ดาเนียล 3 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ราชานะบูคัศเนซัรได้สร้างรูปเคารพทองคำ, สูงหกสิบศอกกว้างหกศอก, แล้วได้ตั้งไว้ ณ ที่ราบชื่อว่าฎราในประเทศบาบูโลน. 2 แล้วราชานะบูคัศเนซัรได้มีรับสั่งให้ข้าหลวงประจำจังหวัด, ปลัดจังหวัด, นายอำเภอ, พวกที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน, เจ้ากรมและเจ้าพนักงานการคลัง, ขุนศาล, ตุลาการทั้งมวล, มาชุมนุมกันประกอบพิธีทำการฉลองรูปเคารพซึ่งราชานะบูคัศเนซัรได้ตั้งไว้แล้วนั้น. 3 ฝ่ายข้าหลวงประจำจังหวัด, ปลัดจังหวัด, นายอำเภอ, พวกที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน, เจ้ากรมและเจ้าพนักงานการคลัง, ขุนศาล, ตุลาการทั้งหมดก็ได้มาประชุมพร้อมกัน, ประกอบพิธีการฉลองรูปเคารพ, ซึ่งราชานะบูคัศเนซัรได้ตั้งไว้; เขาทั้งหลายได้ยืนอยู่ข้างหน้ารูปซึ่งราชานะบูคัศเนซัรได้ตั้งไว้แล้ว. 4 มีผู้ร้องป่าวประกาศออกมาว่า, “ดูกรประชาชนทั้งหลายทุกชาติทุกภาษา, บัดนี้มีบัญชาสูงมายังท่านทั้งหลายว่า, 5 ในเมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตร, ขลุ่ย, พิณ, ซอสามสาย, ซอสิบสามสาย, และปี่กับเสียงเครื่องดนตรีอื่นอีกนานาประโคมขึ้น, ท่านทั้งหลายจงกราบนมัสการรูปเคารพทองคำซึ่งราชานะบูคัศเนซัรได้ตั้งไว้. 6 ถ้าผู้ใดมิได้กราบลงนมัสการรูปนั้น, ในโมงนั้นเองผู้นั้นจะต้องถูกจับตัวโยนทิ้งลงในท่ามกลางเตาติดไฟลุกโพลงอยู่.” 7 เหตุฉะนั้นพอประชาชนทั้งหลายได้ยินเสียงแตร, ขลุ่ย, พิณ, ซอสามสาย, ซอสิบสามสาย, และเสียงเครื่องดนตรีอื่นอีกนานาประโคมขึ้น, ประชาชนทั้งหลายทุกชาติทุกภาษาก็กราบลงนมัสการรูปเคารพทองคำซึ่งราชานะบูคัศเนซัรได้ตั้งไว้. 8 ในขณะนั้นมีชาวเคเซ็ดหมู่หนึ่งเข้าไปใกล้ทูลฟ้องพวกยูดาย. 9 เขากราบทูลแก่ราชานะบูคัศเนซัรนั้นว่า. “ข้าแต่พระราชา, ขอให้ทรงพระเจริญเป็นนิจเถิด, 10 ข้าแต่พระราชา, ฝ่าพระบาทได้ออกหมายประกาศว่า, ทุกๆ คนเมื่อได้ยินเสียงแตร, ขลุ่ย, พิณ, ซอสามสาย, ซอสิบสามสาย, ปี่และเสียงเครื่องดนตรีอื่นอีกนานาประโคมขึ้น, ก็ให้กราบลงนมัสการรูปเคารพทองคำนั้น. 11 แต่ถ้าผู้ใดมิได้กราบลงนมัสการ, ผู้นั้นก็จะถูกจับตัวโยนทิ้งลงในเตาติดไฟลุกโพลงอยู่. 12 บัดนี้มีพวกยูดายบางคนซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้ให้ว่าราชการในกรุงบาบูโลน, คือซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโค, ข้าแต่พระราชา, คนเหล่านี้หาได้เชื่อฟังฝ่าพระบาทไม่: เขาหาได้ปรนนิบัติพระทั้งหลายของฝ่าพระบาทไม่, และหาได้กราบไหว้รูปทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ตั้งไว้นั้นไม่” 13 ราชานะบูคัศเนซัรจึงทรงพระพิโรธเกรี้ยวกราดยิ่งนัก, แล้วมีรับสั่งให้หาตัวซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโคเข้าเฝ้า, เขาได้พาคนเหล่านั้นเข้าเฝ้า. 14 ราชานะบูคัศเนซัรจึงรับสั่งถามเขาเหล่านั้นว่า, “ดูก่อนซัดรัค เมเซ็ค และอะเบ็ดนะโค, จริงหรือ, ว่าเจ้าทั้งหลายไม่ได้ปรนนิบัติพระของเรา, และไม่ได้กราบลงนมัสการรูปทองคำซึ่งเราได้ตั้งไว้? 15 เอาเถอะ, ถ้าเจ้าทั้งหลายปลงใจพร้อมแล้ว, พอเจ้าได้ยินเสียงแตร, ขลุ่ย, พิณ, ซอสามสาย, ซอสิบสามสาย, ปี่และเสียงเครื่องดนตรอื่นอีกนานาประโคมขึ้น, เจ้าก็จงกราบลงนมัสการรูปนั้นซึ่งเราได้ตั้งไว้, เอ้า, เอาเถอะ, ดีแล้ว; แต่ถ้าเจ้าจะไม่กราบลง, ในทันใดนั้นพวกเจ้าจะถูกจับตัวโยนทิ้งลงในเตาติดไฟลุกโพลง; แล้วพระเจ้าองค์ไหนจะมาช่วยเจ้าให้พ้นจากหัตถ์ของเราได้? ” 16 ซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโคจึงกราบทูลกษัตริย์นั้นว่า, “ข้าแต่ราชานะบูคัศเนซัร, ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องทูลต่อฝ่าพระบาทในข้อความนี้. 