ดาเนียล 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ราชานะบูคัศเนซัรประกาศมายังพลเมืองทั้งปวง, ทุกชาติ, ทุกภาษา, ที่อาศัยอยู่ทั่วพิภพโลก: ให้ความสุขสำราญอย่างอุดมสมบูรณ์จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด! 2 เราเห็นควรที่จะสำแดงนิมิตต์และการมหัศจรรย์, ซึ่งพระผู้สูงสุดได้ทรงมีต่อเรา. 3 นิมิตต์ของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่ไพศาลสักเท่าไร, และการมหัศจรรย์ของพระองค์ช่างพิศดารสักปานใด! อาณาจักรของพระองค์เป็นถาวรอาณาจักร, และรัชชกาลของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ 4 เรา, นะบูคัศเนซัร, อยู่เป็นผาสุกในวังของเรา, และมีความจำเริญอยู่ในมณเฑียรของเรา. 5 เราได้เห็นนิมิตต์ซึ่งทำให้เราหวาด; และความคิดบนบรรจถรณ์และนิมิตต์ที่อยู่ในสมองก็ได้ทำให้เราไม่สบายใจ. 6 เหตุฉะนั้นเรามีหมายประกาศเรียกตัวพวกนักปราชญ์ทั้งหมดในประเทศบาบูโลนใหมาเฝ้าเรา, เพื่อให้เขาแก้สุบินนั้นให้เรา. 7 พวกโหร, พวกหมอดู, พวกเคเซ็ดและพวกเล่นกลก็เขามา, แล้วเราได้เล่าสุบินเรื่องนั้นให้เขาฟัง, แต่เขาแก้สุบินให้เราไม่ได้. 8 แต่ภายหลังดานิเอลผู้ถูกขนานนามว่าเบละตะซาซัรตามนามพระของเรา, เขามาเฝ้าเรา; ดานิเอลนั้นมีวิญญาณของเหล่าพระผู้บริสุทธิ์, แล้วเราก็ได้เล่าสุบินของเราให้ดานิเอลฟังว่า, 9 “เบละตะซาซัร, เจ้ากรมกองโหราศาสตร์เอ่ย, เพราะเรารู้อยู่ว่า, วิญญาณของเหล่าพระผู้บริสุทธิ์ก็สิงสถิตอยู่ภายในท่าน, จึงไม่มีความลับลึกฉันใดทำให้ท่านลำบากใจ; ท่านจงบอกลางของสุบินซึ่งเราได้เห็น, และแก้สุบินนั้นให้เราฟัง. 10 เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องสุบิน, ซึ่งอยู่ในศีรษะของเราบนที่บรรทมของเรา, เราได้เห็น และนี่แน่ะ, มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ ณ ท่ามกลางใจโลก, และมันสูงยิ่งนัก. 11 ต้นไม้นั้นได้จำเริญเติบโต, แข็งแรงและสูงยอดจดท้องฟ้า, มองเห็นได้จนกะทั่งจากปลายแผ่นดินโลก. 12 ต้นไม้นั้นมีใบบริบูรณ์และมีผลดกเป็นอาหารของเหล่าสัตว์โลก: สัตว์ในทุ่งก็ได้อาศัยร่ม, และนกทั้งหลายในอากาศก็ได้พึ่งกิ่ง, และบรรดาเนื้อหนังก็ได้กินผลเป็นอาหาร. 13 ในนิมิตต์ซึ่งอยู่ในศีรษะเราบนที่บรรทมนั้นว่า, เราได้เห็น, ดูเถอะ, มีผู้พิทักษ์, คือผู้บริสุทธิ์ผู้หนึ่งได้ลงมาจากสวรรค์. 14 ท่านนั้นได้ร้องเสียงดังว่าดั่งนี้; ‘จงโค่นต้นไม้นั้นลง, และตัดกิ่งออกเสียให้หมด, สบัดใบเสียให้ร่วง; และสาดผลเสียให้กระจัดกระจาย; ให้บรรดาสัตว์ไปเสียให้พ้นใต้ต้น, และให้นกหนีไปเสียจากกิ่ง. 15 ตัดให้เหลืออยู่แต่ต่อติดดิน, สวมปลอกเหล็กและปลอกทองเหลืองทิ้งไว้กลางหญ้าอ่อนในทุ่ง, ปล่อยให้มันเปียกน้ำค้างฟ้า; และปล่อยผู้นั้นให้อยู่ร่วมกับสัตว์ในทุ่งนา. 16 สาปใจของเขาให้ฝันแปรไปจากใจมนุษย์, แล้วให้เขามีใจเป็นใจสัตว์เดียรัจฉาน, และปล่อยเขาไว้เช่นนั้นจนครบเจ็ดปี. 