2ซามูเอล 13 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ครั้นอยู่มาอับซาโลมราชบุตรดาวิดมีพระขนิษฐารูปงามองค์หนึ่งทรงนามว่าธามาร์, และอำโนนราชบุตรของดาวิดทรงรักนาง. 2 และอำโนนไม่สะบายพระทัยด้วยธามาร์ขนิษฐาจนประชวร, เพราะท่านไม่รู้ที่จะทำประการใดแก่นางนั้น, ด้วยนางเป็นสาวพรหมจารี. 3 แต่อำโนนมีมิตรสหายคนหนึ่งชื่อโยนาดาบ, เป็นราชบุตรซิมอาพระเชษฐาของดาวิด, โยนาดาบนั้นมีปัญญาฉลาดมาก. 4 จึงทูลถามว่า, เหตุไรท่านผู้เป็นราชบุตรซูบไปทุกวัน? ท่านจะไม่บอกให้ข้าพเจ้าทราบหรือ? อำโนนทรงตอบว่า, เรารักธามาร์ขนิษฐาของอับซาโลมอนุชาของเรา. 5 โยนาดาบทูลว่า, จงบรรทมบนพระแท่นทำเป็นประชวร, ครั้นราชบิดาเสด็จมาเยี่ยมจงกราบทูลว่า, ขอทรงโปรดอนุญาตให้ธามาร์ขนิษฐา, มาเตรียมอาหารต่อหน้าข้าพเจ้า, เพื่อข้าพเจ้าจะได้เห็นและจะได้รับจากมือของพระขนิษฐามาบริโภค. 6 อำโนนจึงแกล้งทำเป็นประชวร, ครั้นกษัตริย์เสด็จมาเยี่ยม, อำโนนกราบทูลว่า, ขอทรงโปรดให้ธามาร์ขนิษฐามาทำขนมต่อหน้าข้าพเจ้าสักสองอันเพื่อข้าพเจ้าจะได้รับจากมือมาบริโภค 7 ดาวิดทรงใช้คนไปยังวังของธามาร์สั่งว่า, จงไปยังวังของอำโนนพระเชษฐาเตรียมอาหารให้เขากินเถิด. 8 ธามาร์ก็ไปยังวังของอำโนนพระเชษฐา, ถึงที่ซึ่งท่านบรรทมอยู่, แล้วทรงขยำแป้งทำขนมปิ้ง. 9 และเทออกจากถาดต่อพระพักตรท่าน, แต่ท่านหาเสวยไม่. อำโนนรับสั่งว่า, จงให้คนทั้งหลายออกไปจากเราเถิด. เขาจึงพากันออกไปหมด. 10 อำโนนรับสั่งแก่ธามาร์ว่า, จงเอาขนมเข้ามาห้องใน, เพื่อเราจะได้รับประทานจากมือของน้อง. ธามาร์ก็ส่งขนมซึ่งทำนั้นให้อำโนนพระเชษฐาที่ห้องใน. 11 ครั้นนางเสด็จเข้ามาใกล้, จะส่งขนมให้เสวย, ท่านก็ทรงฉุดนางไว้แล้วตรัสว่า, น้องเอ๋ยจงเข้ามานอนกันเถิด. 12 ธามาร์ทูลว่า, พี่อย่าทรงทำเลย, อย่าข่มเหงหม่อมฉัน, เพราะทำเช่นนี้ผิดประเวณีในพวกยิศราเอล: การชั่วโฉดเขลาเช่นนี้อย่าทรงทำเลย. 13 หม่อมฉันจะได้ความละอายไปซ่อนไว้ที่ไหนเล่า? ส่วนท่านจะเป็นคนโฉดเขลาในพวกยิศราเอล. จงทูลขอกษัตริย์เถิด, ด้วยพระองค์จะทรงยกหม่อมฉันให้แก่ท่าน. 14 ท่านไม่ทรงเชื่อฟัง: แต่ข่มขืนทำชำเราแก่พระขนิษฐาด้วยทรงพระกำลังมากกว่า 15 ต่อมาอำโนนทรงเบื่อหน่ายนางนั้นยิ่งนัก, ความเบื่อหน่ายนั้นหนักกว่าความรักแต่ก่อน. อำโนนจึงรับสั่งแก่นางว่า, จงไปเสียเถิด. 16 นางทูลว่า, อย่าเลย: การขับไล่หม่อมฉันเช่นนี้เป็นการข่มเหงใหญ่ยิ่งกว่าการที่ทรงทำมาแล้ว, แต่ท่านไม่ทรงฟัง. 17 ท่านทรงเรียกคนใช้รับสั่งว่า, จงไล่หญิงนี้ไปเสียข้างนอกแล้วปิดประตูใส่กลอน. 18 นางสรวมเสื้อยาวสีต่างๆ เช่นราชธิดาเมื่อเป็นพรหมจารีเคยทรงนั้น. ส่วนคนใช้ก็ไล่นางออกไปข้างนอก, แล้วปิดประตูไว้. 19 ธามาร์ทรงหยิบผงคลีดินใส่บนพระเศียร, ฉีกเสื้อสีต่างๆ ให้ขาด, ยกพระหัตถ์ปิดพระเศียร, แล้วทรงดำเนินไปพลางทรงพระกรรแสงพลาง 20 อับซาโลมพระเชษฐาตรัสถามว่า, อำโนนพี่ได้ข่มขืนน้องหรือ? น้องเอ๋ยอย่าวุ่นวาย, เพราะเป็นพี่น้องกัน, อย่าร้อนใจเพราะเรื่องนี้. ฝ่ายธามาร์ก็อยู่ต่างหากในวังของอับซาโลมพระเชษฐา. 