ปัญญาจารย์ 7 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ชื่อเสียงหอมก็ดีกว่าน้ำมันหอมอย่างวิเศษ; และวันตายก็ดีกว่าวันเกิดของคนผู้หนึ่ง. 2 ไปยังเรือนที่มีความโศกเศร้าก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน: เพราะนั่นเป็นระยะที่สุดปลายของมนุษย์ทั้งปวง; และผู้ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจตน. 3 การสร้อยเศร้าก็ดีกว่าการสรวลเส; เพราะว่าการสร้อยเศร้าในใบหน้าทำให้จิตต์ใจจำเริญขึ้น. 4 จิตต์ใจของคนมีสติปัญญาย่อมสถิตอยู่ในเรือนที่มีความโศกเศร้า, แต่จิตต์ใจของคนโฉดเขลาย่อมอยู่ในเรือนที่มีการสนุกสนาน. 5 ฟังคำตำหนิของคนมีสติปัญญายังดีกว่าฟังเพลงของคนโฉดเขลา. 6 มีเสียงกุ๊กกิ๊กของเรียวหนามใต้หม้อฉันใด, เสียงหัวเราะของคนโฉดเขลาก็ฉันนั้น, นี่อีกคืออนิจจัง, 7 แท้จริงการกดขี่ข่มเหงกระทำผู้มีสติปัญญาให้คลั่งไป; และสินบนก็กระทำใจให้เสียไป. 8 เบื้องปลายแห่งสิ่งใดๆ ก็ดีกว่าเบื้องต้นแห่งสิ่งนั้นๆ; มีใจอดกลั้นก็ดีกว่ามีใจอหังการ. 9 อย่าให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว, เพราะความโกรธมีประจำอยู่ในทรวงอกของคนโฉดเขลา. 10 อย่าว่า, อะไรหนอเป็นเหตุทำให้กาลก่อนดีกว่ากาลบัดนี้? เพราะสิ่งที่เจ้าไต่ถามถึงนั้นไม่เกินความรู้ของเจ้าดอก. 11 สติปัญญาประกอบกับทรัพย์สมบัติก็ดีอยู่; เออ, คนใดที่ได้เห็นดวงตะวันก็ยังประเสริฐกว่า, 12 ด้วยว่าสติปัญญาเป็นเครื่องปกป้องกันฉันใด, เงินก็เป็นเครื่องปกป้องกันฉันนั้น; แต่ความประเสริฐซึ่งมีอยู่ในความรู้นั้นคือมีปัญญารู้รักษาชีวิตของเจ้าของความรู้นั้นให้รอด. 13 จงพิจารณาดูพระกิจธุระของพระเจ้า: ด้วยว่าสิ่งใดๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำให้โค้งงอหงิกไปแล้วนั้น, ใครคนไหนจะเหยียดสิ่งนั้นๆ ให้ตรงได้เล่า? 14 เมื่อเวลามีความจำเริญก็จงชื่นชมยินดี, แต่เมื่อถึงเวลาอับจนก็จงตรึกตรองดูนะ; เออ, พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้มันเกิดมาเป็นคู่กันไป, เพื่อเมื่อถึงที่สุดปลายมนุษย์ก็จะไม่มีอะไรเหลือไว้ข้างหลังเขา 15 ข้าฯ ได้เห็นสิ่งดังต่อไปนี้ในสมัยอนิจจังของข้าฯ: คือคนสัตย์ซื่อที่ได้เสียไปในความสัตย์ซื่อของตน, และคนชั่วได้มีชีวิตอยู่นานในการทำชั่วของตน. 16 อย่าเป็นคนสัตย์ซื่อจนเซ่อ; และอย่าทำตัวให้ฉลาดจนล้นฟ้า; เหตุใดเจ้าจะทำตัวให้ฉิบหายเสียเล่า? 17 อย่ามัวเมาทำชั่วหรืออย่าเล่นอะไรโง่ๆ: ทำไมเจ้าจะไปตายเสียก่อนถึงวารของเจ้าเล่า? 18 ก็ดีอยู่แล้วที่เจ้าจะยึดถืออะไรเอาไว้สักอย่างหนึ่ง; อ้อ, แต่ก็อย่าแบมือปล่อยอย่างอื่นเสียให้หลุดลอยทีเดียว: เพราะว่าผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าจะพ้นจากบรรดาข้อความที่กล่าวมานี้ 19 สติปัญญาเป็นกำลังให้ความคุ้มครองแก่คนฉลาด, ดีเสียกว่าผู้ครอบครองสิบคนที่อยู่ในเมือง. 20 ด้วยว่าไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนพื้นแผ่นดินโลก, ที่ได้ประพฤติล้วนแต่ดี, และไม่เพลี่ยงพล้ำเลย. 21 อย่าปล่อยใจให้ไปฟังบรรดาถ้อยคำที่ใครๆ กล่าว, เกรงว่าเจ้าจะได้ยินทาสของเจ้าแช่งด่าตัวเจ้า: 22 ด้วยว่าหลายครั้งหลายคราวเจ้าก็แจ้งอยู่กับใจของเจ้าเองแล้วว่า, ตัวเจ้าเองได้แช่งด่าเขาเหมือนกัน 23 บรรดาข้อความเหล่านี้ข้าฯ ได้ลองชันสูตรดูด้วยใช้สติปัญญา: ข้าฯ ได้ว่า, ข้าฯ จะได้ปัญญา; แต่ปัญญานั้นได้อยู่ห่างไกลจากข้าฯ. 24 สิ่งซึ่งดูว่าเห็นอยู่แล้ว, ที่แท้ก็ยังอยู่ห่างไกลและลึกลับเหลือเกิน; ใครผู้ใดจะค้นเอาออกมาได้? 25 ข้าฯ หวนกลับมา, และใจของข้าฯ ก็ปักลงจะเรียนให้รู้, และจะค้นเอาออกมาให้ได้, คือจะเสาะแสวงหาสติปัญญาและหาความเข้าใจ, เพื่อให้รู้ว่า, ความชั่วคือความโฉดเขลาและความโฉดเขลานั้นก็คือความเซ่อเซอะ. 26 ข้าฯ ได้พบอีกสิ่งหนึ่งซึ่งขื่นขมยิ่งกว่าความตาย, คือผู้หญิงทำตัวเป็นบ่วงแร้วและใจเป็นเหมือนบ่วงบาศ, มือของนางเป็นโซ่ตรวน: คนใดเป็นคนดีต่อพระพักตรพระเจ้าคนนั้นจะหนีให้พ้นนาง; แต่คนชั่วจะถูกผู้หญิงคนนั้นดักจับเอาไป. 27 ท่านผู้ประกาศนั้นได้กล่าวว่า, ดูเถิด, ข้าฯ ได้พบดั่งนี้แหละ, โดยเอาเรื่องนั้นมาประดิษฐ์ติดต่อกับเรื่องนี้, เอาเรื่องนี้ไปประดิษฐ์ติดต่อกับเรื่องโน้น, เพื่อหาเหตุหาผล; 28 อะไรๆ ซึ่งจิตต์ใจของข้าฯ ยังกำลังแสวงหาอยู่, แต่ข้าฯ หาได้พบปะไม่: ในชายพันคนจะพบชายแท้สักคนหนึ่ง; แต่จะหาหญิงแท้สักคนหนึ่งในจำนวนพันก็หาพบไม่. 29 ดูเถิด, ข้าฯ ได้พบความนี้ต่างหาก: คือพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นคนสัตย์ซื่อ, แต่มนุษย์ทั้งหลายได้ค้นคว้าเอาความฉลาดแกมโกงออกมา |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society