พระบัญญัติ 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ดูกรพวกยิศราเอล, จงฟังข้อกฎหมายและข้อพิพากษาทั้งหลาย, ซึ่งเราจะกล่าวสอนเจ้าทั้งหลายให้ประพฤติตาม; เพื่อเจ้าจะมีชวิตอยู่, และเข้าไปปกครองแผ่นดินซึ่งพระยะโฮวา, พระเจ้าแห่งปู่ย่าตายายของเจ้าทั้งหลายได้ประทานให้เจ้า. 2 เจ้าทั้งหลายอย่าได้เพิ่มเติมคำที่เราสั่งสอนเจ้าทั้งหลาย, และอย่าได้ลดหย่อนจากถ้อยคำนั้น, เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้ประพฤติตามข้อบัญญัติแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ซึ่งเราได้สั่งเจ้าทั้งหลาย. 3 ตาของเจ้าทั้งหลายได้เห็นการซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงกระทำเพราะเหตุพระบาละฟะโอร; ด้วยคนทั้งหลาย ที่ได้นับถือพระบาละฟะโอรนั้น, พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าได้ทรงทำลายจากท่ามกลางพวกเจ้าทั้งหลายเสียสิ้น. 4 แต่เจ้าทั้งหลายที่ได้ผูกพันนับถือพระโฮวาพระเจ้าของเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนจนถึงทุกวันนี้. 5 นี่แน่ะ, เราได้สอนข้อกฎหมาย และข้อพิพากษาทั้งหลายแก่เจ้า, เหมือนพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าได้ตรัสสั่งไว้แก่เรา, เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้ประพฤติตาม เมื่อไปอยู่ในแผ่นดินซึ่งเจ้าทั้งหลายจะเข้าไปปกครองนั้น. 6 จงรักษาบัญญัติเหล่านั้นและประพฤติตาม; ด้วยการนี้แสดงสติปัญญาและความเข้าใจของเจ้าทั้งหลาย ต่อหน้าชนประเทศทั้งปวง, ซึ่งจะได้ยินบรรดาข้อกฎหมายเหล่านี้, และเขาจะว่า, แท้จริงชนประเทศอันใหญ่นี้เป็นคนมีสติปัญญาและความเข้าใจ. 7 ด้วยมีประเทศที่ไหนเป็นประเทศใหญ่, ผู้มีพระเจ้าอยู่ใกล้เขาทั้งหลาย, เหมือนอย่างพระยะโฮวาพระเจ้าของเราอยู่ใกล้เราทั้งหลาย เมื่อเราอธิษฐานขอพระองค์นั้น? 8 และมีประเทศไหนเป็นประเทศใหญ่, ที่มีกฎหมายและข้อพิพากษาอันยุตติธรรมเหมือนอย่างข้อกฎหมายเหล่านี้, ที่เราตั้งไว้ให้เแก่เจ้าทั้งหลายวันนี้? 9 และเจ้าจงระวังตัว, และรักษาจิตต์ใจของเจ้าให้ดี, กลัวว่าเจ้าจะลืมสิ่งทั้งหลายที่ตาของเจ้าได้เห็นนั้น, และลืมไปเสียจากใจของเจ้าทุกวันคืนแห่งชีวิตของเจ้า; แต่จงสอนบัญญัติเหล่านี้แก่ลูกหลานของเจ้าต่อไป; 10 ในวันนั้นที่เจ้าได้ยืนอยู่ต่อพระพักตรพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าที่โฮเร็บ, เมื่อพระยะโฮวาตรัสแก่เราว่า, จงให้คนทั้งปวงประชุมรวมกันเข้าต่อหน้าเรา, และเราจะให้เขาทั้งหลายได้ยินถ้อยคำของเรา, เพื่อเขาทั้งหลายจะได้กลัวเกรงเราทุกวันคืนแห่งชีวิตของเขาในโลกนี้, เพื่อเขาทั้งหลายจะสั่งสอนลูกหลานของเขา. 