2พงศ์กษัตริย์ 25 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ต่อมาซิดคียาได้กบฏต่อกษัตริย์บาบูโลน, ในปีที่เก้าเดือนขึ้นสิบห้าค่ำแห่งรัชชกาลซิดคียา, นะบูคัดเนซัรกษัตริย์บาบูโลนได้ยกทัพมาจะตีกรุงยะรูซาเลม, ได้ตั้งค่าย; และสร้างป้อมขึ้นล้อมรอบ. 2 และตั้งล้อมอยู่จนปีที่สิบเอ็ดแห่งรัชชกาลซิดคียา. 3 ในเดือนสี่ขึ้นเก้าค่ำเกิดกันดารอาหารในเมืองจนไม่มีอาหารสำหรับราษฎรกิน 4 กรุงนั้นก็แต่งทหารหนีไปในกลางคืนโดยทางลัดแห่งประตูท่ามกลางกำแพงซึ่งอยู่ริมสวนหลวง, ด้วยว่าพวกเคเซ็ธได้ตั้งล้อมกรุงอยู่: กษัตริย์จึงได้หนีไปตามทางนั้นถึงท้องทุ่ง. 5 กองทัพพวกเคเซ็ธก็ไล่ติดตามกษัตริย์ไปจับท่านได้ที่ทุ่งแห่งเมืองยะริโฮ: พวกทหารของท่านก็แตกกระจัดกระจายไป. 6 แล้วเขาก็จับตัวกษัตริย์นั้นพามาเฝ้ากษัตริย์บาบิโลน ณ เมืองริบลา; และพิพากษาโทษที่นั่น. 7 เขาก็ประหารโอรสทั้งหลายของซิดคียาต่อหน้าท่าน, แล้วก็ควักตาท่านให้บอดไป, และจำท่านไว้ด้วยตรวน, และส่งไปยังกรุงบาบูโลน 8 ในเดือนห้าขึ้นเจ็ดค่ำปีที่สิบเก้าแห่งรัชชกาลนะบูคัดเนซัรกษัตริย์บาบูโลน, นะบูซาระดานแม่ทัพใหญ่ของกษัตริย์บาบูโลนยกทัพมายังกรุงยะรูซาเลม: 9 เขาได้เผาโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, พระราชวัง, และตึกใหญ่ทั้งหมดในกรุงยะรูซาเลม, ตึกของผู้ใหญ่ทุกหลังก็ได้ถูกเผาด้วยเพลิง. 10 กองทัพทั้งสิ้นของชาวเคเซ็ธซึ่งอยู่ใต้บังคับแม่ทัพนั้นได้พังทำลายกำแพงกรุงยะรูซาเลมทั้งรอบ. 11 ประชาชนทั้งปวงซึ่งเหลืออยู่ในกรุงนั้น, และผู้ที่หนีไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์บาบูโลนและคนทั้งปวงซึ่งเหลืออยู่นอกกรุง, นะบูซาระดานแม่ทัพได้กวาดเอาไปเป็นชะเลย. 12 แต่ท่านได้ให้คนยากจนเหลืออยู่เพื่อจะทำสวนองุ่นและทำไร่. 13 เสาทองเหลืองและเชิงขันกับทะเลหล่อซึ่งอยู่ในโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, พวกเคเซ็ธได้ทำลายเป็นซีกๆ เอาทองเหลืองไปกรุงบาบูโลน. 14 หม้อ, ทับพี, คีม, ช้อน, และภาชนะทองเหลืองทั้งปวง, ซึ่งเขาใช้ในการปรนนิบัติพระเจ้านั้นเขาก็เอาไปด้วย. 15 ถาดสำหรับใส่ไฟ, ชาม, และสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นทองคำและเงิน, แม่ทัพใหญ่ก็เอาไป. 16 เสาทั้งสอง, ทะเลหล่อและเชิงขันซึ่งซะโลโมได้กระทำไว้สำหรับโบสถ์พระยะโฮวา; เครื่องทองเหลืองทั้งสิ้นเหล่านั้นมีน้ำหนักเหลือที่จะชั่งได้. 