2ซามูเอล 19 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ฝ่ายโยอาบได้ยินข่าวว่ากษัตริย์ทรงพระกรรแสง, โทมนัสถึงอับซาโลม. 2 วันนั้นเป็นวันชัยชะนะก็กลับเป็นวันทุกข์โศรกแก่มหาชนทั้งปวง, ด้วยประชาชนได้ยินข่าวในวันนั้นว่า, กษัตริย์ทรงโทมนัสพระทัยถึงราชบุตร. 3 วันนั้นชาวชนทั้งปวงพากันลอบเข้าไปในเมืองดุจที่ต้องแพ้หนีข้าศึก. 4 ฝ่ายกษัตริย์ก็ปิดพระพักตรเสีย, ทรงพระกรรแสง, ด้วยสุรเสียงดังว่า, โอ้อับซาโลม, อับซาโลมลูกของเราเอ๋ย! 5 โยอาบเข้ามาเฝ้ากษัตริย์ในพระราชมณเฑียร, ทูลว่า, วันนี้พระองค์ได้ทรงกระทำให้บรรดาข้าราชการ, ผู้ที่รักษาพระชนม์ของพระองค์, ทั้งราชบุตร, และราชธิดา, มเหษีและนางสนมของพระองค์, มีความละอาย; 6 เพราะท่านทรงรักศัตรูและเกลียดชังมิตรสหายของพระองค์. ด้วยวันนี้พระองค์ทรงแสดงว่าไม่ทรงระลึกถึงเจ้านายหรือข้าราชการ, ข้าพเจ้าทราบแล้วว่า, ถ้าอับซาโลมยังทรงพระชนม์อยู่แม้พวกข้าพเจ้าถึงพินาศวันนี้ทั้งสิ้น, ก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์. 7 ขอเชิญพระองค์เสด็จออกไปเล้าโลมใจข้าราชการเถิด, ถ้าไม่เสด็จข้าพเจ้าให้สัตย์สาบานต่อพระยะโฮวาว่า, คนนี้จะหามีใครอยู่ด้วยพระองค์สักคนเดียวไม่: ด้วยเหตุนี้จะร้ายยิ่งกว่าบรรดาเหตุร้ายซึ่งมีแก่พระองค์, ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนถึงบัดนี้. 8 กษัตริย์จึงเสด็จไปประทับที่ประตูเมือง. จึงมีคำประกาศแก่มหาชนทั้งปวงว่ากษัตริย์ประทับอยู่ที่ประตูเมือง, บรรดาประชาชนจึงเข้ามาเฝ้า. ส่วนชนยิศราเอลต่างคนต่างก็หนีไปกะท่อมของตน, 9 ชนทั้งปวงเกิดความวิวาทกันทั่วตระกูลยิศราเอลว่า, กษัตริย์ได้ทรงช่วยเราได้พ้นมือข้าศึก, คือพ้นมือฟะลิศตีม, บัดนี้ก็เสด็จหนีจากอับซาโลม. พ้นจากราชอาณาเขตต์แล้ว. 10 ส่วนอับซาโลม, ที่เราชะโลมให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินก็สิ้นพระชนม์แล้วในการศึก. เหตุไฉนท่านทั้งหลายจึงนิ่งอยู่, ไม่เชิญกษัตริย์ให้เสด็จกลับมา? 11 กษัตริย์ดาวิดใช้คนไปหาซาโดคกับอะบีอาธารปุโรหิตว่า, จงบอกผู้เฒ่าผู้แก่ตระกูลยูดาว่า, ทำไมท่านทั้งหลายจึงเป็นผู้เนิ่นช้ากว่าคนทั้งปวงในการอันเชิญกษัตริย์ให้กลับราชวัง? ด้วยบรรดาชนยิศราเอลทูลเชิญแล้ว. 12 ท่านทั้งหลายเป็นหมู่ญาติของเรา, เป็นกะดูกและเนื้อของเรา: เหตุไรจึงช้ากว่าชนทั้งปวงในการเชิญกษัตริย์ให้กลับมา? 13 อนึ่งจงบอกอะมาซาว่า, ท่านเป็นกะดูกและเนื้ออันเดียวกันกับเรามิใช่หรือ? พระเจ้าจึงทรงกระทำ (โทษ) แก่เราและเพิ่มเติมอีกถ้าเราไม่ให้ท่านเป็นนายพลโยธาแทนโยอาบ, ต่อหน้าเราจนชีวิตหาไม่. 