2พงศ์กษัตริย์ 18 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ในปีที่สามแห่งรัชชกาลโฮเซอากษัตริย์ยิศราเอลบุตรเอลา, ฮีศคียาโอรสอาฮาศกษัตริย์ยูดาได้ขึ้นเสวยราชย์. 2 ท่านมีพระชนม์ได้ยี่สิบห้าพรรษาเมื่อขึ้นเสวยราชย์นั้น; ท่านได้เสวยราชย์ยี่สิบเก้าปีในกรุงยะรูซาเลม. พระมารดาท่านคือนางอะบีบุตรีของซะคาเรีย. 3 ท่านได้ประพฤติถูกต้องในคลองพระเนตรแห่งพระยะโฮวา, ตามกิจการต่างๆ ซึ่งดาวิดต้นวงศ์ของท่านได้ประพฤตินั้น 4 ที่นมัสการบนเนินสูงทั้งหลายท่านก็ทำลายเสีย, และเสารูปพระสำหรับนมัสการท่านก็ทำลายเสีย, และรูปเคารพสลักด้วยไม้ท่านก็ตัดเสีย, รูปงูทองเหลืองซึ่งโมเซได้กระทำท่านก็ได้หักทำลายเสีย: ด้วยว่าจนถึงเวลานั้นพวกยิศราเอลได้เผาเครื่องหอมบูชารูปงูนั้น: ท่านก็เรียกรูปงูนั้นว่านะฮุศธาน. 5 ท่านได้ไว้ใจในพระยะโฮวาพระเจ้าของยิศราเอล; ดังนั้นกษัตริย์ทั้งหลายแห่งประเทศยูดา; ที่อยู่ก่อนหรือหน้าท่าน ไม่มีองค์ใดเสมอเหมือนท่าน. 6 ด้วยว่าท่านได้เข้าสนิทกับพระยะโฮวา, และติดตามพระองค์ไปไม่ได้หลงผิด, แต่ได้รักษาพระบัญญัติทั้งหลายของพระยะโฮวา, ซึ่งพระองค์ได้มีรับสั่งแก่โมเซ. 7 พระยะโฮวาได้สถิตอยู่กับท่าน; ท่านไป ณ ที่ใดๆ ท่านก็ได้ความจำเริญ: ท่านได้กบฏต่อกษัตริย์อะซูริยะ, หาได้ขึ้นแก่ท่านต่อไปไม่. 8 ท่านก็ตีชาวฟะเลเซ็ธจนถึงเมืองฆาซาตลอดเขตต์แดนเมืองนั้น, ทั้งเมืองที่มีหอคอยและเมืองที่มีกำแพง 9 อยู่มาในปีที่สี่แห่งรัชชกาลกษัตริย์ฮีศคียา, ซึ่งเป็นปีที่เจ็ดแห่งรัชชกาลโฮเซอากษัตริย์ยิศราเอลบุตรเอลา, ซัลมัลเอเซ็รกษัตริย์อะซูริยะก็ยกทัพมาตีกรุงซะมาเรียตั้งค่ายล้อมรอบกรุง. 10 เมื่อสิ้นสามปีแล้วก็ตีเอากรุงได้; คือเป็นปีที่หกแห่งรัชชกาลฮีศคียา, และเป็นปีที่เก้าแห่งรัชชกาลโฮเซอากษัตริย์ยิศราเอล, กรุงซะมาเรียก็แตก. 11 กษัตริย์อะซูริยะก็กวาดเอาพวกยิศราเอลไปยังประเทศอะซูเรีย, ให้เขาอยู่ ณ ตำบลฮาลา, ตำบลฮาโบร, ริมแม่น้ำโฆซัน, ทั้งในเมืองทั้งหลายแห่งชาวมาดาย: 12 เพราะเขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงคำตรัสแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา, แต่ได้ผิดคำสัญญาไมตรีของพระองค์, และกิจการต่างๆ ซึ่งโมเซผู้ทาสแห่งพระยะโฮวาได้มีบัญชา, เขามิได้เชื่อฟัง, และประพฤติตาม 13 