11 เจ้าทั้งหลายได้เข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่เชิงภูเขา: และภูเขานั้นมีเปลวเพลิงลุกพลุ่งขึ้นไปถึงฟ้าอากาศ, มีความมืดและเมฆมืดทึบหนา. 12 และพระยะโฮวาได้ตรัสแก่เจ้าทั้งหลายจากท่ามกลางไฟ: เจ้าทั้งหลายได้ยินพระสรุเสียงเป็นวัจนะนั้น, แต่หาได้เห็นสันฐานอันหนึ่งอันใดไม่; มีแต่พระสรุเสียงเท่านั้น. 13 และพระองค์ได้ทรงประกาศสัญญาไมตรีของพระองค์, ซึ่งพระองค์ตรัสสั่งให้เจ้าทั้งหลายประพฤติตาม, คือพระบัญญัติสิบประการ; ที่พระองค์ได้ทรงจารึกไว้ที่แผ่นศิลาสองแผ่นนั้น. 14 และครั้งนี้นั้นพระยะโฮวาได้ตรัสสั่งให้เราสอนข้อกฎหมายและข้อพิพากษาทั้งหลายแก่เจ้า, เพื่อจะให้เจ้าทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้นในแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายจะเข้าไปปกครอง 15 เหตฉะนี้เจ้าทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี; ด้วยในวันนั้นที่พระยะโฮวาได้ตรัสแก่เจ้าทั้งหลายที่ตำบลโฮเร็บจากท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น เจ้าทั้งหลายมิได้เห็นรูปสันฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย; 16 กลัวว่าเจ้าทั้งหลายจะกระทำการชั่ว, หลงกระทำรูปเคารพเป็นสันฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นชายหรือหญิง, 17 เป็นรูปสัตว์อย่างใดที่อยู่บนแผ่นดิน, หรือเป็นรูปนกอย่างใดที่บินไปบนอากาศ, 18 หรือเป็นรูปสัตว์อย่างหนึ่งอย่างใดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน, หรือเป็นรูปปลาอย่างใดที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน; 19 กลัวว่าเจ้าจะเงยหน้าดูฟ้าอากาศ, เมื่อเห็นดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาว ทั้งปวงคือบรรดาที่อยู่ฟ้าอากาศนั้น, เจ้าจะหลงนมัสการและปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น, ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าได้ประทานแก่ชนประเทศทั้งหลายทั่วใต้ฟ้า. 20 แต่พระยะโฮวาได้ทรงเลือกเจ้าทั้งหลาย, และได้ทรงพาเจ้าออกจากเตาเหล็ก, คือประเทศอายฆุบโต, เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้เป็นไพร่พลกรรมสิทธิ์, ของพระองค์เหมือนทุกวันนี้. 21 พระยะโฮวาได้ทรงพิโรธแก่เรา เพราะเหตุถ้อยคำของเจ้าทั้งหลาย, และได้ทรงปฏิญาณไว้ว่า จะไม่ให้เราข้ามแม่น้ำยาระเด็น, และไม่ให้เราไปอยู่ใน แผ่นดินเมืองอันมั่งคั่งบริบูรณ์, ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าได้ประทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้านั้น. 22 แต่ฝ่ายเรานี้ก็จะต้องตายอยู่ในแผ่นดินนี้, เราจะข้ามแม่น้ำยาระเด็นนั้นไม่ได้เลย; แต่ฝ่ายเจ้าทั้งหลายจะข้ามไป, และปกครองแผ่นดินเมืองอันมั่งคั่งบริบูรณ์นั้น. 23 เจ้าทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี, กลัวว่าเจ้าจะลืมคำสัญญาไมตรีของพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย, ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งไว้กับเจ้าทั้งหลาย, แล้วหลงกระทำรูปเคารพเป็นรูปสันฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขาทั้งหลายได้ทรงห้ามปรามไม่ให้ทำนั้น. 