2พงศ์กษัตริย์ 19 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 เมื่อกษัตริย์ฮีศคียาได้สดับถ้อยคำเหล่านั้นแล้ว, ท่านก็ฉีกฉลองพระองค์, และทรงผ้าเนื้อหยาบ, เสด็จไปในโบสถ์พระยะโฮวา. 2 และใช้เอ็ลยาคิมกรมวัง, เซ็บนาอาลักษณ์, และผู้เฒ่าแก่พวกปุโรหิต, นุ่งผ้าเนื้อหยาบ, ให้ไปหายะซายาผู้พยากรณ์บุตรอาโมศ. 3 เขาทั้งหลายจึงกล่าวแก่ท่านว่า, ฮีศคียาตรัสดังนี้ว่า, วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์, ทำให้ขัดเคืองใจและได้รับคำติเตียน: ด้วยว่าเวลาคลอดบุตรมาถึงแล้ว, แต่ไม่มีกำลังที่จะให้คลอดออกได้. 4 ชะรอยพระยะโฮวาพระเจ้าของท่านจะทรงฟังถ้อยคำทั้งปวงแห่งรับซาเค, ซึ่งกษัตริย์อะซูริยะนายของเขาได้ให้มาท้าทายพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่; และพระยะโฮวาพระเจ้าของท่านจะได้ทรงตอบแทนคำเหล่านั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงสดับฟังแล้ว: เหตุฉะนี้ท่านจงอธิษฐานเพื่อคนที่เหลืออยู่นั้น. 5 ข้าราชการทั้งหลายของกษัตริย์ฮีศคียาก็ไปหายะซายา 6 ยะซายาจึงกล่าวแก่เขาว่า, ท่านทั้งหลายจงกล่าวแก่นายของท่านดังนี้ว่า, พระยะโฮวาได้ตรัสว่า, “อย่ากลัวเลยเพราะถ้อยคำเหล่านั้นซึ่งท่านได้ยินแล้ว, ซึ่งพวกทาสของกษัตริย์อะซูริยะได้กล่าวหยาบช้าต่อเรา. 7 นี่แน่ะ, เราจะให้ลมพัดกล้ามาถูกเขา, และเขาจะได้ยินข่าวร้าย, แล้วจะกลับไปยังแผ่นดินของตัว; เราจะบันดาลให้เขาล้มตายด้วยดาบในแผ่นดินของตนเอง.” 8 รับซาเคก็กลับไป, และได้พบกษัตริย์อะซูริยะกำลังตีเมืองลิบนา: ด้วยได้ยินว่าท่านยกไปจากเมืองลาคีศแล้ว. 9 เมื่อกษัตริย์อะซูริยะได้ยินข่าวว่าธิระฮะคากษัตริย์อายธิโอบยกมาสู้รบกับท่าน; ท่านก็ใช้ทูตไปยังฮีศคียาอีก, 10 และกล่าวกับฮีศคียากษัตริย์ยูดาว่า, อย่าให้พระเจ้าซึ่งเจ้าได้ไว้ใจนั้นล่อลวงเจ้าว่า, ยะรูซาเลมจะไม่ต้องมอบไว้ในมือกษัตริย์อะซูริยะ. 11 นี่แน่ะ, เจ้าได้ยินแล้วว่ากษัตริย์อะซูริยะเคยทำลายแผ่นดินทั้งปวงเสียทีเดียว: และเจ้าจะรอดหรือ? 12 พระทั้งหลายแห่งเมืองต่างๆ ซึ่งปู่ย่าตายายของเราได้ทำลายเสียแล้ว; ได้ช่วยให้เขารอดหรือคือเมืองโฆซัน, เมืองฮาราน, เมืองเรเซฟ, และลูกหลานแห่งชาวเอเด็นซึ่งอยู่ในเมืองธลาซัร? 13 กษัตริย์แห่งเมืองฮามัธ, กษัตริย์แห่งเมืองอาระฟาด, กษัตริย์แห่งเมืองซะฟันวายิม, กษัตริย์แห่งเมืองเฮนา, และกษัตริย์แห่งเมืองอีวาอยู่ที่ไหนเล่า? 14 ฮีศคียาได้รับหนังสือจากมือพวกทูตนั้น, เมื่อทรงอ่านแล้วจึงเสด็จเจ้าไปในโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, แล้วคลี่หนังสือนั้นออกฉะเพาะพระยะโฮวา. 