ในปีที่สิบสี่แห่งรัชชกาลกษัตริย์ฮีศคียา, ซันแฮริบกษัตริย์อะซูริยะก็ยกทัพมาตีเอาบรรดาหัวเมืองที่มีกำแพงแห่งประเทศยูดา. 14 ฮีศคียากษัตริย์ยูดา, ใช้ทูตไปเฝ้ากษัตริย์อะซูริยะทเมืองลาคีศ, ทูลว่าข้าพเจ้าผิดแล้ว: ขอจงกลับไปจากข้าพเจ้า: ท่านจะปรับไหมเท่าไรข้าพเจ้าจะยอมรับทั้งสิ้น. กษัตริย์อะซูริยะปรับเอาเงินสามร้อยตะลันต์, และทองคำสามสิบตะลันต์จากฮีศคียากษัตริย์ยูดา. 15 ฮีศคียาก็เอาเงินซึ่งหาได้ในโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, และในท้องพระคลังทั้งหมดถวายแก่ท่าน. 16 ครั้งนั้นฮีศคียาได้ตัดทองคำทั้งหลายแห่งโบสถ์พระยะโฮวา, และจากเสาเหล่านั้น, ซึ่งฮีศคียากษัตริย์ยูดาได้หุ้มไว้ด้วยทองคำ, ถวายแก่กษัตริย์อะซูริยะ 17 กษัตริย์จึงใช้ธาระธานและรับซาริและรับซาเคจากเมืองลาคีศไปยังกษัตริย์ฮีศคียาเป็นกองทัพใหญ่จะตีกรุงซะมาเรีย. เมื่อยกมาถึงแล้วเขาก็ตั้งอยู่ริมท่อที่น้ำไหลมาจากสระข้างบนซึ่งอยู่ที่ถนนไปลานช่างฟอกผ้า. 18 เมื่อเขาตะโกนเรียกออกนามกษัตริย์แล้ว, เอลียาคิมบุตรฮีศคียากรมวัง, เซ็บนาอาลักษณ์, และโยอาบุตรอาซาฟพระอาลักษณ์ออกมาหาเขา. 19 รับซาเคกล่าวแก่เขาว่า, จงไปทูลฮีศคียาว่า, มหากษัตริย์คือกษัตริย์อะซูริยะได้ตรัสดังนี้ว่า, เจ้าไว้ใจในผู้ใดเล่า? 20 เจ้าพูดว่าเจ้ามีกลศึกและมีกำลังสำหรับทำสงคราม, ก็เป็นแต่ปากเท่านั้น, เจ้าหวังพึ่งใครเจ้าจึงได้คิดกบฏต่อเรา? 21 นี่แน่ะ, บัดนี้เจ้าได้ไว้ใจในไม้เท้าซึ่งเป็นเหมือนไม้อ้อช้ำ, คือประเทศอายฆุบโตนั้น, ซึ่งถ้าผู้ใดจะพิงไม้เท้านั้นไม้เท้าจะแทงมือทะลุ: ฟาโรกษัตริย์อายฆุบโตก็จะเป็นดังนั้นแก่คนทั้งปวงที่ไวใจท่าน. 22 แต่ถ้าเจ้าจะว่าแก่ข้าว่า, เราก็ไวใจในพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา, คือพระองค์นั้นแหละซึ่งที่นมัสการบนเนินสูงของพระองค์: และแท่นบูชาของพระองค์นั้น, ฮีศคียาได้ทำลายเสียแล้วมิใช่หรือ? และได้สั่งแก่ชาวกรุงยะรูซาเลมว่า, เจ้าทั้งหลายจงนมัสการที่แท่นบูชาในกรุงยะรูซาเลม? 23 เหตุฉะนี้, ถ้าเจ้าสัญญาแก่กษัตริย์อะซูริยะนายของข้าว่า, เจ้าจะหาทหารม้าได้สองพันคน, ข้าจะให้ม้าสองพันตัวแก่เจ้า. 24 เจ้าสู้แม่ทัพน้อยผู้หนึ่งของนายข้าไม่ไหว, แล้วเจ้าไว้ใจในประเทศอายฆุบโตเพื่อจะได้รถรบและพลม้าหรือ? 25 ข้าได้ขึ้นมาทำลายที่นี้เสียนอกจากพระยะโฮวาหรือ? พระยะโฮวาตรัสสั่งข้าว่า,จงยกไปตีประเทศนี้และทำลายเสีย. 