2ซามูเอล 18 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ดาวิดจึงทรงตรวจพลทหารซึ่งอยู่กับท่านแล้วตั้งนายพันนายร้อยให้ควบคุม. 2 ทรงโปรดให้พลทหารออกไปเป็นสามกองๆ หนึ่งอยู่ในบังคับของโยอาบ, อีกกองหนึ่งอยู่ในบังคับของอะบีซัยบุตรซะรูยาน้องชายของโยอาบ, อีกกองหนึ่งอยู่ในบังคับของอิธัยชาวเมืองฆัธ. กษัตริย์จึงมีพระราชดำรัสแก่พลทหารว่า, เราคงจะนำเจ้าทั้งหลายออกไป. 3 แต่พลทหารกราบทูลว่า, ขออย่าได้เสด็จเลย, ถึงแม้ว่าพวกข้าพเจ้าทั้งหลายจะหนีพ้นไปจะไม่เป็นอะไรแก่เขา, หรือถึงว่าพวกข้าพเจ้าจะพินาศเสียสักครึ่งกองก็จะไม่เป็นอะไรแก่เขา, แต่พระองค์ทรงมีค่าเท่าพวกข้าพเจ้าหมื่นคน. ซึ่งพระองค์จะเป็นผู้จัดกองทัพหนุนแต่หัวเมืองคงดีกว่า. 4 ฝ่ายกษัตริย์ทรงตรัสแก่เขาว่า, เจ้าทั้งหลายเห็นชอบอย่างไรเราจะกระทำอย่างนั้น. กษัตริย์ทรงยืนอยู่ริมประตูเมือง, และบรรดาพลทหารก็ออกไปกองละร้อยกองละพัน. 5 ฝ่ายโยอาบและอะบีซัยและอิธัยได้รับพระราชโองการแต่กษัตริย์ว่า, จงเมตตาชายหนุ่มนั้นคืออับซาโลมด้วยเห็นแก่เรา, บรรดาพลทหารก็ได้ยินพระราชโองการสั่งนายกองถึงเรื่องอับซาโลมนั้น 6 พลทหารจึงออกไปจะทำสงครามกับพวกยิศราเอล, ยังสนามที่ป่าไม้เอ็ฟรายิม; 7 พวกยิศราเอลอับราชัยต่อหน้าพวกดาวิด ณ ตำบลนั้น, ในวันนั้นถูกอาวุธพินาศเสียที่นั่นมากถึงสองหมื่นคน. 8 การสงครามก็ลุกลามแผ่ไปทั่วพื้นดิน, และป่าไม้ได้ผลาญชนทั้งหลายเสียในวันนั้นมากยิ่งกว่ากระบี่ 9 ฝ่ายอับซาโลมได้พบกับกองทหารของดาวิดแล้ว. เมื่อกำลังทรงลาของท่าน, ตัวลาก็ลอดใต้กิ่งต้นสนใหญ่, และพระเศียรของท่านก็ติดอยู่ที่กิ่งสนนั้นแน่น, ห้อยอยู่ในระหว่างฟ้ากับดิน, แต่ลาที่ทรงนั้นก็เลยไป. 10 เมื่อชายผู้หนึ่งมาเห็นแล้วแจ้งความกับโยอาบว่า, นี่แน่ะ, ข้าพเจ้าได้เห็นอับซาโลมแขวนอยู่ที่ต้นสนนั้น. 11 โยอาบพูดแก่ชายที่บอกข่าวนั้นว่า, เห็นแล้วทำไมเจ้าไม่ฟันให้ตกถึงดินทันทีเล่า? เราจะได้ให้เงินแก่เจ้าสิบแผ่นทั้งสายรัดเอวสายหนึ่งด้วย. 12 ชายนั้นตอบโยอาบว่า, หากว่าจะชั่งเงินพันแผ่นใส่ฝ่ามือข้าพเจ้าๆ จะไม่ยื่นมือออกทำแก่ราชบุตร; ด้วยหูข้าพเจ้าทั้งหลายได้ยินพระราชโองการสั่งท่านกับอะบีซัย, และอิธัยว่า, จงระวังอย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำร้ายแก่อับซาโลมชายหนุ่มนั้น. 13 หากว่าข้าพเจ้าประพฤติไม่ซื่อสัตย์ต่อพระชนม์ของราชบุตรนั้นจะมีสิ่งใดๆ ซ่อนเร้นจากกษัตริย์นั้นหามิได้เลย,ท่านเองคงจะใส่โทษข้าพเจ้าด้วย. 14 โยอาบก็ว่า, เราไม่ควรจะเสียเวลากับเจ้าเช่นนี้. ท่านจึงหยิบหอกสั้นสามอันแทงเข้าที่หัวใจอับซาโลมเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ท่ามกลางต้นสนนั้น. 15 ชายหนุ่มสิบคนที่ถือเครื่องอาวุธของโยอาบก็ล้อมไว้เข้าฟันฆ่าอับซาโลมเสีย 16 โยอาบจึงเป่าแตรแล้วพลทหารก็กลับมาจากไล่ตามพวกยิศราเอล, ด้วยโยอาบให้ชนทั้งหลายยับยั้งอยู่. 17 เขายกพระศพอับซาโลมทิ้งลงในบ่อใหญ่ที่ป่าไม้, แล้วตั้งกองหินทับเป็นเนินใหญ่ยิ่ง, พวกยิศราเอลทุกคนก็พากันหนีไปกะท่อมของตน. 