24 เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเป็นเปลวเพลิง, เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน 25 เมื่อเจ้ามีลูกหลาน, แลได้อยู่ในแผ่นดินนั้นช้านาน, และทำตัวให้ชั่ว, และหลงกระทำรูปเคารพเป็นรูปสันฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด, และจะทำการผิดต่อพระพักตรพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, เป็นที่เคืองพระทัยพระองค์; 26 เราได้ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกเป็นพะยานต่อเจ้าทั้งหลายในวันนี้, ว่าเจ้าทั้งหลายจะพลันฉิบหายเสื่อมเสียจากแผ่นดิน ซึ่งเจ้าทั้งหลายจะข้ามแม่น้ำยาระเด็นไปปกครองนั้น; เจ้าทั้งหลายจะไม่ดำรงชีวิตอยู่ในแผ่นดินนั้นช้านานเลย, แต่จะต้องพินาศไปเสียสิ้น. 27 พระยะโฮวาทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายกระจัดกระจายไปอยู่ประเทศอื่น ๆ, และเจ้าทั้งหลายจะเหลืออยู่น้อยคน ณ ท่ามกลางเมืองทั้งหลาย, ซึ่งพระยะโฮวาจะพาเจ้าทั้งหลายไปอยู่นั้น. 28 ที่นั้นเจ้าทั้งหลายจะไหว้รูปเคารพ. ซึ่งมือมนุษย์ได้กระทำไว้, เป็นไม้และหิน, ซึ่งเห็นไม่ได้, กินไม่ได้, และดมกลิ่นไม่ได้. 29 แต่ในที่นั่นถ้าเจ้าทั้งหลายแสวงหาพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจและสุดจิตต์ของเจ้า, ก็จะพบพระองค์. 30 เมื่อเจ้ามีความลำบาก, และบรรดาเหตุเหล่านี้มาถึงเจ้าทั้งหลายแล้ว, ในวันที่สุดนั้นถ้าเจ้าจะกลับหันหาพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, และเชื่อฟังคำตรัสของพระองค์: 31 พระองค์จะไม่ละทิ้งเจ้า, ไม่ทำลายเจ้า, และจะไม่ลืมคำสัญญาไมตรีซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้แก่ปู่ย่าตายายของเจ้า, เพราะพระยะโฮวาพระเจ้า, ของเจ้าเป็นพระเจ้าประกอบไปด้วยความเมตตา 32 เพราะว่าเดี๋ยวนี้จงถามถึงกาลวันที่ล่วงแล้ว, ซึ่งมีอยู่แต่ก่อนเจ้า, ตั้งแต่วันที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินโลก, และค้นดูตั้งแต่ฟ้าข้างหนึ่ง ตลอดจนถึงฟ้าอีกข้างหนึ่ง, ว่ามีการใหญ่สำคัญดังนี้หรือ, หรือผู้ใดได้ยินถึงการดังนี้บ้าง? 33 มีผู้ใดที่ได้ยินพระสุระเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากท่ามกลางไฟ, เหมือนเจ้าได้ยินนั้น, และยังมีชีวิตอยู่หรือ? 34 หรือพระเจ้าได้อาจสามารถไปเลือกประเทศอื่นจากท่ามกลางนาๆ ประเทศด้วยการลำบาก, ด้วยการลำคัญ ด้วยการอัศจรรย์, ด้วยศึกสงคราม, ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์, ด้วยพระกรซึ่งเหยียดออก, และด้วยการพิลึกน่ากลัวตามบรรดาการที่พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าทั้งหลายได้ทรงกระทำสำหรับเจ้าทั้งหลายในประเทศอายฆุบโตต่อตาเจ้า? 35 