2ซามูเอล 17 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 อะฮีโธเฟลทูลอับซาโลมว่า, ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าเลือกทหารหมื่นสองพัน, ยกทัพรีบติดตามดาวิดไปในคืนนี้: 2 ให้ทันเมื่อท่านยังเห็นอยู่และอ่อนกำลังอยู่จึงได้สะดุ้งตกใจ, ทั้งพรรคพวกของท่านก็จะหนีไปสิ้น, ข้าพเจ้าจะฆ่าฟันแต่กษัตริย์องค์เดียว: 3 แล้วจะพาประชาชนมานบนอบท่านทั้งสิ้น, ได้แต่ผู้ซึ่งท่านต้องพระประสงค์นั้นไว้, ก็ดุจดังชนทั้งหลายได้กลับมาหมด, ดังนั้นบรรดาราษฎรจะมีความสุข. 4 คำทูลนี้เป็นที่ชอบพระราชหฤทัยอับซาโลมและผู้เฒ่าแก่พวกยิศราเอลก็เห็นด้วย 5 อับซาโลมมีรับสั่ง, ให้หาฮูซัยชาวอะระคีมาเฝ้า, เพื่อเราจะได้ฟังเขาว่าอย่างไรด้วย. 6 พอฮูซัยเข้ามาเฝ้า, อับซาโลมตรัสว่า, อะฮีโธเฟลกล่าวอย่างนี้, ควรเราจะทำตามหรือไม่? ถ้าไม่เห็นควร, เจ้าจงว่าไปเถิด. 7 ฮูซัยทูลอับซาโลมว่า, คำปรึกษาซึ่งอะฮีโธเฟลทูลครั้งนี้ก็ไม่สู้ดีนัก. 8 ฮูซัยจึงทูลอีกว่า, ท่านทรงทราบแล้วว่าพระราชบิดาทั้งพรรคพวกเป็นทหารกล้าหาญ, และใจร้อนรนดุจหมีป่าที่ถูกลักลูกไป, อนึ่งพระราชบิดาทรงชำนาญศึก,จะประทับอยู่พร้อมกับพลทหารนั้นหามิได้. 9 ดูกรท่าน, บัดนี้ท่านทรงซ่อนพระองค์อยู่ในถ้ำหรือในที่ใดๆ สักตำบลหนึ่ง, ถ้าที่แรกทหารล้มตายบ้างคงจะมีข่าวลือกันว่าเกิดเหตุในพวกทหารของอับซาโลมถูกฆ่าฟัน. 10 ถึงว่าคนกล้าหาญมีใจดุจสิงห์โตก็จะอ่อนระอาไป: ด้วยบรรดาชนประเทศยิศราเอลทราบว่าพระราชบิดากับทหารรักษาพระองค์เป็นคนชำนาญศึก. 11 แต่ข้าพเจ้าขอถวายคำปรึกษาว่า, ให้รวมบรรดาพวกยิศราเอลตั้งแต่ดานถึงบะเอระซาบา, ให้มามากดุจทรายริมชายทะเล, และให้ท่านเสด็จไปในกองนั้นด้วย. 12 เมื่อเราทั้งหลายพบท่านตำบลใดๆ เราจะลงมาทับท่านดุจน้ำค้างตกบนพื้นดิน, ไม่ให้ท่านกับพรรคพวกเหลือสักคนเดียว. 13 หากท่านจะหนีเข้าเมืองใดๆ, บรรดาพวกยิศราเอลจะเอาเชือกมาลากเมืองนั้นลงแม่น้ำ, จนจะหาก้อนศิลาก้อนเล็กๆ ที่นั่นก็จะไม่พบสักก้อนเดียว. 14 อับซาโลมกับยิศราเอลกล่าวว่า, ถ้อยคำของฮูซัยชาวอะระคีดีกว่าถ้อยคำของอะฮีโธเฟล. ด้วยพระยะโฮวาทรงพระดำริว่า, “จะให้คำปรึกษาอันสำคัญของอะฮีโธเฟลฟั่นเฟือนเสียไป, เพื่อจะนำความชั่วร้ายมายังอับซาโลม.” 