26 เอ็ลยาคิมบุตรฮีศคียา, เซ็บนา, และโยอา, ได้กล่าวแก่รับซาเคว่า, ขอท่านได้กล่าวแก่ผู้ทาสของท่านเป็นภาษาซุเรีย: ด้วยว่าข้าพเจ้าก็เขาใจภาษานั้น: และอย่ากล่าวแก่ข้าพเจ้าเป็นภาษายูดาให้คนทั้งปวงซึ่งอยู่บนกำแพงฟัง. 27 แต่รับซาเคกล่าวแก่เขาว่า, นายของข้าได้ใช้ข้าให้พูดคำเหล่านี้แก่นายของเจ้า, และแก่เจ้าหรือ? ท่านได้ใช้ข้าให้กล่าวแก่คนเหล่านั้นซึ่งนั่งอยู่บนกำแพง, เพื่อเขาทั้งหลายจะกินอุจจาระและดื่มปัสสาวะของตัวเองด้วยกันกับเจ้ามิใช่หรือ? 28 รับซาเคก็ยืนร้องเสียงดังเป็นภาษายูดาว่า, จงฟังถ้อยคำของมหากษัตริย์นั้น, คือกษัตริย์อะซูริยะ: 29 กษัตริย์นั้นตรัสดังนี้ว่า, อย่าให้ฮีศคียาล่อลวงเจ้า: เพราะเขาไม่อาจจะช่วยเจ้าให้รอดจากกษัตริย์ของเรา. 30 หรืออย่าให้ฮีศคียาชักชวนเจ้าให้ไว้ใจในพระยะโฮวา, ว่าพระยะโฮวาจะให้พวกเรารอดเป็นแน่, และกรุงนี้จะไม่ต้องมอบไว้ในหัตถ์กษัตริย์อะซูริยะ. 31 อย่าเชื่อฟังฮีศคียาเลย: ด้วยว่ากษัตริย์อาซูริยะตรัสดังนี้ว่า, จงเอาเครื่องบรรณาการมาถวายและมาหาเราแล้ว, เจ้าทั้งหลายทุกคนจะได้กินผลจากเถาองุ่น, จะกินผลจากมะเดื่อเทศ, และจะดื่มจากบ่อน้ำของตนเอง: 32 จนกว่าเราจะมาพาเจ้าไปยังแผ่นดินอื่น, ซึ่งเหมือนอย่างแผ่นดินของตนเอง, คือแผ่นดินซึ่งมีข้าว, น้ำองุ่น, อาหาร, สวนองุ่น, น้ำมันมะกอกเทศ, และน้ำผึ้ง, เพื่อเจ้าจะมีชีวิตอยู่, และไม่ตาย: อย่าฟังฮีศคียาเลย, เมื่อเขาจะล่อลวงเจ้าว่า, พระยะโฮวาจะให้เรารอด. 33 พระองค์หนึ่งองค์ใดแห่งประเทศทั้งหลายได้ให้แผ่นดินของเขานั้นรอดจากหัตถ์ของกษัตริย์อะซูริยะหรือ? 34 พระทั้งหลายของเมืองฮามัธ, เมืองอาระฟาด, เมืองซะฟันวายิม, เมืองฮีนาและเมืองฮีวาอยู่ที่ไหน? พระเหล่านั้นได้ช่วยกรุงซะมาเรียรอดจากหัตถ์ของเราหรือ? 35 ท่ามกลางพระทั้งปวงของประเทศทั้งหลาย, มีพระองค์ใดที่ได้ให้เมืองของตนรอดจากหัตถ์ของเรา, พระยะโฮวาหรือจะช่วยให้กรุงยะรูซาเลมรอดจากหัตถ์ของเราได้? 36 คนทั้งหลายก็นิ่งอยู่, มิได้ตอบสักคำเดียว: ด้วยกษัตริย์มีรับสั่งแล้วว่า, อย่าตอบเขาเลย. 37 เอ็ลยาคิมบุตรอีลคียากรมวัง, เซ็บนาอาลักษณ์, และโยอาบุตรอาซาฟพระอาลักษณ์, สวมเสื้อผ้าฉีกขาดมาเฝ้ากษัตริย์ฮีศคียา, ทูลท่านตามถ้อยคำของรับซาเค |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society