กิจการ 2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940อัครสาวกได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ 1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคศเตมาถึงแล้ว, จำพวกศิษย์ทั้งหลายจึงรวมกันอยู่ที่แห่งเดียว. 2 ในทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสนั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งกันอยู่นั้น. 3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขา, แล้วกระจายออกไปอยู่บนเขาสิ้นทุกคน. 4 เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์, จึงตั้งต้นพูดภาษาต่างๆ ตามที่พระวิญญาณได้ทรงโปรดให้พูด ต่างคนต่างได้ยินเขาพูดภาษาของตนเอง 5 ขณะนั้นมีพวกยูดายซึ่งเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้ามาจากทุกประเทศทั่วใต้ฟ้าอาศัยอยู่ในกรุงยะรูซาเลม. 6 เมื่อเขาได้ยินเสียงดังนั้น ประชาชนจึงพากันมาประชุม และมีความประหลาดใจนัก, เพราะต่างคนต่างได้ยินเขาพูดภาษาของตนเอง. 7 คนทั้งปวงจึงพากันประหลาดและอัศจรรย์ใจพูดว่า, “ดูแน่ะ, คนทั้งหลายที่พูดกันนั้นเป็นชาวฆาลิลายทุกคนไม่ใช่หรือ 8 เหตุไฉนเราทุกคนได้ยินเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา? 9 เช่นชาวปาเธียและมาดาย, ชาวเอลามและคนที่อยู่ในประเทศเมโซปะดาเมีย และมณฑลยูดาย และประเทศกัปปะโดเกีย, ในมณฑลปนโตและอาเซีย, 10 ในมณฑลฟรูเกีย, มณฑลปัมฟูเลียและประเทศอายฆุปโต, ในแว่นแคว้นประเทศลิบูเอต่อกันกับประเทศกุเรเน, และคนมาจากกรุงโรม ทั้งชาติยูดายกับคนเข้าจารีตยูดาย, 11 ชาวเกาะเกรเตและชาวประเทศอะราเบีย เราทั้งหลายก็ได้ยินชนเหล่านี้กล่าวถึงการอิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า ในภาษาของเราเอง” 12 เขาทั้งหลายจึงอัศจรรย์ใจและมีความสงสัย พูดกันและกันว่า “นี้อะไรกัน?” 13 แต่ลางคนเยาะเย้ยว่า, “คนเหล่านั้นเมาเหล้าองุ่นใหม่.” เปโตรเทศนาให้ชาวยะรูซาเลมฟัง 14 ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้นกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน, และได้กล่าวด้วยเสียงอันดังแก่คนทั้งปวงว่า, “ดูก่อนท่านชาวยูดายและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงยะรูซาเลม, จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด. 15 ด้วยว่าคนเหล่านี้มิได้เมาเหล้าองุ่นเหนือนอย่างท่านคิดนั้น, เพราะว่าเป็นแต่สามโมงเช้า 16 แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามคำซึ่งโยเอลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้ว่า 17 พระเจ้าได้ตรัสว่า, “ในเวลาที่สุดเราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราโปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง บุตราบุตรีของท่านทั้งหลายจะกล่าวคำพยากรณ์, คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิตต์, และคนแก่จะฝันเห็น 18 ในคราวนั้น เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราบนทาสาทาสีของเรา, และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์. 19 เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในอากาศเบื้องบน, และนิมิตต์ที่แผ่นดินเบื้องล่าง, เป็นเลือด, ไฟ และไอควัน 20 ดวงอาทิตย์จะกลายมืดไป, และดวงจันทร์จะกลับเป็นเลือด, ก่อนถึงวันใหญ่นั้นคือวันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า 21 และจะเป็นเช่นนี้คือ ทุกคนซึ่งได้ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด.’ 22 ดูก่อนท่านทั้งหลายชาติยิศราเอล, จงฟังถ้อยคำเหล่านี้เถิด คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดชี้แจงให้ท่านทั้งหลายทราบแล้วโดยอิทธิฤทธิ์, การอัศจรรย์และศุภนิมิตต์ต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยพระองค์นั้น ท่ามกลางท่านทั้งหลาย เหมือนท่านทราบอยู่แล้ว 23 พระเยซูนี้ถูกมอบไว้ตามซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริแน่นอนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว, ท่านทั้งหลายได้ให้คนใจอำมหิตจับพระองค์ไปตรึงที่กางเขนและประหารเสีย. 24 พระองค์นั้นพระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์, ด้วยทรงเปลื้องปลดเครื่องจำจองแห่งความตายเสีย เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์ไว้ก็หามิได้. 