เอสเธอร์ 2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 อยู่มาภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น, เมื่อความกริ้วแห่งกษัตริย์อะหัศวะโรศสงบไปแล้ว, พระองค์จึงนึกถึงพระนางวัศธี, และซึ่งพระนางนั้นได้กระทำ, และข้อซึ่งได้ทรงรับสั่งต่อพระนางนั้น. 2 ขณะนั้นข้าราชการทั้งหลายที่ปรนนิบัติกษัตริย์นั้นได้กราบทูลว่า, ขอทรงโปรดให้หาหญิงสาวพรหมจารีที่รูปร่างงามหลายคนมาถวายแก่กษัตริย์. 3 และขอให้กษัตริย์จัดตั้งเจ้าพนักงานไว้ที่หัวเมืองทั้งปวงทั่วอาณาเขตต์ของพระองค์, เพื่อเขาจะได้แสวงหารวบรวมบรรดาสาวพรหมจารีที่สวยงามพามาถึงซูซัรพระราชวังนั้นให้อยู่ที่ตำหนักผู้หญิง, ฝากไว้กับเฮฆายผู้เป็นกรมวังของพระองค์คุมรักษาหญิงทั้งหลาย; และประทานเครื่องสำหรับชำระตัวหญิงพรหมจารีนั้น: 4 และให้หญิงผู้นั้นที่พระองค์ทรงโปรดแล้วแต่งตั้งให้เป็นมเหษีแทนพระนางวัศธีนั้น. ฝ่ายกษัตริย์ก็ทรงเห็นชอบด้วยคำเหล่านั้น; จึงได้ทรงกระทำตาม. 5 ซูซัรอันเป็นพระราชวังนั้นมีชายชาติยูดายคนหนึ่งชื่อมาระดะคาย, ที่เป็นบุตรยาอีร, ยาอีรเป็นบุตรซิมอี, ซิมอีเป็นบุตรคิศ, ในตระกูลเบนยามิน; 6 มาระดะคายนั้นเขากวาดเอามาจากกรุงยะรูซาเลมกับด้วยคนทั้งปวงที่เขากวาดเอามาคราวยะคันยากษัตริย์ยะฮูดา, ซึ่งนะบูคัดเนซัรกษัตริย์เมืองบาบูโลนได้กวาดเอามานั้น. 7 และมาระดะคายนั้นได้เลี้ยงฮะดัดซา, ที่มีชื่ออีกว่าเอศเธระ, เป็นบุตรสาวของลุงแห่งตน: ด้วยว่าเด็กนั้นไม่มีบิดามารดา, และรูปร่างงามและสระสวย; ครั้นเมื่อบิดามารดาได้ถึงแก่ความตายแล้ว, มาระดะคายได้เอามาเลี้ยงไว้เป็นบุตรของตัว 8 อยู่มาขณะเมื่อมีรับสั่งและหมายประกาศของกษัตริย์นั้นแจ้งทั่วกันแล้ว, และเมื่อเขานำหญิงสาวเป็นอันมากมาประชุมกันที่ซูซันอันเป็นพระราชวังนั้น, มอบไว้กับเฮฆายแล้ว, เขาจึงพาเอศเธระเข้าไปในราชวังมอบไว้กับเฮฆายผู้กำกับรักษาพวกผู้หญิงทั้งปวงนั้น. 9 ฝ่ายเฮฆายนั้นชอบใจเอศเธระ, และได้สงเคราะห์นางเป็นอันมาก; และได้ให้เครื่องสำหรับชำระตัว, กับด้วยสิ่งของที่เป็นของเอศเธระเองโดยเร็ว, และและได้ให้หญิงเจ็ดคนที่เอามาจากพระราชวังนั้นให้เป็นคนใช้พอสมควร: และได้จัดให้เอศเธระกับหญิงคนใช้ของนางให้มีที่อยู่ในตึกสำหรับผู้หญิงนั้นดีกว่าที่อยู่ของหญิงทั้งปวง. 10 เอศเธระนั้นยังไม่ได้บอกว่าพี่น้องและวงศ์ญาติของตนเป็นผู้ใด: ด้วยว่ามาระดะคายได้ห้ามไม่ให้บอกแก่ผู้ใดให้รู้ความนั้น. 11 ฝ่ายมาระดะคายก็ได้เดินไปมาที่พลับพลาข้างหน้าตึกผู้หญิงทุกวันๆ, เพื่อจะรู้ว่าเอศเธระนั้นเป็นประการใดบาง, และเพื่อจะรู้ว่าต่อไปเบื้องหน้านางจะเป็นอย่างไร. 12 ภายหน้าเมื่อหญิงสาวทั้งหมดนั้นเตรียมตัวได้ครบสิบสองเดือนแล้ว, ตามธรรมเนียมของหญิง, ด้วยว่าเวลาเตรียมตังของเขาเป็นดังนี้คือ, ชะโลมตัวด้วยน้ำมันจันทน์หกเดือน, และชะโลมด้วยเครื่องหอมหกเดือน, และด้วยสิ่งอื่นต่างๆ อีกที่เป็นเครื่องสำหรับแต่งกายหญิง. 13 และพวกเขาทุกคนจึงได้เข้าไปเฝ้ากษัตริย์อะหัศวะโรศทีละคนๆ, และขณะเมื่อได้เข้าไปเฝ้านั้นถ้าปรารถนาสิ่งใดที่อยู่ในตึกสำหรับหญิงนั้น, ก็ได้อนุญาติให้เอาไปยังพระราชวังของกษัตริย์ได้. 