เอเฟซัส 5 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940ท่านจงประพฤติอย่างพระเจ้า 1 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงประพฤติอย่างพระเจ้า, เหมือนเป็นบุตรที่รัก 2 และจงประพฤติในความรักเหมือนพระคริสต์ได้ทรงรักท่าน, และทรงประทานพระองค์เองเพื่อท่าน, เป็นเครื่องบรรณาการและเป็นเครื่องบูชาถวายแก่พระเจ้าเป็นสุคนธรสอันหอมหวาน จงประพฤติอย่างลูกของความสว่าง 3 แต่ว่าการล่วงประเวณี, การลามกต่างๆ, และความโลภ, อย่าให้เอ่ยชื่อท่ามกลางท่านเลย, จะได้สมกันท่านที่เป็นสิทธิชน. 4 ทั้งอย่าให้มีการน่าอัปยศอดสู, และการพูดเล่นไม่เข้าเรื่อง, และการพูดตลกโลนเกเร, ซึ่งเป็นการไม่สมควร. แต่ให้ขอบพระคุณดีกว่า. 5 เพราะว่าท่านทั้งหลายรู้แน่ว่า, คนล่วงประเวณี, หรือคนทำการลามกต่างๆ, หรือคนโลภ, ที่เป็นคนไหว้รูปเคารพ, จะได้แผ่นดินของพระคริสต์และพระเจ้าเป็นมฤดกก็หามิได้. 6 อย่าให้คนใดล่อลวงท่านด้วยคำเหลวใหล, เพราะเหตุการณ์เหล่านั้น พระเจ้าจึงทรงลงอาชญาแก่บุตรทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง. 7 ท่านทั้งหลายอย่าเข้าส่วนด้วยกันกับคนเหล่านั้นเลย, 8 เพราะว่าเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด, แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงประพฤติอย่างลูกของความสว่าง. 9 ด้วยว่าผลของความสว่างนั้น คือความดีทุกอย่างและความชอบธรรมและความจริง. 10 ท่านทั้งหลายจงพิสูจน์ดูว่า ทำประการใดจึงจะเป็นที่ชอบพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า 11 และอย่าเข้าส่วนกับกิจการของความมืดที่ไร้ผล, แต่จงให้กิจการนั้นปรากฏเปิดเผยดีกว่า. 12 เพราะว่าการที่จะพูดถึงการเหล่านั้น ซึ่งเขากระทำในทีลับก็น่าอาย. 13 แต่ว่าสิ่งสารพัตรที่ได้แสดงเปิดเผยอยู่แล้ว, ก็ปรากฏแจ้งโดยความสว่าง เพราะว่าทุกๆ สั่งที่ปรากฏแจ้งก็คือความสว่าง. 14 เหตุฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่า, แน่ะ คนที่นอนหลับอยู่, จงฟื้นขึ้น, และจงฟื้นขึ้นมาจากตาย, และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างให้แก่ท่าน พระคริสต์เป็นศีรษะของคริสตจักร 15 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังให้ดีในการประพฤติ, อย่าให้เหมือนคนอปัญญา, แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา 16 จงซื้อโอกาสมาใช้, เพราะว่าบัดนี้เป็นกาลที่ชั่ว. 17 เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนเขลา, แต่จงเข้าใจว่าน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นอย่างไร. 18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นอันเป็นเหตุให้เสียคนไป, แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ 19 จงสนทนากันด้วยคำไพเราะอย่างเพลงสดุดี เพลงนมัสการ, และเพลงสรรเสริญ, คือร้องเพลงและกล่าวคำสรรเสริญในใจของท่านทั้งหลายถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า. 20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัตรเสมอในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 21 จงยอมฟังซึ่งกันและกันด้วยเกรงกลัวพระคริสต์. 22 ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน, เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า. 23 เพราะว่าสามีนั้นเป็นศีรษะของภรรยา, เหมือนพระคริสต์เป็นศีรษะของคริสตจักร, โดยที่พระองค์เป็นผู้ทรงช่วย (คริสตจักร คือ) ร่างกาย (ของพระองค์) ให้รอด. 24 แต่คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด, ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการกันนั้น. 25 ฝ่ายสามีจงรักภรรยาของตน, เหมือนอย่างพระคริสต์ได้ทรงรักคริสตจักรด้วย, และได้ทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักรนั้น 26 เพื่อจะได้ทรงกันคริสตจักรนั้นไว้โดยที่ได้ทรงชำระด้วยน้ำและพระคำ, 27 เพื่อพระองค์จะได้คริสตจักรซึ่งมีสง่าราศี, ไม่มีตำหนิ, รอยย่น, หรือมลทินอื่นๆ อย่างหนึ่งอย่างใดเลย, แต่บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิ. 28 เช่นนั้นแหละ สามีควรจะรักภรรยาของตนเหมือนรักกายของตนเองด้วย. ผู้ที่รักภรรยาของตนเองก็รักตัวเอง 29 ด้วยว่าไม่มีผู้ที่เกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง, แต่ย่อมเลี้ยงบำรุงไว้, เหมือนพระคริสต์ทรงเลี้ยงบำรุงคริสตจักร 30 เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นอวัยวะแห่งพระกายของพระองค์. 31 เพราะเหตุนี้ผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยาของตน และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันหนึ่งอันเดียวกัน. 32 ข้อนี้ก็เป็นข้อลับลึกมาก. แต่ว่าข้าพเจ้าพูดถึงพระคริสต์และคริสตจักร. 33 ถึงอย่างไรก็ดี ท่านทั้งหลายทุกคนจงต่างคนต่างรักภรรยาของตนเหมือนรักตัวเอง และภรรยานั้นก็จงยำเกรงสามีของตน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society