1ซามูเอล 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ฝ่ายซามูเอลแจ้งความมายังบรรดาชาวยิศราเอลว่า. ให้ชาติยิศราเอลออกไปทำสงครามตั้งค่ายไว้ริมศิลาชื่อเอเซร์, ต่อสู้กับชาติฟะลิศตีม, ซึ่งตั้งค่ายที่เอเฟค. 2 พวกฟะลิศตีมก็จัดเตรียมรี้พลเพื่อจะต่อสู้กับชาติยิศราเอล, ในการสงครามนั้นพวกยิศราเอลก็พ่ายแพ้แก่พวกฟะลิศตีม, เสียรี้พลที่สนามรบประมาณสี่พันคน. 3 เมื่อพลทหารยิศราเอลกลับเข้าค่ายแล้ว, ผู้เฒ่าแก่ทั้งหลายจึงพูดกันว่า, เหตุไฉนพระยะโฮวาให้พวกเราอัปราชัยแก่พวกฟะลิศตีมวันนี้? ให้พวกเราไปเชิญหีบแห่งความสัญญาไมตรีของพระยะโฮวาออกจากซีโลมาตั้งไว้ท่ามกลางพวกเรา, จะได้ช่วยเราพ้นจากอำนาจเงื้อมมือข้าศึก. 4 ดังนั้นจึงให้คนไปที่ซีโล, เชิญหีบสัญญาไมตรีของพระยะโฮวาแห่งพลโยธา, ผู้ทรงสถิตอยู่เหนือคะรูบิมมาจากที่นั่น, ฮฟนีแลฟีนะฮาศ, บุตรเอลีทั้งสองได้อยู่ที่นั่น, ต่อหน้าหีบแห่งความสัญญาไมตรีของพระเจ้า 5 เมื่อหีบแห่งความสัญญาไมตรีของพระยะโฮวาเข้ามายังค่ายนั้น, แล้วบรรดาพวกยิศราเอลก็โห่ร้องด้วยเสียงอันดังแผ่นดินสะเทือนสะท้าน. 6 ครั้นพวกฟะลิศตีมได้ยินเสียงโห่ร้องจึงถามกันว่า, เสียงโห่ร้องใหญ่ที่ค่ายพวกเฮ็บรายนั้นเป็นสำคัญอะไร? เขาก็รู้ความว่าหีบสัญญาไมตรีแห่งพระยะโฮวามายังค่ายยิศราเอลแล้ว. 7 พวกฟะลิศตีมจึงสะดุ้งกลัวพูดกันว่า, พระเจ้าเสด็จเข้าค่ายนั้นแล้ว, จึงพูดว่า, วิบากแก่พวกเรา! ด้วยในกาลก่อนไม่เคยมีเหตุอย่างนี้เลย. 8 วิบากแก่พวกเรา! ใครจะช่วยพวกเราให้พ้นจากพระหัตถ์แห่งพระเหล่านี้ที่ทรงฤทธานุภาพ? ซึ่งได้ลงโทษแก่ชาวอายฆุบโตด้วยโรคร้ายต่างๆ ในป่า. 9 โอ้ชาติฟะลิศตีมทั้งหลาย จงแข็งใจเป็นบุรุษอันกล้าหาญ, เกลือกว่าจะต้องปฏิบัติชาติเฮ็บราย, เช่นกับที่เคยกระทำแก่พวกเราแต่ก่อนๆ, จงต่อสู้ด้วยเต็มกำลังเถิด. 10 ครั้นพวกฟะลิศตีมได้รบพุ่งจนพวกยิศราเอลพ่ายแพ้แล้ว, ต่างคนต่างหนีไปที่กะโจม, ถูกฆ่าฟันเสียเป็นอันมาก, จนพลทหารเดินเท้าฝ่ายยิศราเอลก็ล้มลงตายสามหมื่นคน. 11 ข้าศึกจึงชิงเอาหีบแห่งพระเจ้าได้, และบุตรทั้งสองของเอลี, คือฮฟนีกับฟีนะฮาศก็ต้องประหารชีวิตเสีย 12 มีชนตระกูลเบ็นยามินผู้หนึ่งวิ่งมาจากกองทัพไปยังเมืองซีโลในวันนั้น, ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด, และผงธุลีอยู่บนศีรษะ. 13 เมื่อมาถึง, ดูเถิด, เอลีนั่งคอยอยู่บนแท่นริมถนน, เพราะมีความวิตกอยู่ด้วยหีบสัญญาไมตรีของพระเจ้า, ครั้นบุรุษนั้นเข้ามาแจ้งความที่หัวเมืองแล้ว บรรดาชาวเมืองก็พากันร้องไห้. 14 เมื่อเอลีได้ยินเสียงร้องไห้นั้นจึงถามว่า, เสียงร้องไห้วุ่นวายนั้นเป็นอะไรกัน? บุรุษผู้นั้นจึงรีบเข้ามาเล่าให้ฟัง. 15 เวลานั้นอายุเอลีได้เก้าสิบแปดปี, ตาของท่านก็มืดมัวมองไม่ใคร่เห็น. 16 ผู้นั้นจึงเรียนเอลีว่า, ข้าพเจ้าเป็นทหารหนีมาจากกองทัพวันนี้, ท่านจึงถามว่า, บุตรเอ๋ยเป็นอย่างไรกันบ้าง? 17 ผู้ส่งข่าวตอบว่า, พวกยิศราเอลหนีพวกฟะลิศตีม เสียรี้พลเป็นอันมากกับทั้งบุตรสองคนของท่าน คือฮฟนีและฟีนะฮาศนั้นก็ถูกฆ่าเสียแล้ว, และหีบของพระเจ้าเขาชิงเอาไปเสีย. 18 เมื่อได้ยินถึงเรื่องหีบของพระเจ้า, เอลีก็ล้มหงายลงจากแท่นริมประตูคอหักสิ้นชีพด้วยท่านเป็นคนชราและอ้วน, ได้ครอบครองประเทศยิศราเอลสี่สิบปีมาแล้ว 19 ภรรยาฟีนะฮาศลูกสะใภ้ของท่านมีครรภ์แก่เกือบจะคลอด, ครั้นได้ยินข่าวว่าหีบของพระเจ้าถูกชิงเอาไปเสียแล้ว, และพ่อสามีกับสามีก็สิ้นชีพด้วย, นางก็ซุดตัวลงคลอดบุตรเพราะความเจ็บปวดบังเกิดขึ้น. 20 เมื่อเวลานางจวนจะขาดใจ, หมู่หญิงที่ยืนอยู่รอบนั้นบอกแก่นางว่า, อย่ากลัวเลย, ด้วยคลอดบุตรเป็นชายแล้ว, แต่นางไม่เอาใจใส่, หรือตอบประการใด. 21 นางก็เรียกชื่อบุตรนั้นว่าอีคาโบด, แปลว่า, สง่าราศีเสื่อมลงจากยิศราเอล ด้วยเหตุว่าหีบของพระเจ้าเขาแย่งเอาไปเสียแล้ว, และทั้งเพราะเรื่องพ่อสามีกับสามีของนาง. 22 นางจึงออกวาจากล่าวว่า, เพราะเหตุหีบของพระเจ้าแย่งไปเสียนั้น, ความสง่าราศีของชาติยิศราเอลจึงเสื่อมลง |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society