ดาเนียล 9 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ครั้นอยู่มาในปีที่หนึ่งแห่งรัชชกาลของราชาดาระยาศ, โอรสของราชาอะฮัศเวโรศ, เชื้อชาติชาวมาดาย, ได้ถูกอัญเชิญให้เป็นกษัตริย์เสวยราชสมบัติ ณ แผ่นดินของชาวเคเซ็ด. 2 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชชกาลของราชาองค์นี้, ข้าพเจ้า, ดานิเอล, ได้เข้าใจจากทะเบียนบันทึกปี, ซึ่งจารึกพระดำรัสของพระเจ้าที่ได้มีมายังยิระมะยา, ศาสดาพยากรณ์, กล่าวถึงความร้างของกรุงยะรูซาเลมครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์. 3 ข้าพเจ้าจึงได้ตั้งหน้าตั้งตาทูลอธิษฐานและวิงวอนขอต่อพระยะโฮวาเจ้าด้วยการบำเพ็ญศีลอดอาหารนุ่งห่มผ้าเนื้อหยาบและนั่งบนกองขี้เท่า. 4 ข้าพเจ้าได้วอนขอต่อพระยะโฮวา, พระเจ้าของข้าพเจ้า; และได้ขอขมาโทษว่า, “ข้าแต่พระยะโฮวา, พระเจ้าใหญ่ยิ่งและเป็นที่ยำเกรง, ผู้ได้ทรงรักษาพระสันถวไมตรีและทรงเมตตากรุณาแก่คนทั้งหลายที่รักใคร่พระองค์, และแก่คนที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์ไว้. 5 พวกข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาป, และเลี่ยงไถลไปนอกลู่นอกทาง, ได้ทำชั่วและกบฏ, คือได้เลี่ยงพระโอวาทและบทบัญญัติของพระองค์; 6 ทั้งมิได้ฟังศาสดาพยากรณ์, ผู้รับใช้ของพระองค์, ซึ่งเป็นตัวแทนขอพระองค์, บัญชามายังปวงกษัตริย์, เจ้านายทั้งหลาย, และบรรพบุรุษของข้าพเจ้า, และพลเมือง. 7 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระองค์ทรงสัตย์ธรรมก็สมแล้ว, และก็สมแล้วที่ข้าพเจ้าได้รับความขายหน้าอย่างทุกวันนี้; คือสมแก่ชาวยะฮูดาทุกคน, ชาวกรุงยะรูซาเลมทั้งมวล, ชาวยิศราเอลทั้งหลาย, ที่อยู่ใกล้หรือไกล, ตลอดบ้านตลอดเมืองที่พระองค์ได้ทรงขับไล่ให้ไปอยู่, เนื่องจากการล่วงละเมิดซึ่งเขาได้ละเมิดต่อพระองค์. 8 ข้าแต่พระยะโฮวา, ความอับอายขายหน้าก็สมควรแก่พวกข้าพเจ้า, แก่ปวงกษัตริย์, แก่เหล่าเจ้านาย, และแก่บรรพบุรุษของข้าพเจ้า, เพราะพวกข้าพเจ้าทั้งหลายได้กระทำผิดต่อพระองค์. 9 ความเมตตาและการไม่ถือโทษยังคงอยู่กับพระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย, แม้นว่าพวกข้าพเจ้าทั้งหลายได้กบฏต่อพระองค์ก็ดี; 10 และมิได้ฟังสำเนียงตรัสของพระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้า, หากได้ฟังก็คงจะได้ประพฤติตามบัญญัติของพระองค์, ซึ่งได้ถูกตั้งไว้ต่อหน้าข้าพเจ้าโดยทางศาสดาพยากรณ์, ผู้รับใช้ของพระองค์, ก็ตาม. 11 จริงพระเจ้าค่ะ, พวกยิศราเอลทั้งปวงได้ผิดบัญญัติของพระองค์โดยได้เลี่ยงไปเพื่อเขาจะได้ไม่ต้องฟังคำตรัสของพระองค์, เหตุฉะนี้พระองค์จึงได้หลงคำแช่ง, คำสาป, ซึ่งจารึกไว้ในบัญญัติของโมเซ, ผู้รับใช้ของพระเจ้า, ลงมาเหนือพวกข้าพเจ้าแล้ว; เพราะพวกข้าพเจ้าได้ทำผิดต่อพระองค์. 