เอษรา 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 และเมื่อคนทั้งปวงที่เป็นศัตรูต่อแผ่นดินยะฮูดาและเบ็นยามินได้ยินว่าพงศ์พันธุ์ของคนทั้งปวงที่ต้องถูกกวาดเอาไปเป็นชะเลยนั้น, ได้ลงมือจะสร้างโบสถ์วิหารของพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพวกยิศราเอล. 2 มีลางคนในพวกศัตรูนั้นได้มาหาซารุบาเบ็ล, และคนหัวหน้าในเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายพูดว่า, ขอให้พวกข้าพเจ้ามีส่วนเข้าในการก่อสร้างกับท่านทั้งหลาย: ด้วยว่าพวกข้าพเจ้ากับพวกท่านแสวงหาพระเจ้าองค์เดียวเหมือนกัน; และพวกข้าพเจ้าได้กระทำเครื่องบูชาถวายแก่พระองค์นั้นตั้งแต่คราวที่เอซัรฮาโดรกษัตริย์แผ่นดินฮาซูร, ได้พาพวกข้าพเจ้าขึ้นมาให้อาศัยอยู่ที่นี้. 3 แต่ท่านซะรุบาเบ็ล, และยะโฮซูอะ, กับคนหัวหน้าในเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายในพวกยิศราเอล, ได้ตอบแก่เขาดังนี้ว่า, พวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างโบสถ์วิหารถวายแก่พระเจ้าของพวกเราเลย; แต่พวกเรานี้พวกเดียวจะสร้างโบสถ์วิหารถวายแก่พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพวกยิศราเอล, เหมือนโฆเร็ศกษัตริย์ประเทศฟารัศได้รับสั่งอนุญาตแก่พวกเราแล้วนั้น. 4 และชาวชนประเทศนั้นจึงได้รบกวนขัดขวางคนพวกยะฮูดาในการก่อสร้าง, 5 และคนพวกนั้นได้จ้างคนอาลักษณ์ให้ขัดขวางต่อสู้พวกยะฮูดาตลอดรัชชกาลโฆเร็ศกษัตริย์พารัศ, ตราบจนถึงรัชชกาลดาระยาศได้ขึ้นเสวยราชย์ประเทศฟารัศ. 6 และเมื่อกษัตริย์อะหัศวะโรศได้ขึ้นครอบครองราชสมบัติเมื่อต้นรัชชกาลนั้น, เขาได้เขียนหนังสือกล่าวโทษต่อชาวชนชาติยะฮูดาและชาวกรุงยะรูซาเลมฉะบับหนึ่งมาทูลถวาย 7 และเมื่อถึงรัชชกาลกษัตริย์อะระธาสัศธา, บิศลาม, มิธระดาธ, ตาบะเอ็ล, กับคนทั้งปวงที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา, ได้เขียนหนังสือฉะบับหนึ่งทูลถวายแก่อะระธาสัศธากษัตริย์ประเทศฟารัศ; และหนังสือนั้นเขาได้เขียนเป็นภาษาอะราม, และได้ใช้อักษรเป็นภาษานั้นด้วย, ซึ่งแปลเป็นเนื้อความว่า. 8 ข้าพเจ้าระฮูมมหาอุปราชและซิมซีพระอาลักษณ์, ได้เขียนเรื่องราวฉะบับนี้กล่าวโทษคนพวกกรุงยะรูซาเลม, กราบทูลกษัตริย์อะระธาสัศธาเป็นเนื้อความดังนี้ว่า: 9 ข้าพเจ้าระฮูมมหาอุปราช, และซิมซีพระอาลักษณ์, และคนพวกอื่นๆ หลายคน, คือพวกดีนาย, พวกอะฟาศัธคาย, พวกตรัฟลาเย, พวกอะฟาซาย, พวกเอระเค, พวกชาวเมืองบาบูโลน, ชาวเมืองซูซัร, ชาวเมืองเดฮา, และชาวเมืองเอลาม, 10 กับคนพวกอื่นๆ ที่ท่านอัศนาฟัรเจ้าคุณผู้ใหญ่ได้พามาให้ตั้งอาศัยอยู่ในเหล่าหัวเมืองแห่งแผ่นดินซะมาริยา, กับคนอื่นทั้งปวงที่อาศัยอยู่ที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างนี้, หนังสือเขียนมา ณ วันนี้ 11 และนี่เป็นหนังสือที่คนพวกนั้นได้ทูลถวาย, คือที่เขาได้ทูลถวายแก่กษัตริย์อะระธาสัศธานั้น; มีเนื้อความดังนี้ว่า, ข้าพเจ้าประชาชนทั้งปวงของพระองค์ท่าน, ที่อาศัยอยู่ที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างนี้, แต่งเรื่องมา ณ วันนี้. 12 ข้าพเจ้าทั้งหลายขอกราบทูลให้พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ทรงทราบไว้, ด้วยพวกยะฮูดาที่ได้ขึ้นมาจากอาณาเขตต์ของพระองค์, มายังตำบลพวกข้าพเจ้านี้, คนพวกนั้นได้ขึ้นไปยังกรุงยะรูซาเลม, และบัดนี้เขากำลังก่อสร้างเมืองอ้ายพวกชั่วอ้ายพวกกบฏนั้นขึ้นใหม่, และเขาได้ก่อกำแพงทั้งปวงขึ้นไว้, ทำให้มีรากมั่นคงติดเนื่องกันตลอด. 