14 ท่านชักจูงใจบรรดาตระกูลยูดาจุใจของคนเดียว: เขาจึงใช้คนไปทูลกษัตริย์ว่า, เชิญพระองค์กับบรรดาข้าราชการเสด็จกลับมาเถิด. 15 กษัตริย์ก็เสด็จกลับมาถึงฟากยาระเดน, ส่วนตระกูลยูดามาถึงเมืองฆีละฆาล, เพื่อจะรับเสด็จ, ข้ามยาระเดน 16 ซิมอีบุตรเฆรา, ตระกูลเบ็นยามินชาวเมืองบะฮูริมก็รีบลงมารับกษัตริย์ดาวิด, พร้อมกับชนตระกูลยูดา. 17 ในตระกูลเบ็นยามินมีคนมาถึงพันคน, ทั้งซีบาผู้เป็นบ่าวในวงศ์ซาอูล, กับบุตรชายของเขาสิบห้าคน, และบ่าวอีกยี่สิบคน, ข้ามยาระเดนมาต่อพระพักตรกษัตริย์. 18 มีเรือลำหนึ่งสำหรับข้ามไปรับราชวงศ์และคอยรับสั่งตามพระราชหฤทัย. ฝ่ายซิมอีบุตรเฆราจึงหมอบลงฉะเพาะกษัตริย์, เมื่อขณะะข้ามยาระเดน; 19 กราบทูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์, ขออย่าถือโทษข้าพเจ้า, และอย่าระลึกถึงความผิดซึ่งข้าพเจ้าได้ทำครั้งเสด็จออกจากกรุงยะรูซาเล็มนั้น, ขออย่าได้ใส่พระทัยระลึกเลย. 20 ด้วยข้าพเจ้ารู้สึกความผิดของข้าพเจ้าแล้ว: เหตุฉะนั้นวันนี้ข้าพเจ้าจึงลงมาก่อนบรรดาวงศ์โยเซฟ, เพื่อจะรับเสด็จ 21 อะบีซัยบุตรซะรูยาทูลว่า, ซิมอีด่าแช่งผู้ชะโลมพระยะโฮวามิควรจะตายด้วยเหตุนั้นหรือ? 22 ดาวิดทรงตอบว่า, โอ้บุตรซะรูยาเจ้าทั้งหลายจะเป็นศัตรูต่อเราไปไยเล่า, วันนี้จะไม่ฆ่าชนยิศราเอลผู้หนึ่งผู้ใด, ด้วยวันนี้เรารู้ว่าเราเป็นกษัตริย์เหนือพวกยิศราเอลแล้วมิใช่หรือ? 23 กษัตริย์จึงทรงทำสัตย์สาบานแก่ซิมอีว่า, เจ้าจะไม่ตาย 24 ฝ่ายมะพีโบเซ็ธบุตรซาอูลลงมารับเสด็จ, โดยมิได้ชำระเท้า, มิได้โกนหนวด, มิได้ซักเสื้อผ้า, ตั้งแต่กษัตริย์เสด็จไปจนถึงวันเสด็จกลับมาโดยความสุขสำราญ. 25 อยู่มาครั้นเขามาเฝ้า ณ กรุงยะรูซาเลม, กษัตริย์จึงทรงถามว่า, มะพีโบเซ็ธ, เป็นเพราะเหตุอะไรเจ้ามิได้ไปกับเรา? 26 เขาทูลว่าข้าแต่กษัตริย์, บ่าวได้ล่อลวงข้าพเจ้า. ด้วยข้าพเจ้าหมายว่าจะผูกอานลาขี่ไปตามเสด็จเพราะเท้าข้าพเจ้าเป็นง่อย. 27 เขาทูลกล่าวโทษข้าพเจ้าต่อกษัตริย์โดยใช่เหตุ, แต่พระองค์เป็นเหมือนทูตแห่งพระเจ้า: จะทรงตัดสินอย่างไร, แล้วแต่จะโปรด. 28 เพราะวงศ์บิดาข้าพเจ้าเป็นดุจคนตายแล้ว, ต่อพระพักตรกษัตริย์, แต่พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดให้ข้าพเจ้านั่งรับประทานที่โต๊ะเสวย. ข้าพเจ้าจะร้องทุกข์ทูลอีกอย่างไรได้? 