2ซามูเอล 15 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ภายหลังอับซาโลมได้เตรียมราชรถเทียบด้วยม้าและพรรคพวกวิ่งนำเสด็จห้าสิบคน. 2 พอรุ่งเช้าก็เสด็จลุกขึ้นไปยืนอยู่ที่หนทางริมประตูเมือง; ถ้าผู้ใดมีความจะถวายฎีกาต่อกษัตริย์, อับซาโลมก็เรียกผู้นั้นมาถามว่า, เจ้าเป็นชาวเมืองไหน? ผู้นั้นก็ทูลตอบว่า, ข้าพเจ้าเป็นชนชาติยิศราเอลตระกูลนี้หรือตระกูลนั้น. 3 อับซาโลมจึงบอกว่า, ดูเถิดคดีของเจ้าถูกดีเป็นการยุตติธรรมแล้ว, แต่กษัตริย์หาได้ตั้งผู้พิพากษาไว้ให้ฟังคดีของเจ้าไม่เลย. 4 อนึ่งอับซาโลมเคยตรัสว่า, ใครหนอจะตั้งเราเป็นผู้พิพากษาในประเทศนี้, เพื่อให้บรรดาคนที่มีข้อความประการใดมาหาเราๆ จะตัดสินให้เขาตามความยุตติธรรม! 5 อยู่มาเมื่อมีผู้เข้ามาบังคมท่านๆ ก็เอื้อมพระหัตถ์จับและจุบผู้นั้น. 6 อับซาโลมทรงกระทำอย่างนี้แก่บรรดาชนยิศราเอลที่มาเฝ้ากษัตริย์เพื่อจะให้ชำระความ, เพื่อเป็นอุบายปลอบเอาใจเขาทั้งหลาย 7 ครั้นล่วงมาได้สี่สิบปีอับซาโลมทูลกษัตริย์ว่า, ขอทรงโปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปแก้สินบนต่อพระยะโฮวาในเมืองเฮ็บโรน. 8 ด้วยข้าพเจ้าได้บนตัวไว้, เมื่อยังอยู่เมืองฆะซูรประเทศซุเรีย, ได้ปฏิญาณว่า, ถ้าพระยะโฮวาทรงโปรดนำข้าพเจ้ากลับมายังกรุงยะรูซาเลมอีก, ข้าพเจ้าจะปฏิบัติพระองค์. 9 กษัตริย์จึงมีพระราชดำรัสว่า, จงไปเป็นสุขเถิด. อับซาโลมจึงลุกขึ้นเสด็จไปยังเมืองเฮ็บโรน. 10 อับซาโลมจึงใช้คนไปทั่วบรรดาตระกูลยิศราเอลประกาศว่า, ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตรเป่าเมื่อไร, จงร้องประกาศว่า, อับซาโลมได้ครอบครองแผ่นดินที่กรุงเฮ็บโรนแล้ว. 11 มีรับสั่งให้คนสองร้อยคนตามเสด็จไปจากกรุงยะรูซาเลม, เขาทั้งหลายเป็นคนซื่อไม่รู้เหตุและผลเลย. 12 อับซาโลมรับสั่งเรียกอะฮีโธเฟลชาวเมืองฆีโลผู้เป็นมนตรีของดาวิด, ให้มาจากฆีโลเมืองของตนไปยังงานบูชายัญของอับซาโลม, และการที่คบคิดกันนั้นก็มีกำลังพรรคพวกมากสมัครเข้ากับอับซาโลม 13 มีผู้หนึ่งมากราบทูลดาวิดว่า, ใจของชนยิศราเอลนิยมชมชอบในอับซาโลมแล้ว. 14 ดาวิดจึงมีพระราชดำรัสแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่ด้วยท่านในกรุงยะรูซาเลมว่า, เราจงยกหนีไปเถิด, เกลือกว่าจะไม่มีใครพ้นมือของอับซาโลม, จงรีบเร่งไปเถอะ, เกรงว่าท่านจะไล่ตามมาทัน, และทำการร้ายแก่เรา, และจะทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ. 15 ข้าราชการก็กราบทูลกษัตริย์ว่า, ข้าแต่กษัตริย์, พระองค์ทรงพอพระทัยจะกระทำประการใดก็แล้วแต่จะทรงโปรด. 16 กษัตริย์จึงทรงพาบรรดาพระบรมวงษานุวงศ์เสด็จออกไป. เว้นแต่นางสนมสิบคนได้ทรงละไว้ให้อยู่รักษาราชวัง. 17 กษัตริย์ทรงพาบรรดาชนนิกรเสด็จหนีไปประทับอยู่ที่เบธเมระฮาก. 18 บรรดาข้าราชการก็เดินเคียงพระองค์ไป, และบรรดาพวกคะเรธและพวกปะเลธและพวกฆัธ, หกร้อยคนเป็นผู้ที่ตามเสด็จมาแต่เมืองฆัธ, ก็เดินผ่านไปต่อพระพักตรกษัตริย์ 19 จึงมีพระราชดำรัสถามอิธัยชาวเมืองฆัธว่า, เหตุไรท่านจึงจะไปกับเราด้วย? จงกลับไปอยู่กับกษัตริย์เถิด. เพราะท่านเป็นแขกเมืองซึ่งต้องเนรเทศมาจากบ้านเมืองของตน. 