1ซามูเอล 2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ฝ่ายนางฮันนาได้อ้อนวอนทูลว่า, จิตต์ใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระยะโฮวา, (กำลัง) ของข้าพเจ้าเจริญขึ้นในพระยะโฮวาเช่นเขาสัตว์, ปากของข้าพเจ้าก็อ้าออกกว้างต่อศัตรูของข้าพเจ้า, เพราะข้าพเจ้าปิติยินดีในความรอดของพระองค์. 2 หามีผู้ใดเป็นบริสุทธิ์ดุจดังพระยะโฮวาไม่, นอกจากพระองค์แล้วหามีผู้ใดเปรียบได้ไม่, หามีศิลา (ที่พึ่ง) ดุจดังพระเจ้าของข้าพเจ้าไม่, 3 อย่าพูดโอหังหยิ่งเหลือเกินไป, อย่าให้วาจาอันจองหองออกจากปากเจ้าทั้งหลาย, ด้วยพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าทรงพระปัญญา, พระองค์ทรงชั่งดูการประพฤติ. 4 ธนูผู้ที่มีกำลังก็ต้องหักเสียไป, แต่ผู้ที่ซวดเซไปก็รัดบั้นเอวไว้ด้วยเรี่ยวแรง. 5 ผู้ที่อิ่มบริบูรณ์ก็ออกรับจ้างหากิน, แต่ผู้ที่อดอยากก็หยุดจากความหิวโหย, แม้ว่าหญิงหมันยังเกิดบุตรได้ถึงเจ็ดคน, แต่มารดาที่มีบุตรมาก, ก็อ่อนกำลังไป. 6 พระยะโฮวาเป็นผู้ทรงประหารชีวิต, และให้มีชีวิต, พระองค์ทรงบันดาลให้ลงไปยังหลุมฝังศพ, หรือให้ขึ้นมาก็ได้. 7 พระยะโฮวาเป็นผู้ทรงกระทำให้จนหรือมั่งมี, พระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลให้ต่ำลง, และสูงขึ้น. 8 คนจนพระองค์ทรงพะยุงขึ้นจากผงธุลี, และผู้ขัดสนจากที่อยากเหยื่อ, ให้นั่งกับเจ้านาย, และจะได้ที่นั่งอันมีเกียรติยศเป็นมรดก ด้วยเสารองแผ่นดินโลกเป็นของพระยะโฮวา, พระองค์ทรงประดิษฐานโลกไว้บนเสาเหล่านั้น. 9 ย่างเท้าของคนบริสุทธิ์พระองค์ทรงรักษาไว้, แต่คนชั่วจะต้องให้หยุดนิ่งอยู่ในที่มืด. เหตุว่ามนุษย์จะเอาชัยชะนะด้วยกำลังของตนเองไม่ได้. 10 ผู้ที่ต่อสู้พระยะโฮวาจะต้องอัปราชัย, พระองค์จะทรงบันดาลให้ฟ้าร้องต่อสู้เขาแต่สวรรค์, พระยะโฮวาจะทรงพิพากษาถึงที่สุดปลายของแผ่นดินโลก, จะพระราชทานอิทธิฤทธิ์ให้แก่กษัตริย์ของพระองค์, ผู้ที่พระองค์ทรงชะโลมแล้ว, จะบันดาลให้มีกำลังเจริญขึ้นเช่นเขาสัตว์ 11 เอ็ลคานาจึงไปบ้านที่เมืองรามา, ส่วนเด็กนั้นได้ปฏิบัติพระยะโฮวาต่อหน้าเอลีผู้ปุโรหิต 12 คราวนั้นบุตรชายของเอลีเป็นคนชั่วช้า, หารู้จักพระยะโฮวาไม่. 