อคนหัวหน้าในพวกนั้นให้ปรากฏแก่พระองค์. 11 และคนพวกนั้นได้ตอบดังนี้ว่า, ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพลไพร่ของพระองค์ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์และพิภพโลก, และโบสถ์วิหารที่ข้าพเจ้าทั้งหลายก่อสร้างนี้เป็นโบสถ์มาแต่โบราณ, คือเป็นโบสถ์ที่กษัตริย์องค์หนึ่งในพวกยิศราเอลได้สร้างเฉลิมไว้. 12 และอยู่มาภายหลังปู่ย่าตายายของพวกข้าพเจ้าได้ประพฤติกระทำให้พระองค์เจ้าฟ้าสวรรค์ทั้งปวงนั้นทรงพระพิโรธ, และพระองค์ได้ทรงมอบพวกข้าพเจ้าไว้ในหัตถ์นะบูคัดเนซัร กษัตริย์เมืองบาบูโลน, ชาวเมืองเคเซ็ด, และกษัตริย์นั้นได้ล้างผลาญโบสถ์วิหารนี้, และได้กวาดเอาคนทั้งปวงพาไปเป็นชะเลยที่เมืองบาบูโลน. 13 แต่เมื่อมาถึงรัชชกาลโคเร็ศกษัตริย์เมืองบาบูโลน, ในปีต้นแห่งรัชชกาลนั้น กษัตริย์โฆเร็ศได้มีรับสั่งให้ก่อสร้างโบสถ์วิหารของพระเจ้าโบสถ์นี้ขึ้นใหม่. 14 และถ้วยชามทั้งปวงทำด้วยทองและเงินสำหรับโบสถ์วิหารของพระเจ้า, ที่นะบูคัดเนซัรได้ริบเอาไปจากโบสถ์วิหารที่กรุงยะรูซาเลม, ส่งไปยังโบสถ์วิหารที่เมืองบาบูโลน, สิ่งของทั้งปวงนั้นกษัตริย์โฆเร็ศได้ขนออกมาจากโบสถ์วิหารที่เมืองบาบูโลน, มอบไว้กับท่านเซ็ศบาซัรคนหนึ่ง, ที่ท่านได้ทรงโปรดตั้งไว้ให้เป็นผู้รักษาเมือง; 15 ทรงตรัสแก่ท่านว่า, จงรับถ้วยชามนี้, ส่งไปยังโบสถ์วิหารที่กรุงยะรูซาเลม, และจงเป็นธุระก่อสร้างโบสถ์วิหารของพระเจ้านั้นขึ้นไว้ ณ ที่สถานของพระองค์. 16 ท่านเซ็ศบาซัร, จึงได้มาลงมือวางรากโบสถ์วิหารของพระองค์ผู้ทรงสถิตอยู่ที่กรุงยะรูซาเล็ม: และตั้งแต่นั้นมาจนถึงบัดนี้พวกข้าพเจ้าได้ทำการก่อสร้างและโบสถ์วิหารนี้ยังไม่แล้ว. 17 บัดนี้พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ทรงเห็นชอบ, ขอให้มีรับสั่งอนุญาตให้เขาค้นดูในหอหนังสือหลวงที่เมืองบาบูโลน, หากรู้ว่ากษัตริย์โฆเร็ศได้มีรับสั่งบังคับให้เขาสร้างโบสถ์วิหารของพระเจ้าที่กรุงยะรูซาเลมนั้นเป็นความจริงหรือไม่, และด้วยเรื่องนี้ถ้าพระองค์จะทรงเห็นควรประการใดแล้ว, ขอมีพระอักษรออกมาแจ้งความให้ทราบเถิด |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society