กิจการ 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940เขาจับเปโตรและโยฮันจำไว้ในคุก 1 เมื่อเปโตรกับโยฮันยังกล่าวแก่คนทั้งปวงอยู่, ปุโรหิตทั้งหลายกับนายทหารรักษาโบสถ์และจำพวกซาดูกายมาหาท่านทั้งสอง, 2 ด้วยเขาเป็นทุกข์ร้อนใจเพราะท่านได้สั่งสอนประกาศแก่ชนทั้งหลายว่า บรรดาชนจะเป็นขึ้นมาจากความตายโดยพระเยซู. 3 เขาจึงลงมือจับท่านทั้งสองจำไว้ในคุกจนรุ่งขึ้น เพราะว่าเป็นเวลาเย็นแล้ว. 4 แต่คนเป็นอันมากที่ได้ฟังคำสอนนั้นก็เชื่อ จึงเพิ่มจำนวนขึ้นจนนับแต่ผู้ชายได้ประมาณห้าพันคน โดยพระเยซูคนป่วยได้หายเป็นปกติ 5 ครั้นรุ่งขึ้นผู้ครอบครองทั้งหลายกับผู้เฒ่าและจำพวกอาลักษณ์ได้ประชุมกันในกรุงยะรูซาเลม 6 ทั้งอันนาศมหาปุโรหิตและกายะฟา, โยฮัน, อาเล็กซันดะโร, กับบรรดาคนที่เป็นญาติของมหาปุโรหิตนั้นด้วย. 7 เมื่อเขาให้เปโตรและโยฮันยืนอยู่ท่ามกลางเขาแล้ว จึงถามว่า, “ท่านทั้งสองได้กระทำการนี้โดยฤทธิ์หรือในนามของผู้ใด?” 8 ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงกล่าวแก่เขาว่า, “ดูก่อน ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและผู้เฒ่าทั้งหลาย, 9 วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายจะถามข้าพเจ้าถึงการคุณซึ่งได้กระทำแก่คนป่วยนี้ว่าเขาหายเป็นปกติโดยเหตุอะไร, 10 ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาพลยิศราเอลทราบเถิดว่า. โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ, ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์, โดยพระองค์นั้นคนป่วยนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลายได้หายเป็นปกติ. 11 พระองค์นั้นแหละเป็น ศิลาที่ท่านทั้งหลายผู้เป็นช่างก่อได้ประมาทไม่ยอมใช้แล้ว, แต่ผู้นั้นยังตั้งเป็นหัวมุมอยู่. 12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งเป็นที่รอดแก่เราทั้งหลายไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า.” เขาขู่ทั้งสองคนอย่างแข็งแรง 13 เมื่อเขาได้เห็นความกล้าหาญของเปโตรกับโยฮัน และรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นผู้มีความรู้น้อยและมิได้เล่าเรียนมาก ก็ประหลาดใจ. จึงสำนึกว่าคนทั้งสองนั้นอยู่ชินกับพระเยซูมาแล้ว. 14 เมื่อเขาได้เห็นคนที่หายโรคนั้นยืนอยู่กับเปโตรและโยฮัน เขาก็ไม่มีข้อที่จะกล่าวคัดค้านได้. 15 แต่เมื่อเขาได้สั่งให้เปโตรและโยฮันออกไปจากที่ประชุมแล้วเขาจึงปรึกษากัน 16 ว่า, “เราจะทำอย่างไรแก่สองคนนี้? เพราะที่เขาได้กระทำเป็นนิมิตต์อันประหลาดก็ย่อมปรากฏแก่คนทั้งปวงที่อยู่ในกรุงยะรูซาเลมแล้วและเราปฏิเสธไม่ได้. 17 แต่ให้เราขู่เขาอย่างแข็งแรง ห้ามไม่ให้พูดออกชื่อนั้นกับผู้หนึ่งผู้ใดเลย, เพื่อเรื่องนี้จะไม่ได้เลื่องลือแพร่หลายไปในหมู่คนทั้งปวง.” 18 เขาจึงได้เรียกเปโตรและโยฮันมาห้ามปรามเด็ดขาด มิให้พูดหรือสอนในพระนามของพระเยซูอีกเลย, 19 ฝ่ายเปโตรและโยฮันได้ตอบเขาว่า “จำเพาะพระพักตรพระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังคำของพวกท่านหรือควรจะเชื่อฟังคำพระเจ้า? ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูเถิด 20 ด้วยว่าข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่ได้เห็นและได้ยินนั้นก็หามิได้.” 