กิจการ 13 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940บาระนาบาและเซาโลได้รับใช้จากพระวิญญาณ 1 คราวนั้นในคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันติโอเกีย มีลางคนที่เป็นผู้พยากรณ์และอาจารย์ คือบาระนาบา, ซิมโอนทีเรียกว่านิเกร์. กับลูกีโอชาวเมืองกุเรเน, มะนาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเทศาภิบาล, และเซาโล. 2 เมื่อคนเหล่านั้นกำลังนมัสการพระเจ้าและถือศีลอดอาหาร, พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสสั่งว่า, “จงเลือกบาระนาบากับเซาโลตั้งไว้สำหรับการซึ่งเราจะเรียกให้เขาทำนั้น.” 3 เมื่อถือศีลอดอาหารและอธิษฐานแล้วจึงวางมือบนบาระนาบากับเซาโล, แล้วก็ใช้ท่านไป ความมืดมัวบังเกิดแก่เอลุมา 4 เหตุฉะนั้นท่านทั้งสองที่ได้รับใช้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงลงไปยังเมืองเซลูเกีย, และได้แล่นเรือจากที่นั่นไปยังเกาะกุบโร. 5 ครั้นมาถึงเมืองซะลามิ, ท่านได้ประกาศคำของพระเจ้าในธรรมศาลาของพวกยูดาย โยฮันก็อยู่ช่วยท่านด้วย. 6 เมื่อได้เดินตลอดเกาะนั้นไปถึงเมืองปาโฟแล้ว, ก็ได้พบคนหนึ่งเป็นคนทำเล่ห์กล. เป็นผู้ทำนายเท็จ, เป็นคนชาติยูดายชื่อว่าบาระเยซู, 7 อยู่กับผู้ว่าราชการเมืองชื่อเซระเฆียวเปาโลซึ่งเป็นผู้มีความรู้. ผู้ว่าราชการเมืองจึงได้เชิญบาระนาบากับเซาโลมา ปรารถนาจะฟังพระคำของพระเจ้า. 8 แต่คนทำเล่ห์กลชื่อเอลุมา ซึ่งแปลว่าคนทำเล่ห์กลนั้นได้คัดค้านขัดขวางบาระนาบากับเซาโล, หวังจะไม่ให้ผู้ว่าราชการเมืองเชื่อ. 9 แต่เซาโลผู้มีชื่ออีกว่าเปาโลประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เขม้นดูเอลุมา 10 และพูดว่า, “เจ้าเป็นคนเต็มไปด้วยอุบายและใจร้ายทุกอย่าง, ลูกของซาตาน, เป็นศัตรูต่อบรรดาความชอบธรรม, เจ้าจะไม่หยุดพยายามทำทางตรงของพระเจ้าให้เขวไปหรือ 11 นี่แน่ะ พระหัตถ์ของพระเจ้าจะลงโทษเจ้า, เจ้าจะเป็นคนตามืดไม่เห็นดวงอาทิตย์จนถึงเวลากำหนด. บัดเดี๋ยวนั้น ความมืดมัวก็บังเกิดแก่เอลุมา, เอลุมาจึงคลำหาคนให้จูงมือไป. 12 ครั้นผู้ว่าราชการเมืองได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจึงเชื่อถือ และอัศจรรย์ใจด้วยพระคำของพระเจ้า 13 ฝ่ายเปาโลกับพวกของท่านก็แล่นเรือออกจากเมืองปาโฟ ไปยังเมืองเประเฆในมณฑลปัมฟีเลีย. ฝ่ายโยฮันได้ละพวกนั้นไว้, แล้วกลับมายังกรุงยะรูซาเลม. 14 แต่พวกนั้นเดินทางต่อไปจากเมืองเประเฆถึงเมืองอันติโอเกียในมณฑลปิซิเดีย, แล้วได้เข้าไปนั่งลงในธรรมศาลาในวันซะบาโต. 15 เมื่ออ่านพระบัญญัติกับคำของศาสดาพยากรณ์แล้ว, นายธรรมศาลาจึงใช้คนไปบอกบาระนาบากับเปาโลว่า, “พี่น้องเอ่ย, ถ้าท่านมีคำกล่าวเตือนสติแก่คนทั้งปวงก็เชิญกล่าวไปเถิด.” 16 ฝ่ายเปาโลจึงยืนขึ้นโบกมือแล้วกล่าวว่า, “ท่านที่เป็นชาติยิศราเอลและท่านทั้งหลายที่เกรงกลัวพระเจ้า, จงฟังเถิด พระเจ้าทรงโปรดให้ผู้ช่วยคือพระเยซู 17 พระเจ้าของชนชาติยิศราเอลนี้ ได้ทรงเลือกบรรพบุรุษของเราไว้, และได้บันดาลให้เขาเจริญขึ้นเมื่อยังเป็นแยกเมืองในประเทศอายฆุปโต, และได้ทรงนำเขาออกจากประเทศนั้น ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ 18 พระองค์ได้ทรงอดทนบำรุงเลี้ยงเขาในป่าประมาณสี่สิบปี. 