2ซามูเอล 14 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 โยอาบบุตรซะรูยารู้ว่ากษัตริย์มีพระราชหฤทัยอาลัยถึงอับซาโลม. 2 จึงใช้คนไปยังเมืองธะโคอา, ชวนหญิงที่ฉลาดมาจากที่นั่น, บอกเขาว่า, จงแกล้งทำตัวเป็นคนไว้ทุกข์ใส่เสื้อเช่นผู้ไว้ทุกข์อย่าทาน้ำมัน, ทำเหมือนหญิงที่ไว้ทุกข์ถึงผู้ตายนานแล้ว: 3 จงเข้าไปเฝ้ากษัตริย์และทูลอย่างนี้. โยอาบได้สอนไว้ที่จะให้ทูล 4 เมื่อนางชาวธะโคอาทูลกษัตริย์ก็หมอบตัวลงถึงพื้นดินถวายบังคม, แล้วทูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์, ขอพระกรุณาคุณเป็นที่พึ่ง. 5 กษัตริย์ทรงรับสั่งถามว่า, เป็นไร? นางทูลว่า, ข้าพเจ้าเป็นหญิงม่าย, ไว้ทุกข์ให้สามีผู้ตาย. 6 ข้าพเจ้ามีบุตรชายสองคน, ต่างวิวาทกันที่ทุ่งนา, ไม่มีใครห้ามปราม, บุตรคนหนึ่งจึงตีพี่ชายตาย. 7 ดูกรกษัตริย์, หมู่ญาติก็พากันมาเถียงกับข้าพเจ้าว่า, จงมอบผู้ฆ่าพี่ชายของตนให้เราประหารชีวิตแก้แค้นชีวิตพี่ชายที่เขาฆ่าเสียนั้น, ผู้สืบตระกูลก็จะถึงแก่พินาศด้วย, อย่างนั้นเขาจะดับถ่านเพลิงของข้าพเจ้าที่ยังเหลืออยู่ไม่ให้สามีมีชื่อเสียงหรือพงศ์พันธุ์บนแผ่นดินอีก 8 กษัตริย์มีพระราชโองการสั่งหญิงนั้นว่า, จงไปบ้านเถิดเราจะสั่งถึงเรื่องเจ้า. 9 นางชาวธะโคอาก็ทูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์, ขอให้โทษตกอยู่กับข้าพเจ้า, และวงศ์บิดาของข้าพเจ้า, แต่ส่วนกษัตริย์กับพระที่นั่ง, ขอให้ปราศจากโทษเถิด. 10 กษัตริย์ทรงตรัสว่า, ถ้าใครว่าเจ้า, จงพามาหาเรา, แล้วเขาคงจะไม่ถูกต้องเจ้าอีกต่อไป. 11 นางก็ทูลว่า, ขอให้กษัตริย์ทำสัตย์สาบานต่อพระยะโฮวาพระเจ้าของพระองค์ว่า, หากเขาจะประหารบุตรข้าพเจ้าพระองค์จะทรงห้ามไม่ให้ผู้แก้แค้นโลหิตล้างผลาญเลย, จึงมีพระราชดำรัสว่าพระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ผมบุตรของเจ้าจะไม่ตกถึงพื้นดินสักเส้นเดียวแน่ฉันนั้น 12 นางทูลว่า, ขอทรงพระกรุณาโปรดให้ทาสีของพระองค์กราบทูลอีกข้อหนึ่ง. พระองค์ทรงตรัสว่า, พูดไปเถิด. 13 นางทูลว่า, เหตุไรพระองค์จึงทรงพระดำริความร้ายเช่นนี้ต่อพลไพร่ของพระยะโฮวาเจ้า? เพราะเมื่อทรงตรัสเช่นนี้ดูก็เหมือนหนึ่งจะกล่าวโทษพระองค์เอง, ด้วยไม่ให้ (ราชบุตร) ของพระองค์กลับคืนจากเนรเทศ. 14 (มนุษย์) จำจะต้องตายดุจน้ำเทลงบนดิน, ซึ่งเก็บไว้อีกไม่ได้; ฝ่ายพระเจ้าหาทรงผลาญชีวิตไม่, แต่ทรงพระดำริไว้ว่าผู้ที่ต้องเนรเทศนั้นไม่ให้เป็นผู้ที่ทอดทิ้งเสียจากพระองค์. 15 ซึ่งข้าพเจ้ามากราบทูลเรื่องนี้, เหตุว่าราษฎรขู่คำรามให้ตกใจกลัว: ข้าพเจ้าจึงนึกว่าจะกราบทูล, หวังใจว่ากษัตริย์จะทรงพระกรุณาโปรดให้คำที่ข้าพเจ้ากราบทูลนั้นสำเร็จ. 16 ด้วยกษัตริย์คะทรงสดับฟังและโปรดข้าพเจ้าให้พ้นมือผู้ที่มุ่งหมายจะผลาญข้าพเจ้ากับบุตรเสียจากแผ่นดินที่พระเจ้าทรงประทานให้เป็นมรดก. 