ดาเนียล 2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ครั้นปีที่สองในรัชชกาลของราชานะบูคัศเนซัร, ราชานะบูคัศเนซัรได้ทรงพระสุบิน; และมีพระทัยเป็นทุกข์จนบรรทมไม่หลับ. 2 ขณะนั้นกษัตริย์ได้บัญชาเรียกตัวพวกโหร, พวกหมอดู, พวกเล่นกลและชาวเคเซ็ด, เพื่อให้สำแดงการสุบินนั้นถวายกษัตริย์. แล้วเขาทั้งหลายก็ได้เข้ามาเฝ้าตรงหน้าพระที่นั่ง. 3 ฝ่ายกษัตริย์จึงตรัสแก่เขาว่า, “ข้าฝันไป, และจิตต์ใจของข้าก็เป็นทุกข์อยากจะทราบสุบินนั้น.” 4 ฝ่ายชาวเคเซ็ดนั้นได้ทูลกษัตริย์เป็นภาษาซุเรียว่า, “ข้าแต่ราชา, ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์เถิด, ขอให้ฝ่าพระบาทเล่าพระสุบินนั้นให้แก่ข้าพเจ้าฟัง, แล้วข้าพเจ้าจะแก้พระสุบินนั้นให้ฝ่าพระบาททราบ.” 5 ฝ่ายกษัตริย์จึงตรัสแก่พวกเคเซ็ดนั้นว่า, “สุบินนั้นข้าจำไม่ได้, ถ้าพวกเจ้าเอาเนื้อเรื่องในสุบินและคำแก้สุบินมาแจ้งแก่ข้าไม่ได้, พวกเจ้าจะต้องถูกฟันเป็นท่อนๆ, และบ้านเรือนของเจ้าจะถูกทำเป็นที่ทิ้งมูลสัตว์. 6 แต่ถ้าแม้นเจ้าได้แจ้งเรื่องในสุบินนั้นพร้อมกับคำแก้ได้แล้ว, เจ้าก็จะได้รับของประทานและรางวัลกับยศศักดิ์สูงจากข้า; เหตุฉะนี้เจ้าจงแจ้งเนื้อเรื่องในสุบินและคำแก้ในสุบินนั้นเถิด.” 7 เขาทั้งหลายจึงทูลตอบเป็นคำรบสองว่า, “ขอฝ่าพระบาทได้ทรงแจ้งเนื้อเรื่องในพระสุบินแก่ผู้ทาสของฝ่าพระบาท, แล้วข้าพเจ้าจะได้ถวายคำแก้พระสุบินนั้น.” 8 ฝ่ายกษัตริย์จึงตรัสว่า, “ข้ารู้ดีว่า, พวกเจ้าอยากจะผัดเวลาไว้, เพราะเจ้ารู้แล้วว่า, ข้าได้ลืมเรื่องสุบินนั้นเสียสนิททีเดียว. 9 แต่ถ้าเจ้าเอาเรื่องในสุบินนั้นมาสำแดงแก่ข้าไม่ได้แล้วเจ้าจะต้องรับเคราะห์; เจ้าทั้งหลายได้เตรียมท่าจะพูดปดและพูดลวงให้ข้าฟังไปพลางๆ, รอท่าเผื่อจะมีอะไรเกิดขึ้นมา; อย่าเลย, เจ้าจงสำแดงเนื้อเรื่องในสุบินนั้นแก่ข้า, แล้วข้าจะรู้ว่าเจ้าแก่สุบินนั้นได้.” 10 ชาวเคเซ็ดจึงทูลแก่กษัตริย์นั้นว่า, “ไม่มีใครสักคนเดียวบนพิภพนี้ที่จะกราบทูลฝ่าพระบาทตามที่รับสั่งถามได้; ด้วยว่าไม่มีราชาสักองค์เดียว, ถึงจะทรงเดชานุภาพสักเพียงใด, จะทรงรับสั่งถามทำนองนี้แก่โหรคนใดหรือหมอดูคนใด, หรือชาวเคเซ็ดคนใด. 11 ฝ่าพระบาททรงรับสั่งถามเรื่องยาก, และไม่มีผู้ใดทูลตอบฝ่าพระบาทได้, เว้นแต่พวกพระซึ่งไม่ทรงร่างอย่างมนุษย์.” 