13 ผู้ใดฆ่าสัตว์ถวายบูชา, ปุโรหิตเคยทำแก่ชนอย่างนี้, คือเมื่อเขากำลังต้มเนื้อนั้น, คนใช้ของปุโรหิตถือสามง่ามมา. 14 แทงลงในกะทะและกา, หรือกาต้ม, และหม้อบรรดาของที่ติดสามง่ามขึ้นมานั้น ปุโรหิตเรียกเอาเป็นส่วนของตน เขาเคยทำอย่างนี้ที่ซีโลแก่บรรดาชนยิศราเอล, ซึ่งมา ณ ที่นั่น. 15 ถึงแม้นว่าเขายังไม่ทันเผาเปลวมันถวาย, คนใช้ของปุโรหิตเคยมาบอกผู้ฆ่าสัตว์ถวายบูชาว่า, จงมอบเนื้อให้ปุโรหิตปิ้ง. ด้วยเนื้อต้มแล้วท่านไม่ต้องการ, ต้องการดิบ. 16 ถ้าบุรุษผู้นั้นตอบว่า, จะต้องเผาเปลวมันถวายก่อน, แล้วเชิญให้ท่านรับตามชอบใจเถิด. เขาก็ตอบว่า, ไม่ใช่, ต้องให้เดี๋ยวนี้, ถ้าไม่ยอมเราจะเก็บเอา 17 ความผิดของคนหนุ่มเหล่านั้นก็กำเริบขึ้นฉะเพาะพระพักตรพระยะโฮวา, ด้วยเขาดูหมิ่นเครื่องบูชาของพระองค์ 18 ฝ่ายซามูเอลเมื่อยังเป็นกุมารอยู่, ใช้เสื้อเอโฟดผ้าป่านคาดเอวไว้, ได้ปฏิบัติฉะเพาะพระพักตรพระยะโฮวา. 19 ส่วนมารดาเคยทำเสื้อเล็กๆ ให้เขาทุกๆ ปี, เมื่อขึ้นมากับสามี, ในการถวายเครื่องบูชาประจำปีนั้น. ส่วนท่านเอลีก็อวยพรให้แก่เอ็ลคานากับภรรยาว่า, 20 ขอให้พระยะโฮวาทรงประทานให้ท่านมีเผ่าพันธุ์เกิดแต่หญิงนี้, ตามคำอธิษฐานซึ่งได้ทูลขอต่อพระองค์, แล้วเขาก็พากันกลับบ้าน. 21 ครั้นอยู่มาพระยะโฮวาทรงโปรดให้นางฮันนามีครรภ์คลอดบุตรเป็นชายสามคน, และบุตรหญิงสองคน, ฝ่ายกุมารซามูเอลนั้นก็วัฒนาขึ้นฉะเพาะพระพักตรพระยะโฮวา 22 เอลีก็ชราลงมาก, ได้ยินข่าวกล่าวถึงบุตรชายของตนได้กระทำแก่พวกยิศราเอล, ทั้งไปนอนร่วมกับหญิงคนใช้ที่ริมประตูพลับพลาประชุม. 23 ท่านจึงตักเตือนว่า, เจ้ากระทำอย่างนี้ทำไมเล่า? ด้วยเราได้ยินถึงการชั่วของเจ้าแต่ผู้คนเหล่านี้. 24 ลูกเราเอ๋ย, อย่าเลย, ซึ่งเราได้ยินนั้นไม่ใช่ข่าวดี, ทำให้พลไพร่ของพระยะโฮวาหลงผิดไป. 25 ถ้าคนหนึ่งทำผิดต่อเพื่อนมนุษย์, พระเจ้าจะทรงพิพากษาผู้นั้น, หากว่าผู้หนึ่งทำผิดต่อพระยะโฮวา, ใครจะเสนอความขอโทษให้เขา. แต่เขาไม่เชื่อฟังบิดาของตน, ด้วยพระยะโฮวาทรงพระดำริไว้แล้วว่าจะลงโทษประหารชีวิตเขาเสีย. 26 ฝ่ายกุมารซามูเอลก็วัฒนาขึ้น, ได้มีความชอบต่อพระยะโฮวา, และต่อมนุษย์ด้วย 27 