20 เจ้าพึ่งมาแต่วานนี้, วันนี้เราจะให้พลัดไปพลัดมาด้วยกันหรือ? ควรแล้วหรือด้วยเราจะไปที่ไหนๆ ก็สุดแล้วแต่จะได้, จงพาพี่น้องกลับไปเถิด. ขอให้พระกรุณาคุณและความสัตย์จริงอยู่กับท่านเถิด. 21 อิธัยทูลตอบกษัตริย์ว่า. พระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่และพระเจ้าแผ่นดินมีพระชนม์มายุอยู่แน่ฉันใด, ถึงตายก็ดีเป็นก็ดี, พระเจ้าแผ่นดินจะประทับอยู่ตำบลใดๆ, ข้าพเจ้าคงจะอยู่ตำบลนั้นๆ ด้วย. 22 ดาวิดมีพระราชดำรัสสั่งอิธัยว่า, จงเลยไปเถิด. อิธัยชาวเมืองฆัธจึงได้พาบรรดาพรรคพวกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไป. 23 บรรดาชาวเมืองนั้นพากันร้องไห้เสียงดัง, แล้วผ่านไป, กษัตริย์ได้ทรงข้ามลำธารเก็ดโรน, และบรรดาชนนิกรก็ข้ามไปตรงทางป่าดอน 24 เผอิญซาโดคมาด้วยพร้อมกับบรรดาพวกเลวีกำลังหามหีบไมตรีแห่งพระเจ้ามาวางไว้, ส่วนอะบีอาธารได้นำชนนิกรขึ้นหามไปจากเมืองจนหมดแล้ว. 25 กษัตริย์มีพระราชโองการสั่งซาโดคว่า, จงเชิญหีบไมตรีแห่งพระเจ้ากลับไปยังกรุงเถิด: หากว่าเราจะได้ความชอบต่อพระเนตรพระยะโฮวา, พระองค์จะทรงโปรดนำเรากลับมา, ให้เห็นหีบนั้นอีกทั้งที่พระองค์ทรงสถิตอยู่นั้น. 26 ถ้าหากพระองค์ทรงตรัสเช่นนี้ว่า, เราไม่ชอบเจ้า, จงดูเถอะว่า, เราอยู่ที่นี่ขอให้พระองค์ทรงกระทำแก่เราแล้วแต่จะทรงโปรดเถิด. 27 อนึ่งกษัตริย์มีพระราชดำรัสถามซาโดคปุโรหิตว่า, ท่านเป็นผู้พยากรณ์มิใช่หรือ? จงกลับไปยังกรุงโดยดีเถิด, และอะฮีมะอัศบุตรชายของท่าน, กับโยนาธานบุตรชายของอะบีอาธารนั้นให้พาไปด้วยทั้งสองคน. 28 ดูกรท่าน, เราจะคอยอยู่ที่ป่าดอนนี้จนมีข่าวมาจากท่านให้เราทราบ. 29 ส่วนซาโดคกับอะบีอาธารก็เชิญหีบไมตรีแห่งพระเจ้ากลับไปกรุงยะรูซาเลม, แล้วคอยพักอยู่ที่นั่น 30 ฝ่ายดาวิดเสด็จขึ้นที่เนินเขาเอลายโอน, เสด็จพลางทรงพระกรรแสงพลาง, เอาผ้าคลุมพระเศียร, และถอดฉลองพระบาททรงดำเนินไป, ฝ่ายบรรดาคนที่ตามเสด็จ, ต่างคนต่างก็เอาผ้าคลุมศีรษะของตนแล้วก็ขึ้นเนินเขาพลางร้องไห้พลาง. 31 มีคนมาทูลดาวิดว่า, อะฮีโธเฟลสมัครเข้ากับพวกกบฏฝ่ายอับซาโลมแล้ว? ดาวิดทรงอธิษฐานทูลว่า, ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้คำปรึกษาของอะฮีโธเฟลฟั่นเฟือนไป. 32 ครั้นดาวิดมาถึงยอดภูเขาที่เคยนมัสการพระเจ้า, ฮูซัยชาวอะระคีได้เข้ามาเฝ้า, ทั้งเสื้อฉีกขาดและผงคลีดินติดศีรษะ: 33 ดาวิดจึงมีพระราชดำรัสว่า, ถ้าไปกับเราท่านก็จะเป็นดุจภาระที่เราต้องแบกไป: 34 แต่ถ้าหากว่าจะกลับไปยังกรุงและทูลอับซาโลมว่า, ข้าแต่กษัตริย์, ข้าพเจ้าขอถวายตัวเป็นข้าของพระองค์, ดุจแต่ก่อนข้าพเจ้าเป็นข้าของพระราชบิดาฉันใด, บัดนี้ข้าพเจ้าจะเป็นข้าของพระองค์ฉันนั้น, แล้วท่านจะเป็นผู้รับอาษาทำให้คำปรึกษาของอะฮีโธเฟลเสียไป. 35 ซาโดคและอะบีอาธารปุโรหิตอยู่ด้วยท่านที่โน้นมิใช่หรือ? เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้ยินข่าวอะไรในพระราชวัง, จงเล่าให้ซาโดคและอะบีอาธารฟังด้วย. 36 ที่นั่นเขามีบุตรอยู่ด้วยสองคน, คืออะฮีมะอัศบุตรชายซาโดค, และโยนาธานบุตรชายอะบีอาธาร, เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้ยินข่าวเรื่องใดจงใช้เขามาบอกเราทุกเรื่องเถิด. 37 ฮูซัยมิตรสหายของดาวิดได้กลับเข้าเมือง, และอับซาโลมก็เสด็จเข้ากรุงยะรูซาเลมด้วย |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society