21 เมื่อเขาขู่สำทับท่านทั้งสองนั้นอีกแล้ว ก็ปล่อยไป, ไม่เห็นมีเหตุที่จะทำโทษท่านอย่างไรเพราะเกรงกลัวคนทั้งปวง, ด้วยว่าคนทั้งหลายได้ขอบพระคุณสรรเสริญพระเจ้าเพราะเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นนั้น. 22 ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยการอัศจรรย์นั้นมีอายุได้สี่สิบปีเศษแล้ว 23 เมื่อเขาได้ปล่อยท่านทั้งสองแล้ว, ท่านจึงไปหาจำพวกของท่าน เล่าถึงข้อความทั้งสิ้นซึ่งพวกปุโรหิตใหญ่และผู้เฒ่าได้ว่าแก่ท่าน. 24 เมื่อเขาทั้งหลายได้ฟังจึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงสรรเสริญพระเจ้าว่า, “ข้าแต่พระเจ้า, พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้า, แผ่นดิน, ทะเล, และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น. 25 พระองค์ได้ตรัสไว้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยปากของดาวิดบรรพบุรุษของเรา ผู้รับใช้ของพระองค์ว่า, เหตุไฉนพวกต่างประเทศจงกระทำโกลาหลขึ้น, และชนประเทศต่างๆ คิดอ่านในการที่ไร้ประโยชน์? 26 กษัตริย์ทั้งหลายในแผ่นดินโลกได้ตั้งตน, และเจ้านายทั้งหลายประชุมพร้อมกันต่อสู้พระเจ้าและต่อสู้พระคริสต์ของพระองค์ 27 แท้จริงในเมืองนี้ ทั้งเฮโรดและปนเตียวปีลาตกับจำพวกต่างประเทศและพวกยิศราเอลได้ประชุมกันต่อสู้พระเยซูพระบุตรผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงชะโลมไว้แล้ว. 28 เพื่อจะให้สิ่งสารพัตรสำเร็จโดยพระหัตถ์และพระดำริของพระองค์ที่ได้ตรัสไว้แต่ก่อนนั้น. 29 บัดนี้พระองค์เจ้าข้า, ขอโปรดทอดพระเนตรการขู่ของเขา, และโปรดประทานให้ผู้ทาสของพระองค์กล่าวถ้อยคำของพระองค์ด้วยใจกล้า, 30 เมื่อพระองค์ได้ทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออกรักษาโรคให้หาย, และได้โปรดให้นิมิตต์กับการอัศจรรย์บังเกิดขึ้นโดยพระนามแห่งพระเยซูพระบุตรผู้บริสุทธิ์ของพระองค์” 31 เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว, ที่ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้หวั่นไหว, และชนทั้งหลายประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวคำของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ อัครสาวกประกอบด้วยฤทธิ์เดชใหญ่ยิ่ง 32 คนทั้งปวงที่เชื่อนั้นก็มีใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน, และไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของซึ่งมีอยู่นั้นเป็นของๆ ตนแต่ของทั้งหมดเป็นของกลาง. 33 อัครสาวกจึงประกอบด้วยฤทธิ์เดชใหญ่ยิ่ง, และได้เป็นพะยานว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงคืนพระชนม์แล้ว และพระคุณอันใหญ่ยิ่งได้อยู่กับเขาทุกคน. 34 ด้วยว่าในจำพวกสานุศิษย์ไม่มีผู้ใดขัดสน เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดมีไร่นาบ้านเรือนก็ได้ขายเสีย, 35 และได้นำเงินค่าสิ่งของที่ขายไปนั้นมาวางไว้ที่เท้าของอัครสาวกๆ จึงแจกจ่ายให้ทุกคนตามที่ต้องการ 36 ฝ่ายโยเซฟที่อัครสาวกเรียกว่า บาระนาบา, แปลว่าลูกแห่งการหนุนน้ำใจ, เป็นตระกูลเลวีชาวเกาะกุบโร, 37 มีที่ดินก็ขายเสียและได้นำเงินค่าที่นั้นมาวางไว้ที่เท้ารองอัครสาวก |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society