17 คำพิพากษานี้เป็นคำตัดสินของผู้พิทักษ์, และได้ตัดสินไปตามคำแนะนำของเหล่าองค์บริสุทธิ์, ก็เพื่อจะให้คนเป็นรู้ว่า, พระผู้สูงสุดทรงบงการอาณาจักรของมนุษย์, พอพระทัยจะประทานแก่ผู้ใดก็ทรงประทานแก่ผู้นั้น, และทรงยกคนต่ำต้อยที่สุดขึ้นตั้งไว้ให้ครองแผ่นดินนั้น.’ 18 เรา, ราชานะบูคัศเนซัร, ได้เห็นนิมิตต์นี้; เบละตะซาซัรเอ๋ย, เจ้าจงแก้สุบินนั้นให้เราฟัง, ด้วยว่าหามีปราชญ์คนใดในแผ่นดินของเราสามารถแก้สุบินนั้นให้เราได้ไม่, แต่เจ้านั้นสามารถ, เพราะว่าพระจิตต์ของเหล่าพระบริสุทธิ์สิงสถิตอยู่ภายในเจ้า.” 19 ขณะนั้นดานิเอล, ผู้ถูกขนานนามว่าเบละตะซาซัร, ก็อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง, เพราะความคิดได้ทำให้เขาหัวยุ่ง, กษัตริย์จึงตรัสว่า, “เบละตะซาซัรเอ๋ย, อย่าให้เนื้อเรื่องของความฝัน, หรือคำแก้ฝันทำให้เจ้ายุ่งใจเลย!” เบละตะซาซัรจึงทูลตอบว่า, “ข้าแต่ราชา, ขอให้พระสุบินนั้นบังเกิดแก่ผู้ที่เกลียดชังฝ่าพระบาท, และคำแก้พระสุบินนั้นตกต้องกับศัตรูของฝ่าพระบาทเถิด! 20 ต้นไม้ที่ฝ่าพระบาทได้ทอดพระเนตรเห็นงอกงามเติมโตแข็งแรง, ยอดสูงจดท้องฟ้าจนตาคนทั้งโลกเห็นได้. 21 มีใบบริบูรณ์, และผลดกเป็นอาหารของเหล่าสัตว์โลก; สัตว์ในทุ่งก็ได้อาศัยร่มและนกทั้งหลายในอากาศก็ได้อาศัยทำรังตามกิ่งต้นไม้นั้น. 22 ข้าแต่ราชา, ต้นไม้ต้นนั้นได้แก่ฝ่าพระบาทเอง, เพราะฝ่าพระบาทได้ทรงพระเจริญมีพลานุภาพและศักดานุภาพใหญ่ยิ่งจริง, จนรัชชของฝ่าพระบาทจดท้องฟ้าและอาณาเขตต์ของฝ่าพระบาทจดกะทั่งปลายพิภพโลก. 23 และตามที่พระราชาได้เห็นผู้พิทักษ์และองค์บริสุทธิ์ลงมาจากสวรรค์แล้วมีเทวบัญชาว่า, ‘จงโคนต้นไม้นั้นลงและทำลายเสีย; แต่ก็โค่นให้เหลือตอติดดินไว้, และให้สวมปลอกเหล็กและทองเหลืองเสีย, ปล่อยให้อยู่กลางหญ้าสดในทุ่งนา, ให้ตากน้ำค้างฟ้าเปียกชุ่ม, ให้ผู้นั้นอยู่ร่วมกับสัตว์ในทุ่งนาจนครบเจ็ดปี.’ 24 ข้าแต่ราชา, นี่คือคำแก้พระสุบิน, ด้วยว่ามีคำพิพากษาชี้ขาดมาจากพระผู้สูงสุด, ตัดสินลงโทษพระราชา, ผู้เป็นเจ้าเป็นนายของข้าพเจ้า. 25 ฝ่าพระบาทจะถูกไล่ไปเสียจากวงการมนุษย์, และให้ฝ่าพระบาทอาศัยอยู่กับสัตว์ในทุ่งนา, และถูกบังคับให้เสวยหญ้าเหมือนโค, และปล่อยให้เปียกน้ำค้างฟ้าจนครบกำหนดเจ็ดปี, กว่าฝ่าพระบาทจะได้เรียนรู้ว่าพระผู้สูงสุดได้ทรงบงการอาณาจักรของมนุษย์, และทรงพอพระทัยจะประทานแก่ผู้ใดก็ประทานให้แก่ผู้นั้น. 26 และที่มีเทวบัญชาสั่งให้โค่นเหลือตอติดดินไว้นั้น, ก็เป็นที่แน่ใจว่าฝ่าพระบาทจะได้แผ่นดินกลับคืนทันที, ในเมื่อฝ่าพระบาทได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้บงการอาณาจักรของมนุษย์. 