12 เหตุฉะนี้กษัตริย์จึงทรงพระพิโรธเกรี้ยวกราดยิ่งนัก, แล้วรับสั่งให้เอาตัวพวกโหรทั้งหมดในเมืองบาบูโลนไปฆ่าเสีย. 13 ครั้นแล้วจึงออกหมายประกาศให้เอาพวกโหรไปฆ่าเสีย; แล้วมีคนไปเสาะหาตัวดานิเอลและสหายของเขาจะเอาตัวมาฆ่าเสีย 14 ดานิเอลจึงปราศรัยกับอะระโยคราชองครักษ์, ซึ่งออกไปจะฆ่าพวกโหร ณ เมืองบาบูโลนนั้น, ด้วยถ้อยคำแยบคายและปรีชาวัย. 15 ดานิเอลได้กล่าวแก่อะระโยคนั้นว่า, “ด้วยเหตุอะไรพระราชกฤษฎีกาจึงได้ออกมาอย่างกระทันหัน? ” แล้วอะระโยคจึงแจ้งเรื่องให้ดานิเอลฟัง. 16 ดานิเอลจึงได้เข้าเฝ้า, และได้ทูลขอกษัตริย์ให้เขามีโอกาสบ้าง, แล้วเขาจะแก้พระสุบินนั้นให้กษัตริย์ฟัง. 17 แล้วดานิเอลก็ไปยังเรือนของตนแล้วแจ้งข้อความนี้แก่ฮะนันยา, มิซาเอล, และอะซาระยาเพื่อนของเขา, 18 เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ขอความเมตตาจากพระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ในเรื่องเกี่ยวข้องกับความลับลึกนี้, เพื่อดานิเอลและเพื่อนของเขาจะมิได้พินาศไปด้วยกันกับพวกโหรในเมืองบาบูโลนนั้น. 19 เรื่องลับลึกนั้นได้ปรากฏแก่ดานิเอลในนิมิตต์เวลากลางคืน, แล้วดานิเอลก็ได้สรรเสริญพระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์นั้น. 20 ดานิเอลได้กล่าวว่า, “ขอให้พระนามของพระเจ้าจำเริญสืบๆ ไปเป็นนิจเถิด, ด้วยว่าสติปัญญาและเดชานุภาพเป็นของพระองค์. 21 พระองค์ทรงสับเปลี่ยนกาลและฤดู; ทรงถอดและทรงตั้งกษัตริย์; ทรงประทานสติปัญญาให้แก่นักปราชญ์, และความรู้ให้แก่คนที่เข้าใจ. 22 พระองค์ทรงไขสิ่งลึกซึ้งและลับลึกออกให้เห็นแจ้ง, พระองค์ทรงทราบอะไรอยู่ในความมืด, เพราะความสว่างได้อยู่กับพระองค์. 23 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์และขอสรรเสริญพระองค์, โอ้พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า, ผู้ได้ทรงประทานปัญญาและอำนาจแก่ข้าพเจ้า, และซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายได้ขอจากพระองค์, พระองค์ได้สำแดงให้ปรากฏแก่ข้าพเจ้าแล้ว, ด้วยว่าพระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้เรื่องราวอันเกี่ยวข้องกับกษัตริย์นั้น.” 24 เหตุฉะนี้ดานิเอลจึงได้เข้าไปหาอะระโยค, ผู้ที่กษัตริย์ได้ส่งให้ไปฆ่าพวกโหรในเมืองบาบูโลนนั้น; เขาได้กล่าวแก่อะระโยคว่าดังนี้, “อย่าฆ่าพวกโหรเมืองบาบูโลนเลย; จงนำข้าพเจ้าเข้าไปเฝ้ากษัตริย์, แล้วข้าพเจ้าจะแก้พระสุบินให้กษัตริย์.” 25 ฝ่ายอะระโยคก็นำดานิเอลเข้าเฝ้ากษัตริย์โดยเร็วพลัน, แล้วทูลพระองค์ว่าดังนี้: “ข้าพเจ้าได้พบชายคนหนึ่งในพวกชะเลยแห่งชนชาติยะฮูดา, ซึ่งจะแก้พระสุบินนั้นให้แก่พระราชาได้.” 