14 เขาได้เข้าไปเฝ้าในเวลาเย็น, และในเวลาเช้าจึงกลับออกมาและอยู่ในตึกตำหนักที่สองสำหรับผู้หญิง, อยู่ในบังคับหัวหน้าพวกขันทีของกษัตริย์, ชื่อซาอัศคัศเป็นผู้รักษานางห้าม; และหญิงนั้นไม่ได้เข้าไปเฝ้ากษัตริย์อีกเลย, เว้นไว้แต่กษัตริย์โปรดปรานหญิงนั้น, และตรัสเรียกชื่อโดยฉะเพาะ. 15 ครั้นถึงเวรของเอศเธระ, บุตรสาวของอะบิฮายิลลุงของมาระดาคาย, ที่ได้เอาหญิงนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นบุตรของตน, จะได้เข้าไปเฝ้ากษัตริย์นั้น, เอศเธระนั้นไม่ต้องการสิ่งใดเว้นไว้ซึ่งเฮฆายผู้เป็นกรมวังของกษัตริย์ที่รักษาผู้หญิงนั้น, ที่ได้ทรงแต่งตั้งไว้. และเอศเธระนั้นได้เป็นที่ชอบตาของคนทั้งปวงที่ได้เห็นนางนั้น. 16 เขาก็พานางเอศเธระเข้าไปเฝ้ากษัตริย์อะหัศวะโรศในวังหลวงในเดือนสิบ, ที่เรียกว่าเดือนที่เบ็ธ, เป็นปีที่เจ็ดแห่งรัชชกาลของพระองค์. 17 ฝ่ายกษัตริย์ได้รักนางเอศเธระมากกว่าหญิงทั้งปวง, และนางเอศเธระนั้นได้รับความชอบและความโปรดปรานในพระเนตรของกษัตริย์มากยิ่งกว่าหญิงพรหมจารีทั้งหลายเหล่านั้น; และกษัตริย์จึงเอาราชมงกุฎใส่ศีรษะนางเอศเธระ, และตั้งไว้เป็นมเหษีแทนพระนางวัศธีนั้น. 18 แล้วกษัตริย์จึงได้ทรงโปรดให้กระทำการเลี้ยงใหญ่แก่เจ้านายและข้าราชการทั้งหลาย, เพื่อเป็นการเลี้ยงสมโภชแก่นางเอศเธระ; และได้ทรงกระทำให้หัวเมืองทั้งปวงมีความสงบเงียบ, กับได้ประทานสิ่งของต่างๆ ตามยศศักดิ์ของกษัตริย์. 19 และครั้นมีหญิงพรหมจารีทั้งหลายนั้นมาประชุมกันเป็นครั้งที่สองแล้ว, มาระดะคายก็ (มีตำแหน่ง) เป็นคนเฝ้าประตูพระราชวังของกษัตริย์. 20 พระนางเอศเธระนั้นยังไม่ได้แจ้งให้ผู้ใดรู้ถึงวงศ์ญาติและพี่น้องของพระนางว่าเป็นผู้ใด; ตามคำมาระดะคายสั่งไว้นั้น: ด้วยด้วยว่าพระนางเอศเธระยังกระทำตามคำสั่งของมาระดะคายเหมือนอย่างเมื่อเป็นบุตรเลี้ยงของท่านเสมอ. 21 อยู่มาคราวนั้น, เมื่อมาระดะคายนั่งเฝ้าที่ประตูพระราชวัง, พวกมหาดเล็กสองคนของกษัตริย์, ชื่อบิฆธารและเธเรศเป็นนายประตู, เขามีความโกรธ, และคบคิดกันจะหาช่องทำร้ายแก่กษัตริย์อะหัศวะโรศ. 22 และมาระดะคายได้รู้เหตุการณ์นั้นจึงไปทูลแก่พระนางเอศเธระมเหษี; และพระนางเอศเธระก็ได้ไปกราบทูลแก่กษัตริย์และออกชื่อมาระดะคาย. 23 และเมื่อชำระสืบเหตุการณ์นั้นก็เห็นว่าเป็นจริงแล้ว; เขาจึงเอาสองคนนั้นแขวนคอไว้ที่ต้นไม้: และเขาก็จดเอาเหตุการณ์นั้นไว้ที่หนังสือจดหมายเหตุอันมีอยู่ฉะเพาะกษัตริย์นั้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society