กิจการ 27 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940เปาโลจะต้องไปยังประเทศอิตาลี 1 ครั้นตั้งใจว่าพวกเราจะต้องไปยังประเทศอิตาลี, เขาจึงมอบเปาโลกับคนอื่นบางคนที่ถูกขังอยู่ไว้กับนายร้อยคนหนึ่งชื่อยูเลียว, เป็นนายทหารในกองของออฆูซะโต. 2 เราทั้งหลายจึงลงเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอัดรามูไตอัม, ซึ่งจะออกไปยังตำบลที่อยู่ตามฝั่งมณฑลอาเซียเรือก็ออกทะเล. มีคนหนึ่งชื่ออาริศตาโคชาวมากะโดเนียซึ่งมาจากเมืองเธซะโลนิเกไปด้วยกันกับเรา. 3 วันรุ่งขึ้นเราได้แวะที่เมืองซีโดน. ฝ่ายยูเลียวมีใจเมตตาปราณีแก่เปาโล, ยอมให้ไปหามิตรสหายทั้งหลายเพื่อจะได้บรรเทาใจ. 4 ครั้นเรือออกจากที่นั่นแล้ว, จึงแล่นเลียบเกาะกุบโรไปเพราะทวนลม. 5 เมื่อแล่นข้ามทะเลที่อยู่ที่ตรงมณฑลกิลิเกียกับมณฑลปัมฟูเลีย, ก็มาถึงเมืองมุราที่อยู่ในมณฑลลุเกีย. 6 ที่เมืองนั้นนายร้อยได้พบเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอาเล็กซันดะเรียซึ่งจะไปยังประเทศอิตาลี, ท่านจึงให้พวกเราลงเรือลำนั้น. 7 เราแล่นไปช้าๆ หลายวันและได้มาถึงเมืองกะนิโดโดยยาก เมื่อจะแล่นทวนลมต่อไปไม่ไหว, เราจึงแล่นเข้าท้ายเกาะเกรเต ตรงเมืองซัลโมเน. 8 เมื่อเรือได้เดินตามฝั่งเกาะนั้นโดยความยากลำบาก, เราจึงมายังตำบลหนึ่งชื่อว่า ท่างาม เมืองลาซายะอยู่ใกล้ที่นั้น 9 ครั้นเสียเวลาไม่มากแล้ว, และการที่จะเดินเรือก็เป็นที่น่ากลัว เพราะเวลาที่เขาถือศีลอดอาหารผ่านไปแล้ว, เปาโลจึงเตือนสติคนทั้งหลาย 10 ว่า, “ดูก่อนท่านทั้งหลาย, ข้าพเจ้าเห็นว่าซึ่งเราจะแล่นไปคราวนี้จะมีอันตรายและเสียหายมาก, มิใช่แต่ของบรรทุกกับเรือกำปั่นเท่านั้น, แต่จะเสียชีวิตของเราทั้งหลายด้วย. 11 แต่นายร้อยเชื่อกัปตันและเจ้าของกำปั่นมากกว่าเชื่อคำที่เปาโลกล่าวนั้น. 12 เพราะว่าท่างามนั้นไม่เหมาะพอที่จะจอดอยู่ในฤดูหนาว คนเป็นอันมากจึงได้เตือนให้ออกทะเลไปจากที่นั่น, เพื่อถ้าเป็นได้จะได้ไม่ให้ถึงเมืองฟอยนิเก, แล้วจะจอดอยู่ที่นั่นตลอดฤดูหนาว, เมืองฟอยนิเกนั้นเป็นท่าเรือแห่งเกาะเกรเต สำหรับจอดกำบังลมหันหน้าไปหางทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับเฉียงใต้ เรือกำปั่นถูกลมพายุใหญ่ 13 เมื่อลมทิศใต้พัดมาเบาๆ เขาก็คิดว่าสมความปรารถนาแล้ว, จึงถอนสมอแล่นเลียบฝั่งไปตามเกาะเกรเต. 14 แต่แล่นไปไม่ช้าเรือกำปั่นก็ถูกลมพายุกล้าทีเรียกว่ายุระกิโล. 15 ครั้นเรือกำปั่นถูกพายุต้านลมไม่ไหว, เราจึงปล่อยไปตามลม. 16 เมื่อเรือถูกชัดมายังเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อว่าเกาเด, เราจึงยกเรือเล็กขึ้นผูกไว้ได้แต่มีความลำบากมาก. 17 เมื่อยกเรือขึ้นแล้ว, เราก็เอาเชือกผูกโอบรอบเรือกำปั่นไว้ และเพราะกลัวว่าจะเกยหาดทราย, จึงลดใบลงแล้วก็ปล่อยให้ชัดไปชัดมาอย่างนั้น. 18 ครั้นรุ่งขึ้นเขาก็ขนของบรรทุกทิ้งเสีย, เพราะถูกพายุใหญ่. 19 พอถึงวันที่สามเราก็ทิ้งเครื่องใช้ในเรือกำปั่นออกเสียด้วยมือของเราเอง. 