1ซามูเอล 17 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ฝ่ายชาวฟะลิศตีมได้ยกกองทัพเพื่อจะทำยุทธสงคราม, มาประชุมกันที่ตำบลโซโคแขวงเมืองยูดา, แล้วก็ตั้งค่ายอยู่ระหว่างโซโคกับอะเซคาที่ตำบลเอเฟศดำมิน. 2 ซาอูลกับกองทัพยิศราเอล, ได้ประชุมกันตั้งค่าย, ที่หุบเขาชื่อเอลา, ได้จัดเตรียมรี้พลไว้ต่อสู้กองทัพฟะลิศตีม. 3 กองทัพฟะลิศตีม, ได้ตั้งอยู่ที่เนินเขาข้างโน้น, ฝ่ายกองทัพยิศราเอล, ได้ตั้งอยู่ที่เนินเขาข้างนี้, แต่ที่ในระหว่างกองทัพนั้นเป็นที่ลาด. 4 มีผู้รับอาสาคนหนึ่งออกมาจากค่ายฟะลิศตีมชื่อฆาละยัธ, ชาวเมืองฆัธ, รูปร่างสูงหกศอกคืบ. 5 สรวมหมวก เกราะทองเหลืองและเสื้อเป็นเกราะเกล็ด มีน้ำหนักหกสิบสองชั่งสิบตำลึง. 6 เขาสรวมเกราะทองเหลือง เหน็บหอกทองเหลืองอย่างสั้นไว้ที่หัวไหล่. 7 ด้ามหอกโตเท่าไม้กระพันทอผ้า, ปลายหอกนั้นเป็นเหล็กหนักเจ็ดชั่งสิบตำลึง, มีคนถือโล่ห์เดินนำหน้าด้วย. 8 ฆาละยัธยืนขึ้นแผดเสียงอันดัง, ท้าทายกองทัพยิศราเอลว่า, เจ้าทั้งหลายออกมาจัดเตรียมรี้พลการสงครามทำไมเล่า? เราเป็นชาวฟะลิศตีมมิใช่หรือ, และเจ้าทั้งหลายก็เป็นไพล่พลแห่งซาอูลมิใช่หรือ? จงเลือกผู้หนึ่งให้ลงมาสู้เรา, แทนพวกเจ้า. 9 ถ้าแม้นเขามีชัยชะนะฆ่าเราตาย พวกเราจึงจะยอมเป็นทาสพวกเจ้า, ถ้าแม้นเรามีชัยชะนะฆ่าเขาตาย พวกเจ้าต้องยอมเป็นทาสปฏิบัติเรา. 10 ชาวฟะลิศตีมคนนั้นจึงพูดว่า, วันนี้เราท้าทายกองทัพยิศราเอล, ให้เลือกผู้รับอาสาออกมาสู้รบกัน. 11 ครั้นซาอูลกับบรรดาชนชาติยิศราเอลได้ยินชาวพะลิศตีมกล่าวคำเหล่านั้น, ก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวเป็นที่ยิ่ง 12 ฝ่ายดาวิดเป็นบุตรชาวเมืองเอ็ฟราธ, คือเบธเลเฮ็มอยู่ในแขวงตระกูลยูดา, ชื่อยิซัย ๆ มีบุตรชายแปดคน และในคราวแผ่นดินซาอูลนั้น, ยิซัยเป็นคนชรากว่าคนอื่น. 13 บุตรใหญ่ของยิซัยสามคนได้ตามซาอูล, ไปยังที่สนามรบคือบุตรหัวปีชื่อเอลีอาบ, ที่สองอะบีนาดาบ, ที่สามซัมมา. 14 ดาวิดเป็นบุตรสุดท้อง และบุตรใหญ่ทั้งสาม, ก็ตามซาอูลไปแล้ว. 15 ส่วนดาวิดเคยทูลลาซาอูลกลับไปกลับมาที่เมืองเบธเลเฮ็ม, เพื่อจะเลี้ยงดูฝูงแกะของบิดา. 16 ฝ่ายชนฟะลิศตีมนั้น, ได้ตั้งประชิดเข้ามาทั้งเวลาเช้าเวลาเย็นถึงสี่สิบวัน 17 ยิซัยจึงสั่งดาวิดบุตรของตนว่า, ให้เอาข้าวขั้วเอฟาหนึ่ง (สองถัง) กับขนมสิบก้อนนี้, รีบไปส่งให้พี่ชายที่ค่าย. 18 กับเนยแข็งสิบอันนี้ให้แก่นายพันเอก, ให้สืบถามความทุกข์สุขของพี่ชาย, แล้วรับของฝากมาจากเขาด้วย. 19 ส่วนซาอูลและพี่ชายของดาวิดกับบรรดาพลทหารยิศราเอล, ได้ตั้งอยู่หว่างเขาชื่อเอลา, กำลังสู้รบกันกับชาติฟะลิศตีม. 20 ครั้นรุ่งเช้าดาวิดก็ลุกขึ้นฝากฝูงแกะไว้กับผู้เลี้ยง, ได้รับของไปดุจคำสั่งของยิซัย แล้วเข้ามาถึงวงเกวียน, ขณะเมื่อกองทัพกำลังออกไปเริ่มการรบ, ก็โห่ร้องกึกก้องในการณรงค์. 21 พวกยิศราเอลกับพวกฟะลิศตีม, ได้จัดเตรียมการณรงค์ไว้, กองทัพต่อกองทัพ. 22 ฝ่ายดาวิดได้ฝากของไว้กับผู้รักษา, แล้ววิ่งเข้ามายังกองทัพ ถามถึงความทุกข์สุขของพี่ชาย, 23 ขณะเมื่อยังกำลังพูดอยู่นั้น, ดูเถิด ชนชาวฟะลิศตีมที่เป็นผู้รับอาสาชื่อฆาละยัธชาวเมืองฆัธ, ออกมาจากกองทัพฟะลิศตีม กล่าวถ้อยคำดุจคราวก่อน, ดาวิดก็ได้ยิน. 24 ครั้นบรรดาชนชาวยิศราเอลเห็นคนนั้น, ก็พากันหนีไปเสีย, เพราะกลัวอย่างยิ่ง. 25 ชนชาติยิศราเอลพูดกันว่า, คนที่ขึ้นมานั้นเห็นแล้วหรือ? เขาขึ้นมาเพื่อจะท้าทายพวกยิศราเอลเป็นแน่, ทหารคนใดฆ่าเขาได้, กษัตริย์จะพระราชทานทรัพย์ให้ผู้นั้นมาก, ทั้งจะพระราชทานราชธิดาให้ด้วย, และส่วนวงศ์บิดาเขาทั้งตระกูล, จะยกเว้นภาษีอากรให้ทั่วประเทศยิศราเอล. 26 ดาวิดจึงถามคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ว่า, จะทำอย่างไรแก่ผู้ที่จะฆ่าชาวฟะลิศตีมคนนี้, จึงจะให้ความอัปยศศูนย์หายไปจากพวกยิศราเอล? ชาวฟะลิศตีมที่ไม่รับศีลสุนัดคนนี้, เป็นผู้ใดเล่า, จึงองอาจท้าทายกองทัพแห่งพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่? 27 ชนทั้งปวงก็ตอบดังนี้ว่า, ผู้ที่ฆ่าเขาได้ก็จะรับที่ดังกล่าวมาแล้วนั้น 28 เอลีอาบพี่ชายใหญ่ได้ยินดาวิดพูดกับเขา, ก็โกรธดาวิด, จึงถามว่า, น้องลงมานี้ด้วยเหตุใดเล่า? แกะฝูงน้อยที่ในป่านั้นได้ฝากไว้กับใคร? พี่รู้ความเย่อหยิ่งและความดื้อด้านในใจของน้องแล้ว, น้องลงมาก็เพื่อจะดูการสงครามเท่านั้น. 29 ดาวิดตอบว่า, บัดนี้น้องได้ทำอะไรเล่า? มีเหตุแล้วมิใช่หรือ? 30 ดาวิดเบือนหน้าจากพี่ไปพูดกับผู้อื่น, ดังที่กล่าวมาแล้ว, ส่วนชนทั้งปวงก็ตอบเขาอย่างนั้น 31 ครั้นเขาทั้งหลายได้ยินคำที่ดาวิดพูด, จึงกราบทูลซาอูล ๆ จึงมีรับสั่งให้ดาวิดมาเฝ้า. 32 