17 เสาต้นหนึ่งสูงสิบแปดศอก, บัวบนเสานั้นก็เป็นทองเหลือง: บัวนั้นสูงสามศอก; ลวดลายต่างๆ, และรูปทับทิมที่ล้อมรอบบัวนั้นก็เป็นทองเหลืองทั้งนั้น: และเสาที่สองก็เป็นดังนั้นเหมือนกัน 18 แม่ทัพก็นำซะรายาปุโรหิตผู้ใหญ่, ซะฟันยาปุโรหิตที่สอง, และก็รักษาประตูสามคน: 19 กับนายทหารผู้เฝ้าคนหนึ่ง, มหาดเล็กคนสนิทของกษัตริย์อีกห้าคน, กับเสมียนใหญ่ของแม่ทัพกะเกณฑ์คน, และราษฎรหกสิบคนที่จับได้ในกรุงนั้น: 20 นะบูซาระดานก็พาคนเหล่านั้นมาเฝ้ากษัตริย์บาบูโลน ณ เมืองริบลา: 21 กษัตริย์บาบูโลนก็ประหารชีวิตเขาเสียที่เมืองริบลาในประเทศฮามัศ. ชาวยูดาก็ถูกกวาดเอาเป็นชะเลยจากแผ่นดินของตน 22 ฝ่ายคนทั้งหลายซึ่งเหลืออยู่ในประเทศยูดา, ซึ่งนะบูคัดเนซัรกษัตริย์บาบูโลนละทิ้งไว้นั้น, คนเหล่านั้นท่านได้ตั้งฆะดัลยาบุตรอะฮีคามบุตรซาฟานเป็นผู้ครอบครองคนเหล่านั้น. 23 เมื่อนายทหารและพลทหารทั้งหลายของเขาได้ยินว่ากษัตริย์บาบูโลนได้ตั้งฆะดัลยาไว้เป็นเจ้าเมือง, ก็มาหาฆะดัลยาที่เมืองมิศฟา, คือยิศมาเอ็ลบุตรนะธัลยา, โฮฮานานบุตรคารียา, ซะรายาบุตรธัลฮูเม็ธชาวนะโตฟา, และยาซันยาบุตรชาวมาอะคาธีกับทหารของเขา. 24 ฆะดัลยาก็สาบานแก่เขาเหล่านั้นและทหารของเขาว่า, อย่ากลัวข้าราชการชาวเคเซ็ธเลย: จงอาศัยอยู่ในแผ่นดินเถิด, และปรนนิบัติกษัตริย์บาบูโลน; แล้วท่านจะเป็นสุข. 25 แต่ในเดือนเจ็ด, ยิศมาเอลบุตรนะธัลยา, บุตรอะลีซามา, เชื้อกษัตริย์กับทหารสิบคนด้วยกัน, ได้ประหารฆะดัลยาเสีย, พวกยูดาและพวกเคเซ็ธซึ่งอยู่กับท่านที่เมืองมิศฟา. 26 คนทั้งปวงทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย, และนายทหารทั้งหลาย, ก็ยกไปประเทศอายฆุบโต. เพราะเขากลัวพวกเคเซ็ธ 27 วันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนสิบสองในปีที่สามสิบเอ็ด, เมื่อยะโฮยาคินกษัตริย์ยูดาเป็นชะเลย, เอวิลมะโรดัดกษัตริย์บาบูโลผู้ได้ขึ้นเสวยราชย์ในปีนั้น ท่านก็ถอดยะโฮยาคินกษัตริย์ยูดาออกจากเรือนจำ; 28 ทรงปราสัยคำอ่อนหวานแก่ท่าน, และยกท่านไว้ให้นั่งสูงกว่ากษัตริย์ทั้งหลายซึ่งได้เป็นชะเลยด้วยกันกับท่านในกรุงบาบูโลน; 29 แล้วผลัดเสื้อสำหรับเรือนจำออก: และให้รับประทานอาหารต่อพระพักตรกษัตริย์บาบูโลนเสมอตลอดชีวิตของท่าน, 30 กษัตริย์ก็ประทานอาหารให้ท่านเสมอทุกๆ วันจนตลอดชีวิตของท่าน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society