21 ครั้นกษัตริย์ทรงทราบเหตุเหล่านั้น, ก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก. 22 อับซาโลมไม่ตรัสดีร้ายประการใดกับอำโนน, ด้วยอับซาโลมทรงเกลียดชังอำโนน, เหตุที่ทำชำเราแก่ธามาร์พระขนิษฐา 23 อยู่มาได้สองปี, อับซาโลมมีงานตัดขนแกะที่บาละฮาโซรริมแดนตระกูลเอ็ฟรายิม, อับซาโลมก็เชิญบรรดาราชบุตร. 24 อับซาโลมไปเฝ้ากษัตริย์ทูลว่า, ข้าพเจ้ามีงานตัดขนแกะ, ขอเชิญพระองค์เสด็จกับข้าราชการมากับข้าพเจ้าเถิด. 25 แต่กษัตริย์ทรงตรัสแก่อับซาโลมว่า, มิใช่บุตรเอ๋ย, เราอย่าไปกันหมด, กลัวจะเป็นการวุ่นวายลำบากแก่เจ้า, เมื่ออับซาโลมทูลอ้อนวอน. เชิญพระราชบิดาๆ ทรงอวยพระพรให้, แต่ไม่ยอมเสด็จไปด้วย. 26 อับซาโลมทูลว่า, ถ้าพระองค์ไม่เสด็จ, ของทรงอนุญาตให้อำโนนพระเชษฐาเสด็จไปด้วยกันเถิด. กษัตริย์ทรงถามว่า, เหตุไรจะให้เขาไปด้วย? 27 แต่เมื่ออับซาโลมทูลอ้อนวอนจึงทรงอนุญาตให้อำโนนกับบรรดาราชบุตรไปด้วย. 28 อับซาโลมรับสั่งคนใข้ไว้ว่า, จงคอยดูเมื่ออำโนนเพลิดเพลินด้วยน้ำองุ่นเวลาใดแล้ว, เมื่อเราสั่งว่า, ตีอำโนนจงฟันให้ตายอย่าเกรงเลย, เราสั่งแล้วมิใช่หรือ? จงแข็งใจเป็นคนกล้าหาญเถิด. 29 ส่วนคนใช้ก็ทำแก่อำโนนตามรับสั่งของอับซาโลมบรรดาราชบุตรก็พากันลุกขึ้นทรงลาองค์ละตัวเสด็จหนีไปหมด 30 อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายกำลังเสด็จมาตามทาง, ดาวิดทรงทราบข่าวว่าอับซาโลมประหารราชบุตรให้สิ้นพระชนม์หมด, ไม่เหลือสักองค์เดียว. 31 กษัตริย์ทรงลุกขึ้นฉีกฉลองพระองค์ทรงบรรทมที่พื้นดิน, ส่วนบรรดาข้าราชการที่กำลังเฝ้าอยู่ก็มีเสื้อผ้าฉีกขาดด้วย. 32 โยนาดาบบุตรชายของซิมอาพระเชษฐาดาวิดทูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์, อย่าทรงสำคัญว่าราชบุตรสิ้นพระชนม์หมด, สิ้นพระชนม์แต่อำโนนองค์เดียวเท่านั้น, ด้วยอับซาโลมมุ่งหมายการนี้, ตั้งแต่วันที่อำโนนข่มขืนชำเราธามาร์พระขนิษฐาของท่าน. 33 ข้าแต่กษัตริย์, ขออย่าทรงโทมนัสพระทัยถึงเรื่องนี้สำคัญว่า, ราชบุตรสิ้นพระชนม์หมด, สิ้นพระชนม์แต่อำโนนเท่านั้น 34 อับซาโลมก็เสด็จหนีไป. ฝ่ายทหารยามเงยตาขึ้น, เห็นคนเป็นอันมากมาแต่ทิศตะวันตก, ตามเนินภูเขา. 35 โยอาบจึงทูลกษัตริย์ว่า, ดูเถิดราชบุตรเสด็จมาแล้ว, ข้าพเจ้าทูลไว้อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น. 36 พอพูดขาดคำลง, ก็เห็นราชบุตรเสด็จเข้ามาส่งสุรเสียงพระกรรแสง, ฝ่ายกษัตริย์ก็พลอยทรงพระกรรแสง, และบรรดาข้าราชการก็พากันร้องไห้ด้วยเป็นการพิลาปใหญ่ยิ่ง 37 อับซาโลมเสด็จหนีไปเฝ้ากษัตริย์เมืองฆะซูร, คือธะละมัย, ราชบุตรอำมีฮูด. แต่ดาวิดทรงพระโทมนัสถึงราชบุตรเนืองๆ. 38 อับซาโลมเสด็จหนีไปเมืองฆะซูรอาศัยอยู่ที่นั่นสามปี. 39 กษัตริย์ดาวิดทรงตรอมพระทัยอาลัยถึงอับซาโลม. เพราะการที่คิดถึงอำโนนผู้สิ้นพระชนม์นั้นค่อยคลายลงแล้ว |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society