เอสเธอร์ 6 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ในคืนวันนั้นกษัตริย์ทรงบรรทมไม่หลับ, จึงมีรับสั่งให้เอาหนังสือจดหมายเหตุที่ล่วงแล้วนั้นมา; และเจ้าพนักงานก็ได้อ่านถวาย. 2 และได้ทรงพบเรื่องนั้นที่ได้จดไว้ว่า, มาระดะคายได้ฟ้องบิฆธานและเธเรศและพวกขันทีสองคนของกษัตริย์นั้น, ที่เป็นนายประตู, ที่ได้คิดอ่านกันจะกระทำร้ายกษัตริย์อะหัศวะโรศนั้น. 3 และกษัตริย์จึงทรงตรัสถามว่า, มาระดะคายนั้นได้ยศศักดิ์และตำแหน่งอะไรบ้างสำหรับคุณความดีนั้น, ข้าราชการทั้งหลายที่ได้ถวายปรนนิบัติกษัตริย์นั้นจึงกราบทูลตอบว่า, ยังไม่ได้ยศศักดิ์อะไรเลย. 4 กษัตริย์จึงตรัสถามว่า, มีใครอยู่ในท้องพระโรงบ้าง? ฝ่ายฮามานเข้าไปอยู่ที่ท้องพระโรงในพระราชวังแล้ว, เพื่อหวังจะกราบทูลขอกษัตริย์ให้แขวนคอมาระดะคายไว้ที่ไม้ขาหยั่งที่ท่านเตรียมไว้แล้วนั้น. 5 และคนใช้ของกษัตริย์จึงได้ทูลตอบว่า, ข้าแต่กษัตริย์, ฮามานได้ยืนอยู่ในท้องพระโรงนั้น, และกษัตริย์ตรัสรับสั่งว่า, “ให้เข้ามานี่เถิด.” 6 ฮามานก็เข้าไป. แล้วกษัตริย์จึงทรงตรัสถามว่า, ควรจะทำประการใดแก่คนนั้นที่กษัตริย์ทรงชอบใจที่จะยกขึ้นให้มียศศักดิ์? ส่วนฮามานคิดในใจว่า, มีผู้ใดเล่าที่กษัตริย์ชอบพระทัยจะยกยอให้ได้ยศศักดิ์มากนอกจากตัวเราเอง? 7 และฮามานจึงกราบทูลตอบกษัตริย์ว่า, คนนั้นที่กษัตริย์ทรงชอบพระทัยจะยกยอให้ได้ยศศักดิ์นั้น, 8 ให้เชิญเครื่องฉลองที่กษัตริย์เคยทรงนั้น, และนำม้าพระที่นั่งที่กษัตริย์เคยเสด็จทรงประทับนั้น, และราชมงกุฎที่สวมพระเศียรนั้น, 9 และให้เอาเครื่องทรงและม้านั้นให้เจ้าใหญ่ยิ่งองค์หนึ่งของกษัตริย์นั้น, เพื่อจะเอาเครื่องแต่งคนนั้นที่กษัตริย์ทรงโปรดยกขึ้นให้มียศศักดิ์นั้น, และให้ขึ้นขี่ม้าจูงไปตามถนนในพระนครและร้องประกาศไปข้างหน้า, จะได้กระทำเช่นนี้แก่คนที่กษัตริย์ทรงโปรดยกย่องให้มียศศักดิ์นั้น. 10 ฝ่ายกษัตริย์จึงทรงตรัสแก่ฮามานว่า, จงรีบไปเอาเครื่องทรงและม้าตามที่เจ้าว่านั้น, และจงกระทำอย่างนั้นแก่มาระดะคายชาติยูดายที่นั่งอยู่ที่ประตูพระราชวังนั้น: อย่าให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดบกพร่องไปจากที่เจ้าได้ว่าแล้วนั้นเลย. 11 แล้วฮามานก็ได้นำเครื่องทรงและม้านั้นออกมา, และได้เต่งให้มาระดะคาย, และให้ขึ้นขี่ม้าจูงไปตามถนนทั่วพระนครนั้น, และร้องประกาศไปข้างหน้า ดังนี้แหละจึงได้กระทำแก่คนที่กษัตริย์ทรงชอบพระทัยยกยอให้มียศศักดิ์ขึ้นนั้น 12 และมาระดะคายก็ได้กลับไปที่ประตูพระราชวังอีก. แต่ฮามานด่วนรีบไปยังบ้านของตนด้วยความโศกเศร้ามาก, และเอาผ้าคลุมศีรษะไว้. 13 และฮามานได้เล่าแก่เซเรศภรรยาของตนและมิตรสหายทั้งปวงให้รู้เหตุการณ์ทั้งหลายที่บังเกิดแก่ตัวนั้น, ขณะนั้นพวกคนที่มีปัญญาของฮามานกับเซเรศภรรยาจึงพูดว่า, ถ้าแม้มาระดะคายนั้นเป็นเชื้อสายชาติยูดาย, ซึ่งท่านได้เสื่อมถอยไปต่อเขาบ้างแล้ว, ท่านจะสู้เขาไม่ได้เลย, แต่คงจะล้มลงต่อหน้าเขาเป็นแน่. 14 เมื่อเขายังกำลังพูดกันอยู่กับท่านนั้น, พวกขันทีของกษัตริย์ได้เข้ามาเร่งฮามานให้ไปในการเลี้ยงที่พระนางเอศเธระมเหษีได้ทรงจัดเตรียมไว้นั้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society