ดาวิดจึงทูลว่า, อย่าให้ผู้ใดตกใจกลัวชาวฟะลิศตีมคนนี้, ข้าพเจ้าขอรับอาสาไปสู้เขา. 33 ซาอูลรับสั่งแก่ดาวิดว่า, เจ้าไม่สามารถจะไปต่อสู้กับชาวฟะลิศตีมคนนี้ได้, ด้วยเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม, แต่เขาเป็นคนชำนาญศึกมาแต่หนุ่ม. 34 ดาวิดทูลซาอูลว่า, ข้าพเจ้าเป็นผู้เลี้ยงแกะของบิดา แม้มีสิงห์โต, หรือหมีแอบมาคาบเอาแกะตัวหนึ่งไปเมื่อไร. 35 ข้าพเจ้าได้ติดตามไปตีแย่งช่วยตัวแกะให้รอดจากปากมันเมื่อนั้น, ขณะมันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพเจ้า ๆ จับหนวดไว้, ตีมันล้มตาย. 36 ข้าพเจ้าได้ตีทั้งสิงห์โตทั้งหมีให้ตาย, และชาวฟะลิศตีมที่ไม่ได้รับศีลสุนัดคนนี้คงจะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง, ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่. 37 ดาวิดก็ทูลว่า, พระยะโฮวาผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเล็บเท้าสิงห์โตและจากเล็บหมี, พระองค์คงจะช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากมือชาวฟะลิศตีมคนนี้ด้วย, ซาอูลจึงรับสั่งแก่ดาวิดว่า, ไปเถิด ขอให้พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ด้วย. 38 ซาอูลจึงทรงสรวมเครื่องทรงของท่านให้แก่ดาวิดและหมวกเกราะทองเหลือง, และเสื้อเกราะเกล็ดของท่านด้วย. 39 ดาวิดได้ผูกกระบี่ของตนไว้กับเสื้อเกราะ ก็ลองเดินดู, เพราะยังไม่เคยสรวม แล้วจึงกราบทูลซาอูลว่า, ข้าพเจ้าจะไปกับเครื่องเหล่านี้ไม่ได้, เพราะยังไม่เคย, ดาวิดจึงได้ถอดเครื่องเหล่านั้นออกเสีย. 40 ดาวิดจึงถือไม้เท้าของตน และเลือกหากรวดอันเกลี้ยงกลม, มาจากลำธารห้าก้อน ใส่ไว้ในย่ามของตน, กับมีสลิงสำหรับเหวี่ยงขว้างกรวดติดมือเขาไปด้วย แล้วเข้าไปหาชาวฟะลิศตีมคนนั้น 41 ส่วนชาวฟะลิศตีมนั้นได้เข้ามาหาดาวิด, มีทหารถือโล่ห์นำหน้ามาด้วย. 42 เมื่อชาวฟะลิศตีมเหลือบตาเห็นดาวิดก็ดูหมิ่นด้วยว่าเป็นแต่คนหนุ่มผมแดง, หน้าขาวสวย. 43 ชาวฟะลิศตีมจึงทักถามดาวิดว่า, เราเป็นสุนัขหรือเจ้าจึงถือไม้เข้ามา? และชาวฟะลิศตีมก็ด่าแช่งดาวิดด้วยออกนามพระของตน. 