13 ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงขอกราบทูลพระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ให้ทรงทราบด้วย, ถ้าปล่อยให้เขาสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่, และเขาได้ก่อกำแพงทั้งปวงขึ้นไว้พร้อมแล้ว, คนพวกนั้นคงจะไม่เสียค่าธรรมเนียม, หรือส่วย, หรือภาษี, และที่สุดเมืองนั้นจะเป็นเสี้ยนหนามต่อกษัตริย์ทั้งปวง. 14 และเพราะพวกข้าพเจ้าเคยได้พึ่งพระบารมีและทรงรับชุบเลี้ยงมาแต่พระราชวังหลวง, จึงไม่สมควรที่พวกข้าพเจ้าจะนิ่งเสีย พลอยให้พระเกียรติยศของกษัตริย์ต้องซงความอัปยศ, เหตุฉะนั้นพวกข้าพเจ้าได้แต่งเรื่องราวนี้ขึ้นทูลถวายให้พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ทรงทราบไว้ด้วย, 15 และจะได้มีรับสั่งให้เขาค้นดูในหนังสือพระราชพงศาวดารรัชชกาลพระราชบิดาทั้งปวงของพระองค์แล้วคงมีพะยานปรากฏในหนังสือนั้นว่า, เมืองเหล่านั้นมักเป็นเมืองกบฏ, และมักกระทำการประทุษร้ายต่อประเทศและกษัตริย์ทั้งปวง, แลในการโบราณเพราะคนที่เมืองนั้นได้คิดการกบฏเสมอเมืองนั้นจึงต้องถูกล้างผลาญเสีย. 16 ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงขอกราบทูลให้พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ทรงทราบด้วยว่า, ถ้าปล่อยให้เขาสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่, และเขาได้ก่อกำแพงทั้งปวงขึ้นไว้พร้อมแล้ว, ต่อไปภายหน้าหัวเมืองที่เป็นเมืองขึ้นของพระองค์ที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างนี้จะไม่มีเลย 17 ท่านอะระธาสัศธาผู้เป็นกษัตริย์จึงได้ทำราชสาส์นตอบส่งไปยังท่านระฮูมผู้เป็นมหาอุปราช, และซิมซีผู้เป็นอาลักษณ์, กับมิตรสหายทั้งปวงของเขาที่อาศัยอยู่ในเมืองซะมาริยา, กับคนอื่นๆ ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างโน้นว่า, จงมีความผาสุขเจริญเถิด, เขียนมา ณ วันนี้. 18 หนังสือที่ท่านทั้งหลายได้ถวายมานั้นเจ้าพนักงานได้อ่านต่อหน้าเราถี่ถ้วนแล้ว. 19 และเราได้สั่งให้เขาค้นดู, และเขาได้พบเรื่องพะยานแสดงให้เห็นเป็นแน่ว่าเมืองนั้นในกาลโบราณมักตั้งตัวขึ้นต่อสู้กษัตริย์ทั้งปวง, เคยคิดกบฏและพาบ้านเมืองเป็นจลาจล. 20 อนึ่งฝ่ายกษัตริย์ทั้งปวงที่ได้เคยครอบครองที่กรุงยะรูซาเลมในกาลก่อนนั้น, กษัตริย์บางพระองค์ได้มีอำนาจมากและได้ครอบครองเหนือแผ่นดินประเทศทั้งปวงที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างโน้น; และหลายประเทศได้นำภาษีส่วยอากรมาถวาย. 21 บัดนี้พวกเจ้าจงบังคับบัญชาให้พวกนั้นหยุดเสีย, แล้วห้ามปรามอย่าให้เขาก่อสร้างเมืองนั้นขึ้นจนกว่าจะมีรับสั่งจากเรา, 22 บัดนี้จงระวังให้ดีและทำตามคำสั่งนั้นทุกประการ: จะปล่อยให้กษัตริย์ทั้งหลายต้องอันตรายและได้รับความอัปยศทำไม? 23 อนึ่งเมื่อท่านระฮูมและซิมซีอาลักษณ์, และเพื่อนสนิทของเขา, ได้อ่านและทราบเนื้อความในพระราชสาส์นของกษัตริย์อะระธาสัศธา, เขาได้รีบขึ้นไปถึงกรุงยะรูซาเลมไปหาพวกยะฮูดา, และได้ใช้อำนาจข่มขืนให้เขาเลิกเสีย. 24 การก่อสร้างโบสถ์วิหารของพระเจ้าที่กรุงยะรูซาเลมจึงต้องหยุดเสีย, และการนั้นจึงต้องหยุดรอค้างอยู่จนถึงปีที่สองแห่งรัชชกาลดาระยาศกษัตริย์ประเทศฟารัศ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society