พระองค์ได้ทรงสำแดงให้ปรากฏแก่เจ้า, เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่า พระยะโฮวาเป็นพระเจ้า; นอกจากพระองค์หามีพระเจ้าอื่นไม่เลย. 36 พระองค์ได้ทรงโปรดให้ได้ยินพระสุระเสียงของพระองค์มาจากสวรรค์, เพื่อพระองค์จะได้สั่งสอนเจ้า: พระองค์ได้ทรงบันดาลให้เจ้าเห็นเปลวเพลิงอันใหญ่ของพระองค์บนแผ่นดิน และเจ้าได้ยินพระสุระเสียงคำตรัสของพระองค์จากท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น. 37 พระองค์ได้ทรงรักปู่ย่าตายายของเจ้า, เพราะเหตุนี้พระองค์จึงเลือกสรรเผ่าพันธุ์ของเขา, และได้ทรงพาเจ้าออกมาจากประเทศอายฆุบโตต่อพระพักตพระองค์ด้วยฤทธิ์อันใหญ่ยิ่ง ของพระองค์, 38 เพื่อจะได้ขับไล่ชนประเทศซึ่งเป็นใหญ่ และมีอำนาจมากกว่าเจ้า จากต่อหน้าเจ้า, เพื่อจะได้พาเจ้าทั้งหลายเข้ามา, เพื่อจะให้แผ่นดินของเขาเป็นที่อยู่เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า, เหมือนเป็นอยู่ทุกวันนี้. 39 เหตุฉะนี้จงรู้ในวันนี้, และตรองดูในใจเจ้าว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าในสวรรค์เบื้องบน และบนแผ่นดินโลกเบื้องต่ำ; หามีพระเจ้าอื่นไม่เลย. 40 และเจ้าจงรักษาข้อกฎหมายและข้อบัญญัติทั้งหลายของพระองค์, ซึ่งเราได้สั่งไว้แก่เจ้าในวันนี้, เพื่อเจ้าและเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะมีความสุขจำเริญ, และเพื่อเจ้าจะดำรงชีวิตไว้ช้านานในแผ่นดิน, ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าประทานให้เจ้า, ต่อไปเป็นนิจ 41 แล้วโมเซได้จัดเลือกสามหัวเมืองฟากแม่น้ำยาระเด็นข้างตะวันออก; 42 เพื่อว่าผู้ที่ฆ่าคนจะได้หนีไปอยู่ที่นั่น, คือผู้ที่พลั้งพลาดฆ่าเพื่อนบ้านเสีย, โดยมิได้มีความเจตนา; และเมื่อหนีไปอยู่ในเมืองเหล่านี้ก็รอดได้; 43 หัวเมืองเหล่านั้นคือ, เมืองเบเซ็รที่ป่า, ซึ่งเป็นที่ราบสูง, สำหรับตระกูลรูเบ็น, เมืองราโมธที่ฆีละอาด, สำหรับตระกูลฆาด; และเมืองโฆลานที่บาซาน, สำหรับตระกูลมะนาเซ 44 นี่แหละเป็นบัญญัติที่โมเซตั้งไว้แก่พวกยิศราเอล: 45 ขอปฏิญาณ, ข้อกฎหมาย, และข้อพิพากษาเหล่านี้, โมเซก็กล่าวแก่พวกยิศราเอล, เมื่อเขาทั้งหลายได้ออกมาจากประเทศอายฆุบโตแล้ว, 46 ที่ฟากแม่น้ำยาระเด็นข้างโน้น, คือที่หุบเขาตรงหน้าเบ็ธฟะโอร, ที่แผ่นดินของซีโฮนกษัตริยพวกอะโมรี, ที่อยู่ตำบลเฮสโบน, ซึ่งโมเซและพวกยิศราเอลได้ตีทำลายนั้น, เมื่อเขาได้ออกมาจากประเทศอายฆุบโตแล้ว. 47 และพวกยิศราเอลนั้นได้เข้าปกครองแผ่นดินของท่าน, และเมืองของโอฆกษัตริย์เมืองบาซาน, กษัตริย์เมืองอะโมรีสององค์, ซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำยาระเด็นข้างตะวันออก; 48 ตั้งแต่อะโรเอร, ซึ่งอยู่ฝั่งแม่น้ำอะระโนน, จนถึงภูเขาซีโอน (คือเฮระโมน), 49 และบรรดาที่หุบเขาฟากแม่น้ำยาระเด็นข้างตะวันออก, จนถึงทะเลอะราบาที่เนินภูเขาพิศฆา |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society