17 ข้าแต่ราชา, ถ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายปฏิบัติอยู่นั้น, ทรงสามารถช่วยข้าพเจ้า, พระนั้นก็จะช่วยให้พวกข้าพเจ้ารอดอันตรายจากเตาไฟ, และรอดพ้นจากเงื้อมพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท. 18 แต่หากไม่ทรงสามารถดังว่านั้น, ฝ่าพระบาทก็จะทรงประจักษ์, ข้าแต่ราชา, ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ปฏิบัติพระของฝ่าพระบาท, และจะไม่กราบลงนมัสการรูปเคารพทองคำ, ซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้เลย.” 19 ฝ่ายราชานะบูคัศเนซัรก็ทรงกริ้วซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโคอย่างเกรี้ยวกราดจนวรรณพระพักตรแปรไป, แล้วจึงมีรับสั่งให้ทวีความร้อนในเตาไฟให้ร้อนกว่าธรรมดาถึงเจ็ดเท่า. 20 แล้วมีรับสั่งแก่ชายฉกรรจ์ที่มีกำลังล่ำสันในกองทัพของพระองค์ให้ผูกมัดซัดรัค, เมเซ็ค และอะเบ็ดนะโค โยนลงในเตาไฟนั้น. 21 แล้วเขาก็ผูกมัดคนเหล่านั้นไว้ทั้งกางเกงและเสื้อคลุมอับเสื้อนอกและเสื้ออื่นๆ, แล้วก็ทิ้งลงไปในกลางเตาไฟนั้น. 22 คำที่กษัตริย์มีบัญชาสั่งอย่างหุนหันและเตาไฟนั้นก็ร้อนจัดเหลือประมาณ, คนที่จับซัดรัค, เมเซ็ค และอะเบ็ดนะโคโยนลงทิ้งในเตาไฟนั้นก็ถูกไฟคลอกตาย. 23 สามคนนั้นคือ, ซัดรัค, เมเซ็ค และอะเบ็ดนะโคก็ได้ตกลงไปในท่ามกลางเตาไฟทั้งยังมัดอยู่. 24 ขณะนั้นราชานะบูคัศเนซัรก็ปลาดพระทัยจึงลุกขึ้นโดยฉับพลัน; รับสั่งถามข้าราชการของพระองค์ว่า, “เราได้ทิ้งสามคนมัดไว้ลงไปในกลางเตาไฟมิใช่หรือ? ” เขาทั้งหลายทูลตอบว่า, “จริงอยู่พิจ้ะค่ะ.” 25 กษัตริย์จึงตรัสว่า, “ดูแน่ะ, เราเห็นสี่คนหลุดออกจากมัดกำลังเดินอยู่ในท่ามกลางเตาไฟนั้นและเขาไม่ไหม้หมอนเลย; รูปโฉมของคนที่สี่นั้นดูละม้ายคล้ายคลึงกับองค์เทพบุตร.” 26 แล้วราชานะบูคัศเนซัรก็ได้แอบเข้าไปข้างเตาไฟแล้วตรัสว่า, “ซัดรัค, เมเซ็คและอะเบ็ดนะโค, ท่านผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้สูงสุด, จงออกมาที่นี่เถิด.” แล้วซัครัค, เมเซ็คและอะเบ็ดนะโคก็ได้ออกมาจากเตาไฟนั้น. 27 พวกข้าหลวงประจำจังหวัด, ปลัดจังหวัด, นายอำเภอ, และพวกที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน, ที่ชุมนุมอันอยู่ ณ ที่นั้นก็ได้เห็นว่า, ไฟไม่อาจไหม้ร่างของคนเหล่านี้ได้, หรือเส้นผมก็มิได้งอ, หรือผ้านุ่งผ้าห่มก็มิได้ชำรุดหรือมีกลิ่นเหม็นติดตัวเลย. 28 ราชานะบูคัศเนซัรจึงตรัสว่า, “พระเจ้าของซัดรัค, เมเซ็ดและอะเบ็ดนะโค, จงจำเริญเถิด; พระองค์ได้ใช้ทูตของพระองค์ให้มาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ที่ได้ไว้วางใจในพระองค์ให้รอดได้, และเขาได้ทำให้วาจาของกษัตริย์เหลวไป, โดยสู้ยอมพลีร่างของเขาเสียดีกว่าที่จะยอมปรนนิบัติหรือนมัสการพระใดๆ, นอกจากพระเขาของตนเอง! 29 เหตุฉะนี้เราออกเป็นหมายประกาศว่า, ถ้าคนใด, ไม่ว่าชาติไหนภาษาใด, ขืนพูดมิดีมิร้ายต่อพระเจ้าของซัดรัค, เมเซ็คและอะเบ็ดนะโค, คนนั้นต้องถูกฟันเสียเป็นท่อนๆ, และบ้านเรือนของเขาจะถูกทำเป็นที่ทิ้งมูลสัตว์เพราะว่าไม่มีพระองค์ใดที่สามารถช่วยในเรื่องทำนองนี้ให้รอดได้.” 30 แล้วกษัตริย์ได้โปรดเลื่อนยศให้ซัดรัค, เมเซ็คและอะเบ็ดนะโคสูงขึ้นไปอีกไว้ในแว่นแคว้นบาบูโลน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society