17 ข้าพเจ้าจึงขอให้พระดำรัสของกษัตริย์เป็นคำประเล้าประโลมด้วยในการที่สังเกตผิดและชอบ, พระองค์เป็นดุจทูตของพระเจ้า. ขอพระยะโฮวาพระเจ้าของพระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย 18 กษัตริย์รับสั่งแก่นางนั้นว่า, ข้อที่เราจะถาม, เจ้าอย่าปิดบังเลย. นางก็ทูลว่า, ขอมีพระดำรัสสั่งเถิด. 19 กษัตริย์จึงตรัสถามว่า, ในเรื่องนี้โยอาบร่วมคิดกันกับเจ้ามิใช่หรือ? นางทูลตอบว่า, กษัตริย์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, พระดำรัสข้อใดข้อหนึ่งนั้นไม่มีใครอาจพลิกแพลงไปข้างขวาหรือข้างซ้ายได้: เพราะโยอาบผู้ทาสของพระองค์เป็นผู้สั่งสอนข้าพเจ้าด้วยคำเหล่านี้ทั้งสิ้น. 20 โยอาบผู้ทาสของพระองค์กระทำเช่นนั้นเพื่อให้ความร้ายนี้แปรผันไป: พระองค์ท่าน, มีสติปัญญาดุจทูตของพระเจ้ารู้แจ้งเหตุสารพัตรทั่วแผ่นดิน 21 กษัตริย์ทรงตรัสแก่โยอาบว่า, ดูเถอะ, การนี้เราอนุญาตแล้วจงไปพาอับซาโลมคนหนุ่มนั้นกลับมาเถิด. 22 โยอาบก็ซบหน้าลงถึงดินถวายบังคมแล้วทูลขอบพระคุณกษัตริย์ว่า, วันนี้ข้าพเจ้าทราบแล้วว่า, ได้รับพระกรุณาแต่กษัตริย์, ซึ่งพระองค์ทรงอนุญาตให้ตามคำทูลขอของข้าพเจ้านั้น. 23 โยอาบจึงยกไปเมืองฆะซูร, พาอับซาโลมมายังกรุงยะรูซาเลม. 24 กษัตริย์รับสั่งว่า, ให้เขากลับไปอยู่วังของเขาเถิด, แต่อย่าให้เข้าเฝ้า. อับซาโลมจึงกลับไปอยู่วังของท่าน, แต่หาได้เข้าเฝ้าไม่ 25 ในบรรดาพวกยิศราเอลหามีใครรูปงามน่าชมดุจอับซาโลมไม่: ตั้งแต่ฝ่าพระบาท, ตลอดถึงพระเศียรหามีพิการไม่. 26 เมื่อโกนพระเกษา, ในเวลาสิ้นปีท่านเคยตัดทุกปี, เพราะเป็นการหนักแก่ท่าน, จึงตัดเสียแล้วก็ชั่งพระเกษาที่ตัดตามพิกัดหลวง, มีน้ำหนักสองร้อยบาท. 27 อับซาโลมมีโอรสสามองค์ธิดาองค์หนึ่งชื่อธามาร์เป็นคนมีหน้าตาหมดจด 28 อับซาโลมประทับอยู่กรุงยะรูซาเลมถ้วนสองปีก็ยังมิได้เข้าไปเฝ้ากษัตริย์เลย. 29 ท่านจึงใช้คนไปหาโยอาบ, หมายจะให้เขาเข้าไปเฝ้ากษัตริย์; แต่โยอาบไม่พอใจอับซาโลม, แล้วก็ทรงใช้ไปครั้งที่สองอีก, แต่เขาก็ไม่มาเหมือนกัน. 30 ท่านจึงรับสั่งแก่คนใช้ของท่านว่า, นาของโยอาบอยู่ริมนาของเรา, เขามีลูกเดือยอยู่ที่นั่น; จงเอาไฟเผาเสีย. คนใช้อับซาโลมก็ไปจุดไฟเผาที่นานั้น. 31 แล้วโยอาบจึงไปเฝ้าอับซาโลมยังวังของท่าน, ทูลถามว่า, พวกบ่าวของท่านจุดไฟเผานาข้าพเจ้าทำไม? 32 อับซาโลมรับสั่งแก่โยอาบว่า, ดูเถอะ, เราได้ใช้คนไปบอกท่านแล้วให้ท่านมานี่, เราจะได้ใช้ท่านไปเฝ้ากษัตริย์ให้ทูลว่า, ข้าพเจ้าต้องมาจากเมืองมะซูรเพราะเหตุไร? ถ้ายังอยู่ที่นั่นก็จะดีกว่า, เหตุฉะนั้นขอให้เราไปเฝ้ากษัตริย์เถิด, ถ้าแม้นว่าเรามีความผิดประการใดก็ให้พระองค์สำเร็จโทษเราเสียเถอะ. 33 โยอาบก็ไปทูลกษัตริย์, พออับซาโลมได้รับพระบรมราชานุญาตแล้วก็มาเฝ้า, หมอบยอบพระองค์ลงถึงพื้นดินต่อพระพักตร, และกษัตริย์ก็ทรงจุบท่าน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society