18 เมื่ออับซาโลมยังทรงพระชนม์อยู่ได้ทรงสร้างหอระลึกไว้ที่ตำบลดินราบหลวง, ด้วยทรงพระคำนึงอยู่ว่า, เราหามีบุตรที่จะสืบตระกูลไม่, จึงทรงตั้งชื่อหอนั้นตามพระนามของท่านได้เรียกกันว่า, ที่ระลึกแห่งอับซาโลมจนทุกวันนี้ 19 ฝ่ายอะฮีมะอัศบุตรชายซาโดคเรียนว่า, ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าวิ่งไปทูลกษัตริย์ให้ทรงทราบว่า, พระยะโฮวาทรงแก้แค้นให้พ้นมือศัตรูแล้ว. 20 โยอาบตอบว่า, เจ้าอย่าเพ่อส่งข่าววันนี้, ให้ส่งข่าววันอื่นเถิด: แต่วันนี้อย่าส่งข่าว, เพราะว่าราชบุตรสิ้นพระชนม์แล้ว. 21 โยอาบจึงสั่งคนหนึ่งเป็นชาติคูซีว่า, จงไปทูลกษัตริย์ตามที่เจ้าได้เห็นนั้น, ชนชาติคูซีนั้นก็กลาบลาโยอาบแล้วก็วิ่งไป. 22 อะฮีมะอัศบุตรซาโดคยังเรียนโยอาบอีกว่า, ถึงอย่างไรก็ดี, ขอให้ข้าพเจ้าวิ่งไปตามคูซีด้วย. โยอาบตอบว่า, บุตรเอ๋ยจะวิ่งไปทำไมเล่า, ด้วยไม่มีข่าวดีเลย? 23 อะฮีมะอัศเรียนต่อไปว่า, ถึงอย่างไรๆ ก็ดี, ขออนุญาตให้วิ่ง. ท่านจึงตอบว่า, วิ่งเถิด: อะฮีมะอัศก็วิ่งไปทางดินราบผ่านเลยคูซีไป 24 ฝ่ายดาวิดทรงประทับอยู่ระหว่างประตูเมืองสองชั้น: ทหารยามก็ขึ้นไปบนซุ้มประตูเหนือกำแพงเงยตาแลดู, ก็เห็นบุรุษหนึ่งกำลังวิ่งมา. 25 จึงร้องทูลกษัตริย์ๆ มีพระราชาดำรัสว่า, ถ้าคนเดียวคงมีข่าว, คนนั้นก็รีบเข้ามา. 26 ทหารยามเห็นวิ่งมาอีกคนหนึ่ง, จึงร้องบอกนายประตูว่า, ดูเถิด, มีบุรุษอีกคนหนึ่งวิ่งมาด้วย, ฝ่ายกษัตริย์ทรงตรัสว่า, คนนี้นำข่าวมาเหมือนกัน. 27 ทหารยามทูลว่า, ข้าพเจ้าเห็นกิริยาวิ่งของคนที่มาก่อนนั้นดูเหมือนกิริยาวิ่งของอะฮีมะอัศบุตรซาโดค. ฝ่ายกษัตริย์มีพระราชดำรัสว่า, ผู้นั้นเป็นคนดีจะนำข่าวดีมา 28 อะฮีมะอัศก็ร้องทูลกษัตริย์ว่า, ขอให้ทรงพระเจริญสุขสวัสดิ์. แล้วยอบกายลงซบหน้าถึงพื้นดินถวายบังคมทูลว่า, จงสาธุการแก่พระยะโฮวาพระเจ้าของพระองค์ผู้ทรงมอบชนทั้งปวงไว้ที่ได้ยกมือต่อสู้กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า. 29 กษัตริย์จึงทรงถามว่า, ชายหนุ่มอับซาโลมนั้นเป็นสุขอยู่หรือ? อะฮีมะอัศก็ทูลตอบว่า, ข้าแต่กษัตริย์, เมื่อโยอาบใช้ข้าพเจ้าๆ เห็นวุ่นวายมากแต่เป็นเหตุไรไม่ทราบ. 30 กษัตริย์มีพระราชดำรัสว่า, จงหลีกไปยืนคอยอยู่ที่นี่, เขาก็หลีกไปยืนนิ่งอยู่ 31 ชาวคูซีคนนั้นเข้ามากราบทูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์, มีข่าวดีมาด้วย, วันนี้พระยะโฮวาทรงแก้แค้นให้พระองค์พ้นมือบรรดาพวกกบฏ. 32 กษัตริย์จึงทรงถามชาวคูซคนนั้นว่า, ชายหนุ่มอับซาโลมนั้นเป็นสุขอยู่หรือ? คูซีก็ทูลว่า, หมู่ศัตรูและบรรดาพวกกบฏที่ปองร้ายต่อกษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าจงเป็นดุจชายหนุ่มนั้น. 33 กษัตริย์มีพระทัยโทมนัสมากทรงเสด็จขึ้นไปห้องชั้นบนเหนือพระทวารแล้วทรงพระกรรแสง, เสด็จพลางทรงรำพรรณพลางว่า, โอ้อับซาโลมบุตรของเรา, บุตรเราเอ๋ย, อับซาโลมบุตรเราเอ๋ย, เราจะใคร่สิ้นชีพแทนเจ้า; อับซาโลมบุตรของเรา, บุตรเราเอ๋ย |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society