12 พระองค์ได้ทรงยืนคำของพระองค์, ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่าขานพวกข้าพเจ้า, และว่าขานพวกตุลาการผู้ได้พิจารณาพิพากษาพวกข้าพเจ้า, โดยได้ทรงให้เกิดความทุกข์โศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงตกมาต้องข้าพเจ้า, อย่างที่ยังมิได้เคยกระทำแก่ใครที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้า, เหมือนอย่างได้กระทำแก่ยะรูซาเลม. 13 ความทุกข์โศกเศร้าที่ได้มาท่วมทับพวกข้าพเจ้า, ก็ตรงตามที่เขียนไว้ในบัญญัติของโมเซแล้ว; ถึงกระนั้นพวกข้าพเจ้าก็ยังมิได้หันหลังให้ความชั่วร้าย, และอาศัยความสัตย์จริงของพระเจ้าเป็นบันทัดฐานในการประพฤติ, เพื่อเป็นการเอาอกเอาใจพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกข้าพเจ้า. 14 เหตุฉะนี้พระยะโฮวาได้ทรงเฝ้าดูความชั่วนั้น, แล้วได้ให้มันตกมาต้องพวกข้าพเจ้า; ด้วยว่าพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกข้าพเจ้าทรงแสดงความสัตย์ธรรมให้ปรากฏอยู่ในบรรดาพระราชกิจที่ทรงประกอบ, และพวกข้าพเจ้าหาได้ฟังพระดำรัสเรียกของพระองค์ไม่. 15 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า, ผู้ได้ทรงนำพลเมืองของพระองค์ออกมาจากประเทศอายฆุบโตโดยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์, และได้พระนามอุโฆษมาจนทุกวันนี้; พวกข้าพเจ้าได้กระทำผิดไปแล้ว, พวกข้าพเจ้าได้กระทำการชั่วร้ายเสียแล้ว. 16 ข้าแต่พระยะโฮวา, เนื่องด้วยพระมหาอุปการที่ได้เคยมี, ข้าพเจ้าจึงขอให้ความกริ้วและความขึ้งโกรธของพระองค์เบือนกลับไปจากยะรูซาเลมกรุงของพระองค์, ภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์; ด้วยว่ายะรูซาเลมและพลเมืองของพระองค์ถูกคนใกล้เคียงดูหมิ่นก็เพราะความผิดของพวกข้าพเจ้า, และเพราะความอสัตย์อธรรมของบรรพบุรุษของพวกข้าพเจ้า. 17 บัดนี้, โอพระเจ้าของพวกข้าพเจ้า, ขอสดับฟังคำของทาสของพระองค์, และคำวิงวอนของเขา, และขอให้พระรัศมีแห่งพระพักตรของพระองค์ส่องลงมาเหนือพระวิหารบริสุทธิ์ร้างนั้นเถอะ! ที่ขอนี้ก็ขอเพราะเห็นแก่พระองค์เอง. 18 โอ้พระเจ้าของข้าพเจ้า, ขอเงี่ยพระโสตสดับฟัง; ขอทรงลืมพระเนตรมองดูความเริดร้างของพวกข้าพเจ้า, และมองดูเมืองซึ่งถูกขนานนามตามพระนามของพระองค์; ด้วยว่าพวกข้าพเจ้ามิได้ถวายคำวอนนี้ต่อพระองค์, ในฐานที่มีความดีความชอบ, แต่ได้วอนขอฐานที่อยู่ในข่ายแห่งพระมหาเมตตาคุณของพระองค์. 