20 เมื่อไม่เห็นดวงอาทิตย์หรือดวงดาวหลายวันแล้ว, และยังถูกพายุใหญ่อยู่, ความหวังที่จะรอดนั้นก็ล้มละลายไป ทูตองค์หนึ่งได้มายืนอยู่ใกล้ 21 ครั้นเขาต้องอดอาหารมานานแล้ว, เปาโลจึงยืนขึ้นท่ามกลางเขากล่าวว่า, “ดูก่อนท่านทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายควรได้ฟังข้าพเจ้า และไม่ควรได้ออกจากเกาะเกรเตนั้นเลย, จึงจะได้พ้นจากอันตรายนี้และไม่เสียสิ่งของ. 22 บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายให้มีใจชื่นบาน ด้วยว่าในพวกท่านจะไม่มีผู้ใดเสียชิวิต, จะเสียก็แต่เรือกำปั่นเท่านั้น. 23 เพราะว่าเมื่อคืนนี้ทูตองค์หนึ่งของพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าได้ปฏิบัตินั้นได้มายืนอยู่ใกล้ข้าพเจ้า 24 กล่าวว่า. ‘เปาโลเอ๋ย, อย่ากลัวเลย ท่านจะต้องยืนอยู่ต่อหน้ากายะซา. ส่วนคนทั้งปวงที่อยู่ในเรือกับท่านนั้น, พระเจ้าจะทรงโปรดให้รอดตายเพราะเห็นแก่ท่าน.’ 25 ดูก่อนท่านทั้งหลาย, เพราะฉะนั้นจงชื่นใจเถิด ด้วยข้าพเจ้าเชื่อพระเจ้าว่าการณ์จะเป็นไปเหมือนอย่างพระองค์ได้ทรงกล่าวแก่ข้าพเจ้านั้น. 26 แต่ว่าเราจะต้องถูกชัดทิ้งไว้ที่เกาะแห่งหนึ่ง.” 27 แต่ครั้นถึงคืนวันที่สิบสี่แล้ว, เรายังถูกชัดไปชัดมาในทะเลอัดเรีย ประมาณเที่ยงคืนพวกกะลาสีก็สำคัญว่ามาใกล้เมืองแห่งหนึ่ง. 28 ครั้นหยั่งน้ำได้ลึกถึงยี่สิบวา เมื่อไปอีกหน่อยหนึ่งก็หยั่งน้ำได้ลึกสิบห้าวา. 29 เขาก็กลัวว่าจะโดนฝั่งที่มีหิน, จึงทอดสมอท้ายสี่ตัว, แล้วตั้งหน้าคอยเวลารุ่งเช้า. 30 เมื่อพวกกะลาสีหาช่องจะหนีจากกำปั่น, และได้หย่อนเรือเล็กลงที่ทะเลแล้ว, ทำทีว่าจะทอดสมอจากหัวเรือ, 31 เปาโลจึงกล่าวแก่นายร้อยและพวกทหารว่า, “ถ้าคนเหล่านั้นไม่คงอยู่ในกำปั่น, ท่านทั้งหลายจะรอดตายไม่ได้เลย.” 32 พวกทหารจึงตัดเชือกที่ผูกเรือเล็กให้เรือตกลงไป 33 เมื่อจวนรุ่งเช้า เปาโลจึงเตือนคนทั้งปวงให้รับประทานอาหารและกล่าวว่า, “วันนี้เป็นวันที่สิบสี่ที่ท่านทั้งหลายต้องค้างอยู่ในเรือและอดอยากมิเป็นอันได้รับประทาน. 34 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอวิงวอนท่านทั้งหลายให้รับประทานอาหารเสียบ้าง, เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะผมขอไผู้หนึ่งผู้ใดในพวกท่านจะไม่เสียไปสักเส้นเดียว.” 35 ครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านจึงหยิบขนมปังขอบพระเดชพระคุณพระเจ้าต่อหน้าคนทั้งปวง, แล้วก็หักรับประทาน. 36 คนทั้งปวงก็ชื่นใจขึ้นจึงรับประทานอาหารด้วย. 37 เราทั้งปวงที่อยู่ในกำปั่นนั้นรวมสองร้อยเจ็ดสิบหกคน. 38 เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว, จึงขนข้าวสาลีในกำปั่นทิ้งเสียในทะเลเพื่อให้กำปั่นเบาขึ้น เขาถึงฝั่งรอดตายสิ้นทุกคน 39 ครั้นสว่างแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นที่อะไร, แต่เขาเห็นอ่าวแห่งหนึ่งที่มีหาด, จึงได้หารือกันว่า จะให้เรือเข้าเกยหาดนั้นได้หรือไม่. 40 เขาจึงตัดสายสมอทิ้งเสียในทะเล, แล้วก็แก้เชื่อที่มีมัดหางเสือ, และชักใบหัวเรือขึ้นให้กินลมแล่นตรงเข้าไปหาฝั่ง. 41 แต่ครั้นมาถึงตำบลหนึ่งที่ทะเลสองข้างบรรจบกัน, กำปั่นก็เกยดิน, หัวเรือติดแน่นออกไม่ได้, แต่ท้ายเรือนั้นก็แตกออกด้วยกำลังคลื่น. 42 พวกทหารปรึกษากันว่าให้ฆ่านักโทษทั้งหลายเสีย, กลัวว่าจะมีผู้ใดว่ายน้ำหนีไปได้. 43 แต่นายร้อยปรารถนาจะให้เปาโลรอดตาย, จึงห้ามพวกทหารมิให้ทำตามความคิดนั้น แล้วสั่งคนทั้งหลายที่ว่ายน้ำเป็นให้กะโดดน้ำว่ายไปหาฝั่งก่อน. 44 ฝ่ายคนทั้งหลายที่เหลือนั้นก็เกาะกะดานไปบ้าง, เกาะไม้กำปั่นที่หักไปบ้าง. ด้งนั้นเขาทั้งหลายก็ถึงฝั่งรอดตายสิ้นทุกคน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society