26 กษัตริย์ได้ตรัสเแก่ดานิเอลผู้ถูกขนานนามว่า เบละตะซาซัร ดังนี้: “เจ้าจะบอกเรื่องในสุบินที่เราได้เห็นนั้นและแก้สุบินนั้นให้เราฟังได้หรือ? ” 27 ดานิเอลก็ทูลตอบกษัตริย์นั้นว่า, “เรื่องลับลึกที่ฝ่าพระบาทได้มีรับสั่งถามนั้น, แล้วนักปราชญ์หรือหมอดูหรือโหรหรือคนเล่นกลหาสามารถไขถวายฝ่าพระบาทได้ไม่; 28 แต่ยังมีพระเจ้าอยู่องค์หนึ่งสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์, ผู้ทรงสำแดงเรื่องลับลึกให้ประจักษ์แจ้งได้, และพระองค์นั้นก็ทรงสำแดงการซึ่งจะบังเกิดขึ้นในภายหน้าให้ราชานะบูคัศเนซัรรู้. พระสุบินของฝ่าพระบาทและนิมิตต์ซึ่งผุดขึ้นในพระเศียรเมื่อบรรทมอยู่นั้นเป็นดังนี้: 29 ข้าแต่ราชา, ฝ่าพระบาททรงประทับบนบรรจถรณ์, แล้วทรงรำพึง, ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต; แล้วพระเจ้าก็ทรงสำแดงเรื่องลึกลับนั้นใช้ประจักษ์แจ้งแก่ฝ่าพระบาท. 30 ฝ่ายข้าพเจ้า, เรื่องลึกลับนี้หาได้ไขออกได้ด้วยสติปัญญาซึ่งข้าพเจ้ามีอยู่เป็นทุนมากกว่ามนุษย์อื่นๆ ไม่, แต่ที่ทรงโปรดก็ทรงพระประสงค์จะให้กษัตริย์รู้ความหมายของสุบินและกับทั้งจะได้ทราบความคิดที่อยู่ในพระทัยของฝ่าพระบาท 31 “ข้าแต่ราชา, นี่แน่ะ, ฝ่าพระบาทได้ทรงเห็นรูปใหญ่, รูปนี้ใหญ่และขึ้นเงามันขลับยืนอยู่ต่อพระพักตรฝ่าพระบาทท่าทางถมึงทึง. 32 ศีรษะของรูปนั้นเป็นทองคำนพคุณ, อกและแขนเป็นเงิน, ทองและโคนขาเป็นทองเหลือง, 33 ขาเป็นเหล็ก, เท้าเป็นเหล็กปนดิน. 34 ฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรดูอยู่จนมีหินก้อนหนึ่งถูกแงะออกโดยไม่เห็นมือ, กลิ้งปากระทบรูปโดนตอนเท้าซึ่งเป็นเหล็กปนดิน, เท้าเลยแตกเป็นท่อนๆ ไป. 35 แล้วเหล็ก, ดิน, ทองเหลือง, เงินและทองคำก็แตกหักเป็นท่อนๆ ไปตามกัน, และกลายเป็นเหมือนแกลบบนลานข้าวในฤดูร้อนถูกลมพัดปลิวพังไปจนหาร่องรอยมันก็ไม่พบ; ส่วนหินก้อนนั้นซึ่งได้กระทบรูปก็ได้ขยายตัวโตขึ้นไปเป็นขุนเขาครอบเต็มพิภพ. 36 นี่คือพระสุบิน, คราวนี้ข้าพเจ้าจะแก่พระสุบินให้ฝ่าพระบาทฟัง 37 “ข้าแต่ราชา, ฝ่าพระบาทเป็นราชาของกษัตริย์ทั้งหลาย, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ได้ประทานอาณาจักร, อานุภาพ, อาชญาและสง่าราศีให้แก่ฝ่าพระบาท. 38 แล้วยังได้ทรงมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในหัตถ์ของฝ่าพระบาทอีกด้วยคือ, มนุษย์, สัตว์จตุบาทไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน, ได้ทรงมอบให้ฝ่าพระบาทครอบครองมันสิ้นทั้งมวล. ศีรษะทองคำนั้นได้แก่ฝ่าพระบาทเอง. 