15 ฮีศคียาทรงอธิษฐานฉะเพาะพระยะโฮวาว่า, โอ้พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพวกยิศราเอล, ผู้ได้สถิตอยู่ท่ามกลางครูบิม, พระองค์เป็นพระเจ้าแต่องค์เดียวแห่งแผ่นดินทั้งปวงทั่วพิภพ; พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าและดิน, 16 โอ้พระยะโฮวา, ขอได้เงี่ยพระโสตสดับฟัง: โอ้พระยะโฮวา, ขอทรงลืมพระเนตรแลดู: ขอสดับฟังถ้อยคำของซันเฮริบ, ผู้ได้ใช้ทูตมากล่าวคำหยาบช้าต่อพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่. 17 โอ้พระยะโฮวา, กษัตริย์ทั้งหลายแห่งประเทศอะซูริยะได้ทำลายชาวประเทศทั้งหลาย, และแผ่นดินของเขาก็จริงอยู่, 18 กษัตริย์อะซูริยะได้เอารูปพระทั้งหลายของเขาทั้งในไฟเสีย; เพราะพระนั้นมิได้เป็นพระเจ้า, เป็นแต่มือมนุษย์ซึ่งทำด้วยไม้และหิน: เหตุฉะนี้ท่านได้ทำลายเสียแล้ว. 19 โอ้พระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย, บัดนี้ขอพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรอดจากหัตถ์ของท่าน, เพื่อแผ่นดินทั้งปวงทั่วพิภพจะได้รู้ว่าพระองค์เป็นพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เดียว 20 ยะซายาบุตรอาโมศจึงใช้คนไปทูลฮีศคียาว่า, พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งยิศราเอลได้ตรัสดังนี้ว่า, “ซึ่งเจ้าอธิษฐานขอให้เรากำจัดซันเฮริบกษัตริย์อะซูริยะนั้นเราได้สดับฟังแล้ว. 21 นี่เป็นถ้อยคำซึ่งพระยะโฮวาได้ตรัสถึงกษัตริย์อะซูริยะว่า; ลูกหญิงแห่งพรหมจารีย์แห่งซีโอนได้ดูถูกดูหมิ่นแก่เจ้า, และได้หัวเราะเยาะเจ้า; ลูกสาวแห่งกรุงยะรูซาเล็มได้สั่นศีรษะแก่เจ้า. 22 เจ้าได้ติเตียนกล่าวหยาบช้าต่อใคร? เจ้าได้เปล่งเสียงและแหงนตาข้ามศีรษะใครเล่า? คือต่อองค์บริสุทธิ์แห่งยิศราเอล. 23 โดยทูตของเจ้า, เจ้าได้กล่าวหยาบช้าต่อพระยะโฮวาว่า, ข้าได้ขึ้นมาถึงภูเขาสูงทั้งหลายด้วยกองรถรบของข้า, คือถึงภายในแห่งภูเขาละบาโนน, และข้าจะฟันต้นสนสูง, และต้นสนหอมทั้งหลายอันมีแห่งภูเขานั้น: ข้าจะเข้าไปในที่พักไกลที่สุดของเขา, คือในป่าดงที่มีดินอุดม. 24 ข้าได้ขุดบ่อและได้กินน้ำนอกประเทศ, ด้วยฝีเท้าของข้า