มีผู้หนึ่งรับใช้แต่พระเจ้ามาหาเอลี, กล่าวว่า, พระยะโฮวาทรงตรัสดังนี้ว่า, เราได้ปรากฏแน่ชัดแก่วงศ์บิดาของเจ้า, เมื่อยังเป็นทาสกษัตริย์ฟาโร, อยู่ในประเทศอายฆุบโต, มิใช่หรือ? 28 กับได้เลือกสรรจากบรรดาตระกูลยิศราเอลให้เป็นปุโรหิตปฏิบัติเรา ให้ขึ้นไปยังแท่นของเราเพื่อเผาเครื่องหอม, และให้สรวมเสื้อเอโฟดต่อหน้าเรา, บรรดาเครื่องบูชาของพวกยิศราเอลนั้น, เราได้ประทานให้วงศ์บิดาของเจ้ามิใช่หรือ? 29 เหตุไฉนเจ้าทั้งหลายจึงเหยียบย่ำเครื่องบูชากับเครื่องถวายของเราที่เราสั่งแล้วในพลับพลานั้น, ไปนับถือบุตรของตนยิ่งกว่าเรา, และจะเลี้ยงตัวให้อ้วนด้วยบรรดาของถวายอย่างดีของพวกยิศราเอลพลไพร่ของเรา? 30 เหตุฉะนี้พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกยิศราเอลทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า, ถึงเรากล่าวไว้แล้วว่าวงศ์ของเจ้า, และวงศ์บิดาเจ้า, จะดำเนินต่อหน้าเราเป็นเนืองนิตย์: แต่บัดนี้พระยะโฮวาทรงตรัสว่า ให้การนั้นห่างไกลจากเรา, ด้วยว่าผู้ที่ให้เรามีเกียรติยศเราจะให้เกียรติยศแก่ผู้นั้น, แต่ผู้ที่ประมาทเรา, ผู้นั้นต้องดูถูก. 31 นี่แหละ, เวลาจะมาถึง, ซึ่งเราจะตัดเชื้อสายของเจ้า, กับเชื้อสายวงศ์บิดาของเจ้าให้ขาดจนหามีคนชราในวงศ์เจ้าไม่เลย. 32 เจ้าจะเห็นปัจจามิตร (ประจำอยู่) ในพลับพลา, กับบรรดาทรัพย์ที่จะทรงประทานให้ชาติยิศราเอล, แต่คนชราในวงศ์ของเจ้าจะไม่มีสืบไปเป็นนิตย์. 33 ส่วนหลานชายของเจ้า, ซึ่งเราจะไม่ตัดขาดจากแท่นบูชาของเรา, จะเป็นที่รำคาญตาและร้อนใจแก่เจ้าแลแก่บรรดาผู้ที่สืบเชื้อวงศ์ของเจ้า, จะสิ้นชีพเมื่ออายุยังอยู่ในมัชฌิมวัย, 34 ความข้อนี้จะเป็นสำคัญให้เจ้ารู้, คือเหตุซึ่งจะเกิดขึ้นแก่ฮฟนีและฟีนะฮาศผู้บุตร, เขาทั้งสองจะต้องตายในวันเดียวกัน. 35 เราจะตั้งปุโรหิตอันสัตย์ซื่อขึ้นสำหรับเราจะได้ประพฤติตามชอบใจและตามคำดำริของเรา, ทั้งเราจะตั้งให้ผู้นั้นมีพงศ์พันธุ์มั่นคง, จะได้ดำเนินฉะเพาะหน้าผู้ชะโลมของเราสืบไปเป็นนิตย์. 36 ครั้นต่อมาบรรดาผู้ที่ยังเหลืออยู่ในเชื้อวงศ์ของเจ้า, จะมากราบลงขอเงินแผ่นหนึ่งและขนมก้อนหนึ่ง, และร้องขอโปรดตั้งให้เป็นปุโรหิต, เพื่อจะได้รับประทานขนมสักชิ้นหนึ่ง |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society