39 ถัดจากฝ่าพระบาทไปจะเกิดอาณาจักรขึ้นอีกอาณาจักรหนึ่งซึ่งเป็นรองฝ่าพระบาทลงไป; แล้วจะเกิดมีอาณาจักรที่สามเป็นทองเหลือง, ครอบครองทั่วทั้งพิภพ. 40 แล้วมาถึงอาณาจักรที่สี่จะแข็งแกร่งดังเหล็ก, เหล็กตีอะไรต่ออะไรให้หัก, ฟาดอะไรต่ออะไรให้ยับบรรลัยลง, ทุบอะไรต่ออะไรให้ป่นปี้ฉันใด, อาณาจักรนี้ก็จะตีฟาดทุบใครต่อใครให้ย่อยยับลงฉันนั้น. 41 ตามที่ฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรเห็นเท้าและนิ้วเท้าเป็นดินปั้นหม้อปนเหล็ก, คืออาณาจักรนั้นจะเกิดแตกออกไปจากกัน; ส่วนที่เป็นเหล็กก็แข็งแรง, เพราะว่าฝ่าพระบาทได้เห็นแล้วว่าเป็นเหล็กคลุกปนกันกับดินเหนียว; 42 แต่เมื่อนิ้วเท้าเป็นเหล็กบ้างดินบ้างฉันใด, อาณาจักรที่เกิดแยกกันนั้น, บ้างก็จะแข็ง, บ้างก็จะเปราะ. 43 และตามที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเห็นเหล็กประสมดินเหนียว, คือเขาต่างจะสมสู่กันให้เป็นเนื้อเดียวกันในทางสมรส; แต่ก็หาสนิทสนมกลมกลืนกันและกันไม่, เหมือนเอาเหล็กประสมกับดินหาเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้ไม่. 44 ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, หรือผู้ใดจะชิงเอาอาณาจักรนี้ไปก็หาได้ไม่; แต่อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่นๆ ลงให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ. 45 ตามที่ฝ่าพระบาททรงทอดพระเนตรเห็น, ว่ามีหินก้อนหนึ่งถูกแงะออกจากภูเขาโดยไม่เห็นมือใคร, ได้กลิ้งมากระแทกเหล็ก, ทองเหลือง, ดินเหนียว, เงินและทอง, ทำให้แตกไปเป็นชิ้นๆ, พระเจ้าองค์ใหญ่ได้ทรงสำแดงเรื่องซึ่งจะบังเกิดมาในอนาคตให้ราชารู้, พระสุบินนั้นเป็นเรื่องจริงและคำแก้ของพระสุบินนั้นก็เป็นคำแน่นอน.” 46 แล้วราชานะบูคัศเนซัรก็ซบพักตรลงกราบดานิเอล, และมีรับสั่งให้เอาเครื่องบูชาและเครื่องหอมมานมัสการดานิเอล. 47 กษัตริย์ได้ตรัสแก่ดานิเอลว่า, พระเจ้าของท่านเป็นพระของพระทั้งปวงอย่างแม่นมั่น, และเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของกษัตริย์ทั้งหลาย, และเป็นผู้ไขความลับลึกออกได้, ที่ว่าดังนี้ก็เพราะเห็นท่านไขความลับลึกนี้ออก.” 48 แล้วกษัตริย์ได้เลื่อนยศให้ดานิเอลเป็นใหญ่เป็นโต, และได้ประทานของกำนัลมากมายให้แก่ท่าน, และได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการทั่วทั้งประเทศบาบูโลน, แลเป็นเจ้ากรมกองโหราศาสตร์ในประเทศบาบูโลน. 49 กษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งให้ซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโคเป็นผู้ว่าราชการในกรุงบาบูโลนตามคำขอของดานิเอล, แต่ดานิเอลเองได้รับราชการอยู่ภายในพระราชสำนัก |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society