25 เพราะกษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงพระองค์ไว้ว่า, ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเป็นนิตย์ เพราะว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ข้างมือขวาของข้าพเจ้า. เพื่อข้าพเจ้าจะมิได้สะเทือนสะท้านไป 26 เหตุฉะนั้นใจข้าพเจ้าจึงชื่นชม, ลิ้นข้าพเจ้าจึงยินดี, และเนื้อข้าพเจ้าจะพักพิงอยู่ในความไว้ใจ 27 เพราะว่าพระองค์จะไม่ทิ้งจิตต์วิญญาณข้าพเจ้าไว้ในเมืองผี, ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป. 28 พระองค์ได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าทราบทางแห่งชีวิตแล้ว พระองค์จะทรงโปรดให้ข้าพเจ้าเต็มบริบูรณ์ไปด้วยความยินดีฉะเพาะพระพักตรของพระองค์ พระเยซูเป็นพระคริสต์ 29 ท่านพี่น้องทั้งหลาย, ข้าพเจ้ามีใจกล้ากล่าวแก่ท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุพของเราว่า, ท่านต้องสิ้นพระชนม์แล้วถูกฝังไว้, และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้. 30 ท่านเป็นศาสดาพยากรณ์, และได้ทราบว่าพระเจ้าได้ตรัสสัญญาไว้แก่ท่านด้วยคำปฏิญาณว่า, พระองค์จะทรงประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้ประทับบนพระที่นั่งของท่าน 31 กษัตริย์ดาวิดก็ล่วงรู้เหตุนี้ก่อน, จึงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า วิญญาณจิตต์ของพระองค์ไม่ต้องละไว้ในเมืองผี, ทั้งพระมังสะของพระองค์ก็ไม่เปื่อยเน่าไป. 32 พระเยซูนี้พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์แล้วข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพะยานด้วยเหตุการณ์นี้. 33 เหตุฉะนั้นเมื่อพระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์ขึ้น, และครั้นพระองค์ได้ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามคำทรงสัญญา, พระองค์ได้ทรงเทฤทธิ์เดชนี้ลงมา ตามซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินและได้เห็นแล้ว. 34 เหตุว่าท่านดาวิดยังไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์, แต่ท่านเองได้ตรัสว่า, พระยะโฮวาเจ้าได้ตรัสแก่พระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าว่า. ‘จงนั่งข้างขวาของเรา. 35 กว่าเราจะปราบศัตรูทั้งหลายของท่านให้อยู่ให้พระบาทท่าน.” 36 เหตุฉะนั้น ให้ชาติยิศราเอลทั้งปวงทราบแน่นอนว่า, พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซูนี้ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน ตั้งขึ้นให้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์.” มีคนเข้าเป็นสาวกสามพันคน 37 เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลบปลาบใจ, จึงกล่าวแก่เปโตรและอัครสาวกอื่นว่า, “พี่น้องเอ๋ย, เราจะทำอย่างไร?” 38 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า “จงกลับใจเสียใหม่และริบบัพติศมาในนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคน, เพื่อความผิดบาปของท่านจะทรงยกเสีย แล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์. 39 ด้วยว่าคำที่ตรัสสัญญานั้นได้แก่ท่านทั้งหลายกับลูกหลานของท่านด้วย, และแก่คนทั้งหลายที่อยู่ไกล, คือทุกคนที่พระเจ้าของเราจะทรงเรียกมาเฝ้าพระองค์.” 40 เปโตรจึงอ้างพะยานด้วยคำอื่นหลายคำ และได้เตือนสติเขาว่า, “จงเอาตัวรอดจากคนชาติทุจจริตนี้เถิด.” 41 ฝ่ายชนทั้งหลายซึ่งได้รับคำของเปโตรก็รับบัพติศมา และในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน. 42 เขาทั้งหลายได้ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวก, และร่วมใจกันในการหักขนมปังและการอธิษฐาน 43 เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน, และจำพวกอัครสาวกได้กระทำการอัศจรรย์และนิมิตต์หลายประการ. 44 บรรดาผู้ที่เชื่อถือนั้นได้อยู่พร้อมแห่งเดียวกัน, และทรัพย์สิ่งของๆ เขาเหล่านั้นได้เอามารวมกันเป็นของกลาง 45 เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของมาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ, 46 และได้ตั้งมั่นคงร่วมใจกันอยู่ในโบสถ์ทุกๆ วัน, และหักขนมปังตามบ้านเขา, เขาจึงได้รับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจสัตย์ซื่อ, 47 ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและเป็นที่ชอบต่อคนทั้งปวง. ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะพ้นจากความผิดบาปของตนมาเข้ากับจำพวกสาวกทวีขึ้นทุกวันๆ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society