19 ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงสดับฟัง; ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงอภัยโทษให้; โอ้พระยะโฮวา, ขอทรงเงี่ยพระโสตและโปรดกระทำเถอะ; ขออย่าได้เนิ่นช้าไว้เลยพระเจ้าค่ะ, โอ้พระเจ้าของข้าพเจ้า, นึกว่าเห็นแก่พระนามของพระองค์เถอะ, ด้วยว่าเมืองของพระองค์และพลเมืองของพระองค์ก็ถูกขนานนามตามพระนามของพระองค์.” 20 เมื่อข้าพเจ้ากำลังทูลอยู่, กำลังวิงวอนขออยู่และกำลังสารภาพความผิดของข้าพเจ้า, และความผิดของยิศราเอลชนร่วมชาติของข้าพเจ้านั้น, และถวายคำวิงวอนของข้าพเจ้าต่อพระพักตรพระยะโฮวา, พระเจ้าของข้าพเจ้า, เพื่อภูเขาบริสุทธิ์ของพระเจ้าของข้าพเจ้า; 21 เออ, เมื่อข้าพเจ้ายังกำลังกล่าวคำอธิษฐานอยู่, บุรุษฆับรีเอล, บุรุษคนที่ข้าพเจ้าได้เห็นในนิมิตต์ครั้งก่อนนั้น, ได้เหาะมายังข้าพเจ้าโดยด่วน, เป็นเวลาถวายมังสะเครื่องบูชายัญตอนเย็น. 22 ท่านได้สนทนาและอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังว่าดังนี้, “ดานิเอลเอ๋ย, ข้าพเจ้าออกมาเพื่อจะให้ความสว่างอกสว่างใจแก่ท่าน. 23 พอท่านเริ่มบรรยายคำวิงวอนของท่านก็มีรับสั่งให้ข้าพเจ้ามาแจ้งแก่ท่าน; เพราะท่านเป็นคนโปรดปรานยิ่งนัก. เหตุฉะนี้จงใส่ใจต่อถ้อยคำนี้และสนใจฟังเรื่องนิมิตต์นั้นเถอะ. 24 ‘เจ็ดสิบสัปดาห์นั้นเป็นเวลาครบกาลกำหนดสำหรับชนร่วมชาติของท่าน, ว่าจะสิ้นวารการลงโทษ, การรับกรรมของบาปก็ครบถ้วนแล้ว, การไถ่ก็สมบูรณ์แล้ว, และถึงเวลาจะนำเอาความชอบธรรมอันไม่รู้สิ้นสุดเข้ามา, และถึงกำหนดเวลารับรองนิมิตต์พยากรณ์, แล้วจะได้เจิมบริสุทธิ์สถานอันเป็นที่สะอาดหมดจดยิ่ง.’ 25 “เหตุฉะนั้นจงรู้และเข้าใจเถิดว่า, ‘ตั้งแต่มีรับสั่งออกมาให้กู้กรุงยะรูซาเลมและให้สร้างขึ้นใหม่ไปจนกะทั่งถึงมาซีฮา, คือเจ้าชายองค์นั้น, จะเป็นเวลาเจ็ดอาทิตย์; แล้วต่อมายะรูซาเล็มพร้อมสรรพด้วยถนนหนทางจะถูกสร้างขึ้นใหม่แล้วเสร็จภายในหกสิบสองอาทิตย์, ถึงแม้นว่ายามนี้จะตกในยามทุกข์อันแสนเข็ญก็ตาม. 26 แต่พอสิ้นหกสิบสองสัปดาห์แล้ว, มาซีฮาจะถูกประหาร, และไม่ได้ทิ้งผู้ใดไว้ให้ดำเนินการแทน; กรุงและบริสุทธิ์สถานก็พลอยพินาศไปพร้อมกับเจ้าชายองค์นั้น, และที่สุดปลายก็เถิดน้ำท่วม, แล้วสงครามก็จะห้อยท้ายตามเจ้ามาล้างผลาญจนสิ้นเชิง. 27 คนส่วนใหญ่จะงดการนมัสการอยู่ราวหนึ่งสัปดาห์, ด้วยว่าประมาณสักกึ่งหนึ่งของเวลานั้นการถวายมังสะบูชายัญก็จะหยุดไป, และในขณะนี้เองที่ยอดหลังคาวิหารจะมีสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันน่าใจหายปรากฏอยู่, จนกะทั้งเวลากำหนดลงโทษสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นมาถึง.’ ” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society