19 เมื่อพระองค์ได้ทรงล้างผลาญคนทั้งเจ็ดประเทศออกเสียจากแผ่นดินคะนาอันแล้ว, พระองค์ได้ทรงแบ่งแผ่นดินของพวกเหล่านั้นประทานเป็นมฤดกให้บรรพบุรุษของเราอยู่ประมาณสี่ร้อยห้าสิบปี. 20 ภายหลังเหตุการณ์นั้นพระองค์ทรงประทานพวกผู้วินิจฉัยแก่เขาจนถึงซะมูเอลศาสดาพยากรณ์. 21 คราวนั้นเขาทั้งหลายได้ขอให้มีกษัตริย์, พระเจ้าจึงได้ทรงประทานซาอูลบุตรคิศจากตระกูลเป็นยามินให้เป็นกษัตริย์ครบสี่สิบปี. 22 ครั้นถอดซาอูลแล้วพระองค์ได้ทรงตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของเขา, และทรงเป็นพะยานกล่าวถึงดาวิดว่า, เราได้พบดาวิดบุตรของยิซัย, เป็นคนที่พอใจเรา, เป็นผู้จะกระทำให้ความประสงค์ของเราสำเร็จทุกประการ.’ 23 พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ช่วยให้รอดคือพระเยซูเกิดขึ้นแก่ชาติยิศราเอลจากเผ่าพันธุ์ของดาวิดนั้นตามคำปฏิญาณของพระองค์. 24 ก่อนที่พระองค์นั้นได้เสด็จมาโยฮันได้ประกาศบัพติศมาให้บรรดาพวกยิศราเอลกลับใจเสียใหม่. 25 เมื่อเวลาที่โยฮันทำการตามหน้าที่ของตนเกือบสำเร็จจึงถามว่า. ‘ท่านทั้งหลายคิดเห็นว่าข้าพเจ้าคือผู้ใด? ข้าพเจ้าเป็นพระองค์นั้นก็หามิได้ แต่นี่แน่ะ, จะมีท่านองค์หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์นั้นก็ไม่สมควร.’ โดยพระองค์ทุกคนที่เชื่อจะพ้นโทษได้ 26 ดูก่อนท่านพี่น้องทั้งหลายผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของอับราฮาม และคนทั้งหลายในพวกท่านซึ่งเกรงกลัวพระเจ้า, คำกล่าวเรื่องทางรอดนี้ได้ทรงประทานมาถึงเราทั้งหลายแล้ว. 27 ฝ่ายชาวกรุงยะรูซาเลมกับพวกขุนนางมิได้รู้จักพระองค์นั้น หรือคำของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายซึ่งเคยอ่านกันทุกวันซะบาโต, จึงได้กระทำให้คำเหล่านั้นสำเร็จโดยปรับโทษพระองค์. 28 ถึงแม้ว่ามิได้เห็นความผิดประการใดในพระองค์ที่ควรจะให้ตาย, พวกท่านยังขอปีลาตให้ประหารพระองค์เสีย. 29 ครั้นได้กระทำจนสำเร็จทุกอย่างตามซึ่งได้เขียนไว้แล้วว่าด้วยพระองค์, เขาจึงเชิญพระศพของพระองค์ลงจากต้นไม้ไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์. 30 แต่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์คืนพระชนม์. 31 พระองค์ทรงปรากฏแก่คนทั้งหลายที่ตามพระองค์ จากมณฑลฆาลิลายไปยังกรุงยะรูซาเลมเป็นหลายวัน. บัดนี้คนเหล่านั้นเป็นพะยานฝ่ายพระองค์แก่คนทั้งหลาย. 32 เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งแก่ท่านทั้งหลายว่า คำสัญญานั้นซึ่งทรงประทานไว้แก่บรรพบุรุษของเรา 33 พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้สำเร็จแก่เรา ผู้เป็นลูกหลานของคนเหล่านั้น, คือในการที่พระองค์ทรงบันดาลให้พระเยซูกลับคืนพระชนม์, เหมือนมีคำเขียนใว้ในพระคัมภร์เพลงสดุดีบทที่สองว่า. ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราได้เป็นบิดาของท่านแล้ว. 34 และเพื่อให้เป็นพะยานว่า พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์คืนพระชนม์ มิให้กลับเปื่อยเน่าอีกเลย, พระองค์จึงได้ตรัสอย่างนี้ว่า, เราจะให้คำสัญญาอันบริสุทธิ์มั่นคง ซึ่งได้สัญญาไว้แก่ดาวิดนั้นสำเร็จแก่ท่าน. 35 เพราะพระองค์ตรัสไว้ในที่อื่นว่า. พระองค์จะไม่ให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์รู้จักเปื่อยเน่า. 36 ฝ่ายดาวิดเมื่อได้ปฏิบัติในคราวอายุของท่านตามพระทัยของพระเจ้า, และได้ล่วงหลับไปแล้ว และต้องฝังไว้กับบรรพบุรุษของท่านก็เปื่อยเน่าไป. 37 แต่พระองค์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงบันดาลให้เป็นขึ้นมานั้น มิได้รู้จักเปื่อยเน่าเลย. 38 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย, จงเข้าใจเถิดว่า โดยพระองค์นั้นแหละการยกความผิดจึงได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย, 39 และโดยพระองค์นั้นทุกคนที่เชื่อจะพ้นโทษได้ทุกอย่าง ซึ่งจะพ้นไม่ได้ตามบัญญัติของโมเซ. 40 เหตุฉะนั้นจงระวังให้ดี, เกลือกว่าคำซึ่งเหล่าศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้นั้นจะได้แก่ท่านทั้งหลาย, คือว่า 41 ดูก่อน เจ้าทั้งหลายผู้ประมาทหมิ่น เจ้าจะประหลาดใจและถึงพินาศ ด้วยว่าเรากระทำการในกาลสมัยของเจ้า, แต่แม้มีผู้มาอธิบายให้เจ้าฟัง, เจ้าก็ไม่เชื่อ.” 42 เมื่อท่านทั้งสองกำลังเดินออกไป, คนทั้งหลายก็อ้อนวอนท่านให้กล่าวคำเหล่านั้นให้เขาฟังอีกในวันซะบาโตหน้า. 43 ครั้นคนที่ประชุมกันนั้นต่างคนต่างไปจากธรรมศาลาแล้ว. พวกยูดายหลายคนกับคนเข้าจารีตที่เกรงกลัวพระเจ้าได้ตามเปาโลและบาระนาบาไป ท่านทั้งสองจึงตักเตือนให้เขาตั้งมั่นคงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า พวกยูดายคัดค้านคำเทศน์ของเปาโล 44 ครั้นถึงวันซะบาโตหน้า คนเกือบสิ้นทั้งเมืองได้ประชุมกันฟังพระคำของพระเจ้า. 45 แต่เมื่อพวกยูดายได้เห็นคนมากมายก็มีใจอิจฉาเป็นที่ยิ่ง, จึงได้พูดคัดค้านคำเทศน์ของเปาโลถึงกับกล่าวคำหยาบช้า. 46 ฝ่ายเปาโลกับบาระนาบามีใจกล้าได้กล่าวว่า, “จำเป็นที่จะต้องกล่าวพระคำของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายฟังก่อน แต่เมื่อท่านทั้งหลายได้ปัดเสีย และถือว่าไม่สมควรที่จะได้ชีวิตนิรันดร์, ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะบ่ายหน้าไปหาคนต่างชาติ. 47 ด้วยพระเจ้าได้ตรัสสั่งเราอย่างนี้ว่า, เราได้ตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างของคนต่างชาติ, เพื่อเจ้าจะเป็นเหตุให้คนทั้งหลายรอดถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก 48 ฝ่ายคนต่างชาติเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็มีความยินดี, และได้สรรเสริญพระคำของพระเจ้า และคนทั้งหลายที่ทรงเลือกไว้แล้วเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร์ก็ได้เชื่อถือ. 49 พระคำของพระเจ้าจึงแผ่ไปตลอดทั่วเขตต์แดนนั้น. 50 แต่พวกยูดายได้ยุยงพวกผู้หญิงผู้มีศักดิ์ซึ่งเป็นคนเคร่งในศาสนากับทั้งผู้ชายที่เป็นใหญ่ในเมืองนั้น ให้เคี่ยวเข็ญและไล่เปาโลกับบาระนาบาออกจากเมืองของเขา. 51 ฝ่ายเปาโลกับบาระนาบาจึงสะบัดผงคลีดินจากเท้าเป็นที่แสดงว่าไม่เห็นด้วย, แล้วก็ไปยังเมืองอิโกนิคัน. 52 แต่เหล่าสาวกก็เต็มไปด้วยความปิติยินดีและด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society