ข้าจะเหยียบแม่น้ำแห่งประเทศอายฆุบโตทั้งหมดให้แห้งไป. 25 เจ้าไม่ได้ยินหรือซึ่งเราได้กระทำอย่างไรนานมาแล้ว, และซึ่งเราได้กระทำในเวลาโบราณนั้น? และที่เราให้เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้, เพื่อเจ้าจะเป็นผู้กระทำให้เมืองทั้งหลายอันเข้มแข็งทำลายเป็นกองยับเยินไป. 26 เหตุฉะนั้นราษฎรในเมืองเหล่านั้นก็อ่อนกำลังลงไป; เขาทั้งหลายก็ตกใจสะดุ้งกลัวเป็นเหมือนหญ้าในทุ่งนา, และเหมือนต้นผักสด, เหมือนหญ้าบนหลังคาตึก, และเหมือนดังข้าวที่ลีบก่อนงอกขึ้น. 27 แต่เรารู้จักที่ซึ่งเจ้าพัก, และที่ซึ่งเจ้าออกไปและเข้ามา, และความโกรธของเจ้าต่อเรา. 28 เพราะความโกรธของเจ้าต่อเราและการโกลาหลของเจ้าดังขึ้นมายังโสตของเรา, เหตุฉะนี้เราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้าไว้, และบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า, และเราจะกระทำให้เจ้าหันกลับตามทางที่เจ้ามานั้น. 29 นี่จะเป็นสำคัญแก่เจ้า, คือปีนี้เจ้าทั้งหลายจะได้กินสิ่งเหล่านั้นซึ่งงอกขึ้นเอง, และในปีที่สองจะได้กินพืชที่งอกขึ้นเอง: ในปีที่สามเจ้าทั้งหลายจงหว่าน, จงเกี่ยว, และปลูกสวนองุ่น, แล้วได้กินผลแต่สวนนั้น. 30 ตระกูลยูดาซึ่งเหลืออยู่และพ้นอำนาจกษัตริย์อะซูริยะแล้วนั้น, จะหยั่งรากและเจริญขึ้นเกิดผล. 31 พวกซึ่งเหลืออยู่พ้นจากอำนาจกษัตริย์แล้วนั้น, จะออกไปจากกรุงยะรูซาเลมและภูเขาซีโอน: พระยะโฮวาจะรีบร้อนกระทำการนี้. 32 เหตุฉะนี้พระยะโฮวาได้ตรัสถึงกษัตริย์อะซูริยะดังนี้ว่า, เขาจะไม่เข้ามาในกรุงนี้, หรือยิงธนูสักลูกหนึ่งเลย, หรือถือโล่ห์, ขุดสนามเพราะตีตรงนี้. 33 พระยะโฮวาได้ตรัสว่า, เขายกมาทางไหนเขาก็จะกลับทางนั้น, และจะไม่เขามาในกรุงนี้เลย. 34 ด้วยว่าเราจะป้องกันรักษากรุงนี้ไว้, ให้รอดเพราะเห็นแก่เราเอง, และดาวิดผู้ทาสของเรา.” 35 คืนวันนั้นทูตแห่งพระยะโฮวาก็ออกไปตีค่ายชาวอะซูริยะ, ทหารตายแสนสี่หมื่นห้าพันคน: ครั้นรุ่งเช้าเมื่อเขาทั้งหลายลุกขึ้น, ก็เห็นคนทั้งหลายเหล่านั้นเป็นแต่ซากศพ. 36 แล้วซันเฮริบกษัตริย์อะซูริยะได้ยกกลับไปอาศัยในกรุงนีนะเว. 37 เมื่อท่านกำลังนมัสการพระนิศโรดในโบสถ์อัดราเมเล็ค, และซัศเมเซนได้ประหารท่านเสียด้วยดาบ: แล้วก็พากันหนีไปยังตำบลอาราราต, เอซันฮาโดนโอรสก็ขึ้นเสวยราชย์แทน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society