29 มีพระราชดำรัสสั่งว่า. เจ้าพูดความเรื่องนี้ต่อไปทำไมเล่า? เราสั่งว่า, ไร่นานั้น, เจ้ากับซีบาจงแบ่งกันเถิด. 30 มะพีโบเซ็ธทูลว่า, ให้เขารับทั้งหมดเถิด, ด้วยพระองค์เสด็จกลับมายังราชวังโดยสุขสำราญแล้ว 31 ส่วนบาระซีลัยชาวฆีละอาดลงมาจากโรฆะลิมตามเสด็จข้ามยาระเดนไป. 32 บาระซีลัยเป็นคนชรามาก, อายุได้แปดสิบปีแล้ว: ได้นำสะเบียงมาถวายกษัตริย์, ขณะเมื่อประทับอยู่ณมะฮานาอิม, เพราะเขาเป็นผู้มั่งมีมาก, 33 มีพระราชดำรัสแก่บาระซีลัยว่า, จงข้ามมาด้วยเรา, แล้วเราจะชุบเลี้ยงท่านให้อยู่กับเราที่กรุงยะรูซาเลม. 34 บาระซีลัยทูลว่า, ข้าพเจ้าจะมีชีวิตต่อไปอีกกี่ปี, ซึ่งจะตามเสด็จขึ้นไปกรุงยะรูซาเลมนั้น. 35 บัดนี้อายุข้าพเจ้าได้แปดสิบปีแล้ว: ข้าพเจ้าจะสังเกตุดีชั่วได้หรือ? จะชิมรสของๆ กันและดื่มได้หรือ? จะฟังเสียงชายหญิงร้องเพลงอีกได้หรือ? ข้าพเจ้าจะรบกวนกษัตริย์ให้มีความลำบากต่อไปอีกทำไมเล่า? 36 ข้าพเจ้าขอแต่ให้ตามเสด็จข้ามยาระเดนไปเท่านั้น: เหตุไรกษัตริย์จึงพระราชทานให้รางวัลเช่นนี้เล่า? 37 ขอให้ข้าพเจ้ากลับไปสิ้นชีพในเมืองของข้าพเจ้าเถิด, ริมอุโมงบิดาและมารดาของข้าพเจ้า, แต่ขอโปรดให้คิมฮามทาสของพระองค์ข้ามไปตามเสด็จ, จะทรงพระกรุณาโปรดเขาอย่างไรแล้วแต่ทรงเห็นควร. 38 จึงมีพระราชดำรัสสั่งว่า, ให้คิมฮามข้ามไปด้วย, แล้วเราจะทำคุณแก่เขาตามที่ท่านเห็นดี, และท่านจะต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด, เราจะให้ทั้งสิ้น. 39 บรรดาประชาชนได้ข้ามแม่น้ำยาระเดนตามเสด็จไป. กษัตริย์ได้ทรงอวยพรให้บาระซีลัย. แล้วเขาจึงถวายบังคมลาไปอยู่บ้านของตน. 40 ฝ่ายกษัตริย์เสด็จข้ามไปถึงเมืองฆีละฆาล, คิมฮามก็ตามเสด็จข้ามไปด้วย: ส่วนบรรดาตระกูลยูดากับชนยิศราเอลครึ่งหนึ่งก็ตามข้ามไปด้วย. 41 บรรดาชนยิศราเอล, มาเฝ้ากษัตริย์ทูลว่า, เหตุไฉน, พี่น้องข้าพเจ้าคือตระกูลยูดาได้แยกกันไปเสีย, เขาเชิญกษัตริย์กับราชวงศ์, และบรรดาพรรคพวก, ข้ามยาระเดนไป? 42 ฝ่ายบรรดาพวกยูดาก็ตอบพวกยิศราเอล, เพราะกษัตริย์เป็นตระกูลสนิทกับเรา: ท่านทั้งหลายเคืองใจด้วยเรื่องนี้ทำไม? พวกเราได้รับประทานสะเบียงหรือรางวัลอะไรมาแต่กษัตริย์เล่า? 43 ส่วนพวกยิศราเอลตอบพวกยูดาว่า, พวกเรามีส่วนในกษัตริย์และราชวงศ์ดาวิดมากกว่าส่วนท่านสิบเท่า, ทำไมจึงดูหมิ่นเราไม่ปรึกษากันก่อน, ด้วยเรื่องเชิญกษัตริย์ของเราเสด็จกลับมา? แต่พวกยูดาได้โต้เถียงแข็งแรง, ยิ่งกว่าพวกยิศราเอล |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society