15 แล้วฮูซัยเล่าให้ซาโดคกับอะบีอาธารปุโรหิตฟังตามที่อะฮีโธเฟลได้ทูลอับซาโลมและได้บอกผู้เฒ่าแก่พวกยิศราเอลและตามที่ตนได้ทูลนั้นด้วย. 16 ท่านทั้งสองจงใช้คนให้เร่งไปทูลกษัตริย์เถิดว่า, คืนนี้อย่าประทับอยู่ที่ป่าดอน, จงรีบข้ามไปเกลือกว่ากษัตริย์กับบรรดาพรรคพวกจะถึงความพินาศ. 17 ส่วนโยนาธานกับอะฮีมะอัศพักอยู่ ณ ที่น้ำพุชื่อโรเฆล, มีทาสีคนหนึ่งไปบอกเขาๆ จึงไปทูลกษัตริย์ดาวิด, ด้วยเขาไม่กล้าเข้ากรุงให้ใครเห็นตัว. 18 แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นเขาเข้าเเล้วไปทูลอับซาโลม, ส่วนเขาทั้งสองก็รีบไปเข้าบ้านชาวบะฮูริม, ที่นั้นมีบ่ออยู่กลางบ้านจึงลงไปในบ่อนั้น. 19 หญิงแม่เรือนจึงเอาผ้าปิดปากบ่อไว้, แล้วตากปลายข้าวข้างบนปิดไว้มิให้ผู้ใดรู้. 20 ครั้นคนของอับซาโลมมาหาผู้หญิงนั้นในบ้านถามว่า, อะฮีมะอัศกับโยนาธานอยู่ที่ไหน? หญิงนั้นบอกว่า, ข้ามน้ำไปแล้ว. เมื่อค้นหาไม่พบ, เขาทั้งหลายก็กลับไปกรุงยะรูซาเลม 21 ภายหลังเมื่อผู้ที่ค้นไปแล้ว, คนทั้งสองก็ขึ้นมาจากบ่อไปทูลกษัตริย์ดาวิดว่า, เชิญเสด็จยกทัพข้ามแม่น้ำไปโดยเร็วเถิด: ด้วยอะฮีโธเฟลปรึกษาจะต่อสู้พวกท่านเช่นนี้เช่นนั้น. 22 ดาวิดจึงเสด็จยกทัพข้ามแม่น้ำยาระเดนไป, พอรุ่งเช้าก็ไม่เหลือสักคนเดียวข้ามแม่น้ำไปหมด. 23 ครั้นอะฮีโธเฟลรู้ว่าเขาไม่ทำตามคำปรึกษาของตน, จึงผูกอานขึ้นลาไปบ้านยังเมืองของตน, จัดแจงกิจการเสร็จแล้ว, ก็ผูกคอตาย, เขาจึงเอาศพฝังไว้ที่อุโมงของบิดา 24 ดาวิดจึงเสด็จมายังตำบลมะหะนาอิม, ฝ่ายอับซาโลมกับบรรดากองทัพยิศราเอลก็ข้ามแม่น้ำยาระเดนไป. 25 แล้วอับซาโลมตั้งอะมาซาให้เป็นแม่ทัพแทนโยอาบ, อะมาซานั้นเป็นบุตรยิธราตระกูลยิศราเอลได้กับนางอะบีฆัลบุตรแห่งนาฮาศ, เป็นน้องสาวของซะโรยามารดาโยอาบ. 26 ฝ่ายอับซาโลมกับกองทัพยิศราเอลก็ตั้งค่ายอยู่ในเขตต์แดนฆีละอาด 27 ครั้นดาวิดเสด็จมาถึงมะหะนาอิม. โซบีบุตรนาฮาศชาวเมืองราบาประเทศอำโมน, มาเคียร์บุตรอำมิเอลชาวโลดะบาร์, และบาระซิลัยชาวเมืองโรฆะลิมในเขตต์แดนฆีละอาด. 28 ได้ขนที่นอน, ชามหม้อต่างๆ, ข้าวสาลี, ลูกบาระลี, แป้ง, ข้าวขั้ว, ถั่วแระ, ถั่วขาว, และถั่วเขียวขั้ว. 29 กับน้ำผึ้ง, น้ำมันเนย, ตัวแกะ, และเนยแข็ง, เพื่อดาวิดกับพรรคพวกจะได้ใช้และบริโภค; เพราะเขาว่าพลไพร, อิดโรยหิวอ่อนเพลียและกระหายในป่าดอนนั้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society