27 เหตุฉะนี้, ข้าแต่ราชา, ขอได้พอพระทัยรับคำแนะนำข้าพเจ้า, ขอฝ่าพระบาทปลีกพระกรจากความบาปและประกอบการกุศล, ปลีกพระองค์จากการอสัตย์อธรรมและให้ท่านแก่คนยากคนจน. เมื่อได้ทำกระนั้นแล้ว, ชะรอยความรุ่งเรืองจะยืนยาวออกไปอีกกระมัง.” 28 บัดนี้เหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมดก็ได้บังเกิดขึ้นแก่ราชานะบูคัศเนซัร. 29 พอสิ้นสิบสองเดือนแล้ว กำลังที่กษัตริย์ดำเนินอยู่ที่พระราชมณเฑียรในกรุงบาบูโลน, 30 ก็ตรัสออกมาว่า, “กรุงบาบูโลนใหญ่ไพศาลนี้มิใช่หรือที่เราได้สร้างไว้ให้เป็นราชฐานด้วยอานุภาพอันใหญ่หลวงของเรา, ไว้เป็นที่ผดุงสง่าราศีแห่งรัชชของเรา? ” 31 ตรัสยังไม่ทันขาดคำ, ก็ได้ยินเสียงเทวบัญชามาจากสวรรค์ว่า, “ดูกรราชานะบูคัศเนซัร, มีคำตัดสินมาถึงท่านแล้ว, แผ่นดินก็หลุดมือไปจากท่านแล้ว! 32 เขาจะขับไล่ท่านไปเสียจากวงการมนุษย์, ให้อาศัยอยู่กับสัตว์ในทุ่งนา, และจะให้ท่านกินหญ้าเหมือนโค, ครบกำหนดเจ็ดปี, เพื่อท่านจะได้เรียนรู้ว่าพระผู้สูงสุดบงการอาณาจักรของมนุษย์, แล้วพระองค์พอพระทัยจะประทานอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ทรงประทานให้แก่ผู้นั้น.” 33 ในโมงนั้นเองเหตุการณ์ก็บังเกิดขึ้นแก่ราชานะบูคัศเนซัร, ท่านถูกขับไล่ให้พ้นไปจากวงการมนุษย์, และต้องกินหญ้าเหมือนโค; พระกายตากน้ำค้างฟ้าเปียกชุ่มจนผมของท่านงอกยาวดุจขนนกอินทรีและเล็บของท่านก็โง้งดังเล็บนก 34 เมื่อสิ้นเวลาที่กำหนดได้แล้ว, เรานะบูคัศเนซัรได้แหงนตาดูท้องฟ้า, แล้วความทรงจำก็กลับมาสู่ตน; และเราจึงได้ถวายพรแก่พระองค์ผู้สูงสุด, และได้สรรเสริญถวายเกียรติยศแก่พระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ว่า, “ด้วยรัชชกาลของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์, และอาณาจักรของพระองค์ตั้งอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ. 35 ชาวโลกทั้งสิ้นเป็นคนไม่มีค่าอะไรสำหรับพระองค์, พระองค์ได้ทรงกระทำกิจในหมู่ดาราแห่งนภาดล, และกระทำธุระในวงการของชาวโลกตามชอบพระทัยของพระองค์, ไม่มีใครอาจยึดหน่วงพระหัตถ์ของพระองค์ไว้ได้, หรืออาจทูลถามพระองค์ว่า, ‘พระองค์ทรงกระทำอะไรพระเจ้าคะ?’ ” 36 ในขณะนั้นเองทีเดียว, ความทรงจำของเราก็มาสู่ตัว, เรากลับคืนเข้าสู่เสวยราชย์, และเสวยราชัยสวรรย์, อันเป็นสง่าราศีแห่งอาณาจักรของเรา, พวกรัฐมนตรีและข้าราชการทั้งปวงของเราก็ได้กลับมาหาเรา, และก็ได้ถูกอัญเชิญขึ้นครองราชย์ในอาณาจักรของเรา, และเราได้รับมหาอำนาจราชศักดิ์เป็นการแถม. 37 เมื่อนั้นเรา, นะบูคัศเนซัร, ได้สรรเสริญ, ยกย่องและให้เกียรติยศแก่พระมหากษัตริย์แห่งสรวงสวรรค์เพราะว่ากิจการของพระองค์ก็ถูกต้องและพระมรรคาทั้งมวลของพระองค์ก็ยุตติธรรม; และผู้ใดดำเนินในความโอหัง, พระองค์ก็ทรงสามารถเหยียดผู้นั้นลงเสียได้ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society