44 แล้วพูดแก่ดาวิดว่า, จงมาหาเราเถิด, เราจะแล่เนื้อให้แก่นกบนอากาศและสัตว์ในทุ่งนา. 45 ดาวิดจึงตอบฟะลิศตีมว่า, เจ้าเข้ามาหาเราด้วยดาพและหอกยาวหอกสั้น แต่ฝ่ายเรามาหาเจ้าด้วยนามแห่งพระยะโฮวาของพลโยธาพระเจ้าแห่งกองทัพยิศราเอล, ซึ่งเจ้าได้ท้าทายนั้น, 46 วันนี้แหละพระยะโฮวาจะทรงมอบเจ้าไว้ในมือของเราๆ จะฆ่าตัดศีรษะเสียให้ขาด, วันนี้แหละเราจะให้ศพกองทัพฟะลิศตีมแก่นกบนอากาศและสัตว์ที่ทุ่งนา, เพื่อบรรดาชาวโลกจะได้รู้ว่า, ชาติยิศราเอลมีพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย, 47 ทั้งบรรดาที่ประชุมนี้จะได้รู้ว่า, พระยะโฮวาทรงช่วยให้รอด, โดยมิได้ใช้กระบี่หรือหอก, เพราะว่าการสงครามนั้นเป็นของพระยะโฮวา, พระองค์จะทรงมอบเจ้าทั้งหลายไว้ในมือของเรา. 48 อยู่มาเมื่อชาวฟะลิศตีมเข้ามาหาดาวิด, ดาวิดก็รีบวิ่งไปหาชาวฟะลิศตีมคนนั้นข้างกองทัพข้าศึก. 49 แล้วเอามือล้วงย่ามได้กรวดก้อนหนึ่ง, ก็ใส่สลิงเหวี่ยงขว้างไปถูกหน้าผากชาวฟะลิศตีมคนนั้น, ก้อนกรวดก็ทะลุเข้าไปตรงหน้าฝากคนนั้น, คนนั้นก็ฟุบหน้าลงที่ดิน 50 ดาวิดได้ชัยชะนะชาวฟะลิศตีมด้วยกอนกรวดกับสลิงและฆ่าเขา, แต่หาได้ถือกระบี่ติดมือไปไม่. 51 ดาวิดก็วิ่งไปเหยียบบนตัวชาวฟะลิศตีมคนนั้น ชักกระบี่ของผู้นั้นออกจากฝัก ก็ฟันคอเขาขาดด้วยกระบี่เล่มนั้น, ครั้นกองทัพฟะลิศตีมเห็นว่าคนฉกรรจ์ฝ่ายเขาตายแล้ว, ก็พากันหนีไป. 52 ชาวยิศราเอลกับตระกูลยูดาเห็นได้ที, ก็พากันลุกขึ้นโห่ร้องไล่ติดตามกองทัพฟะลิศตีมไปจนถึงหุบเขาตำบลหนึ่ง, และถึงประตูเมืองเอ็กโรน, ฟะลิศตีมที่ถูกอาวุธล้มตายตามทางประตูทั้งคู่, จนถึงเมืองฆัธและเมืองเอ็กโรน. 53 เมื่อชาวยิศราเอลไล่ติดตามชาวฟะลิศตีมไปนั้น, เขากลับไปเก็บเอาสิ่งของในค่ายมาด้วย. 54 ส่วนศีรษะของชาวฟะลิศตีมคนนั้น, ดาวิดได้ถือมายังเมืองยะรูซาเล็ม, แต่เครื่องรบของเขานั้น, ได้เก็บไว้ที่ทับอาศัยของตน 55 ขณะเมื่อซาอูลทอดพระเนตรดูดาวิด, ออกไปต่อสู้กับชนชาติฟะลิศตีมนั้น จึงมีพระดำรัสถามอับเนรแม่ทัพว่า, คนหนุ่มนั้นเป็นบุตรใคร? อับเนรทูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ข้าพเจ้าไม่ทราบแน่ฉันนั้น. 56 กษัตริย์รับสั่งว่า, จงไปสืบถามดูว่า, คนหนุ่มนั้นเป็นบุตรของใคร. 57 ครั้นดาวิดกลับมาจากฆ่าชาวฟะลิศตีมแล้ว, อับเนรนำดาวิดเข้ามาเฝ้าซาอูล, ทั้งมือกำลังถือศีรษะฟะลิศตีมคนนั้น. 58 ซาอูลทรงถามว่า, คนหนุ่มเอ๋ย, เจ้าเป็นบุตรของใคร? ดาวิดทูลว่า, เป็นบุตรยิซัยชาวเบธเลเฮ็มซึ่งเป็นทาสของพระองค์ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society