1พงศ์กษัตริย์ 3 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 กษัตริย์ซะโลโมได้ทำพระราชไมตรีกับฟาโรกษัตริย์ประเทศอายฆุบโต, จึงได้รับพระราชธิดาของฟาโรมายังเมืองดาวิด, จนถึงได้สร้างพระราชวังของพระองค์, และโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, และกำแพงล้อมกรุงยะรูซาเลมจนเสร็จ. 2 แต่พลไพร่นั้นได้กระทำการบูชาในที่เนินสูง, เพราะยังไม่มีโบสถ์สร้างไว้สำหรับนมัสการพระนามพระยะโฮวา, จนถึงวันนั้น. 3 และซะโลโมได้รักใคร่พระยะโฮวา, และดำเนินตามข้อกฎหมายของดาวิดราชบิดาของพระองค์: เว้นแต่พระองค์ทรงกระทำการบูชาและเผาเครื่องหอมที่เนินสูง 4 กษัตริย์ได้เสด็จไปเมืองฆิบโอนเพื่อจะถวายบูชาที่นั้น; เพราะที่นั้นเป็นเนินสูงใหญ่: และซะโลโมได้ทรงเผาเครื่องบูชาเพลิงแกะพันตัวบนแท่นนั้น. 5 พระยะโฮวาได้ปรากฏแก่ซะโลโมในเมืองฆิบโอนโดยนิมิตต์ณกลางคืน: และพระเจ้าทรงตรัสว่า, “เจ้าจงขอสิ่งซึ่งเราจะประทานให้เจ้า.” 6 ซะโลโมจึงทูลว่า, พระองค์ได้ทรงสำแดงพระกรุณาคุณอันใหญ่แก่ทาสของพระองค์, คือดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้า, ตามที่ท่านได้ประพฤติฉะเพาะพระองค์โดยความจริง, ความชอบธรรม, และความสัตย์ซื่อในใจ; พระองค์ก็ได้ทรงรักษาพระกรุณาคุณอันใหญ่นี้สำหรับท่าน, คือพระองค์ได้ประทานแก่ท่านให้มีบุตรคนหนึ่งนั่งบนพระที่นั่งของท่าน, เหมือนอย่างที่เป็นอยู่วันนี้. 7 โอ้พระยะโฮวา, พระเจ้าของข้าพเจ้า, บัดนี้พระองค์ได้ทรงตั้งทาสของพระองค์ไว้เป็นกษัตริย์แทนดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้า: และข้าพเจ้ายังเป็นแต่เด็ก: ยังหารู้ว่าจะออกไปและเข้ามาอย่างไรไม่. 8 ทาสของพระองค์ได้อยู่ท่ามกลางไพร่พลของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้, คือไพร่พลอันใหญ่ยิ่งเป็นอันมาก, เหลือที่จะนับได้. 9 เหตุฉะนี้ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแก่ทาสของพระองค์ให้มีใจที่จะเข้าใจในการพิพากษาไพร่พลของพระองค์, เพื่อข้าพเจ้าจะสังเกตได้ซึ่งการดีและชั่ว: เพราะว่าผู้ใดอาจจะพิพากษาไพร่พลของพระองค์อันใหญ่ยิ่งนี้ได้? 10 การซึ่งซะโลโมได้ทูลขอสิ่งนี้, เป็นที่ชอบแก่พระทัยพระเจ้า. 11 พระเจ้าจึงตรัสแก่ซะโลโมว่า, “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้, มิได้ขอชีวิตยืนยาวสำหรับตัวเอง; หรือเงินทอง, หรือมิได้ขอชีวิตศัตรูของเจ้า; แต่ได้ขอพระปัญญาเพื่อจะรู้ความยุตติธรรม; 12 นี่แน่ะ, เราได้กระทำตามถ้อยคำของเจ้าแล้ว: เราได้ให้เจ้ามีใจประกอบด้วยสติปัญญาและเชื่อฟัง; แต่กาลก่อนก็ดี, หรือภายหลังเจ้าก็ดี, จะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเหมือนอย่างเจ้า. 13 เราได้ให้เจ้าซึ่งเจ้ามิได้ขอด้วย, คือทั้งทรัพย์สมบัติ, และเกียรติยศ: จนไม่มีผู้ใดในท่ามกลางกษัตริย์ทั้งหลายเหมือนอย่างเจ้า, สิ้นวันทั้งหลายของเจ้า. 14 และถ้าเจ้าดำเนินตามทางของเรา, รักษาข้อกฎหมาย, และข้อบัญญัติของเรา, เหมือนอย่างดาวิดบิดาของเจ้าได้ประพฤติ, เมื่อนั้นเราจะให้อายุของเจ้ายืนยาวไป.” 15 แล้วซะโลโมก็ตื่นขึ้นจากบรรทม; และนี่แน่ะ, ก็เป็นการนิมิตต์ฝัน. พระองค์เสด็จมายังกรุงยะรูซาเลม, ยืนอยู่ฉะเพาะหีบพระบัญญัติไมตรีแห่งพระยะโฮวา, และได้ถวายบูชาเพลิง, และบูชาความสุขสำราญและได้ทรงกระทำการเลี้ยงสำหรับข้าราชการทั้งหลายของพระองค์ 16 ขณะนั้นมีหญิงสองคนเป็นหญิงแพศยา, มาเฝ้าอยู่ฉะเพาะกษัตริย์. 17 คนหนึ่งจึงกราบทูลว่า, โอกษัตริย์เจ้าข้า, ข้าพเจ้ากับหญิงคนนี้อาศัยอยู่เรือนหลังเดียวกัน; ข้าพเจ้าได้คลอดบุตร, เขาก็อยู่ในเรือนนั้นด้วย. 18 ครั้นข้าพเจ้าคลอดบุตรได้สามวันแล้ว, อยู่มาภายหลังหญิงคนนี้คลอดบุตรด้วย: ข้าพเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกัน, มิได้มีแขกบ้านอยู่ในเรือนนั้น, มีแต่ข้าพเจ้าทั้งสองเท่านั้น. 19 บุตรของหญิงคนนี้ก็ตายในเวลากลางคืน; ด้วยเขานอนทับ. 20 ครั้นเวลาเที่ยงคืนเขาก็ลุกขึ้น, อุ้มเอาบุตรของข้าพเจ้าไปจากข้างข้าพเจ้า, และวางไว้ที่อกของเขา, และบุตรของเขาที่ตายนั้น, เอามาวางไว้ที่อกของข้าพเจ้า, เมื่อทาสของพระองค์หลับอยู่. 21 ครั้นข้าพเจ้าตื่นขึ้นเช้ามืดจะให้บุตรกินนม, ก็เห็นว่าตายเสียแล้ว: แต่เมื่อสว่างแล้ว, ข้าพเจ้าพิจารณาดูก็เห็นว่ามิใช่บุตรของข้าพเจ้าที่คลอดนั้น. 22 หญิงอีกคนหนึ่งจึงกล่าวว่า, ไม่ใช่ดังนั้นเลย; บุตรที่มีชีวิตอยู่นั้นเป็นบุตรของข้าพเจ้า, บุตรคนที่ตายนั้นเป็นของเจ้า. หญิงนั้นจึงว่า, มิใช่ดังนั้น; บุตรที่ตายเป็นของเจ้า, บุตรที่มีชีวิตอยู่เป็นของข้าพเจ้า. หญิงทั้งสองก็ทุ่มเถียงกันอย่างนั้นต่อพระพักตรกษัตริย์ 23 แล้วกษัตริย์จึงรับสั่งว่า, คนนี้ว่าบุตรที่มีชีวิตเป็นของข้าฯบุตรที่ตายของเจ้า: อีกคนหนึ่งว่าไม่ใช่แต่บุตรของเจ้าตายเสียแล้ว, บุตรของข้ายังมีชีวิตอยู่. 24 กษัตริย์จึงรับสั่งว่า, จงเอาดาบมานี่เถิด, และเขาก็เอาพระแสงมาฉะเพาะพระพักตร. 25 แล้วกษัตริย์จึงตรัสสั่งว่า, จงตัดทารกซึ่งมีชีวิตอยู่ให้เป็นสองท่อน, ให้หญิงคนนี้ครึ่งหนึ่ง, คนนั้นครึ่งหนึ่ง. 26 แล้วหญิงผู้มารดาบุตรที่มีชีวิตอยู่นั้นมีใจสงสารบุตรของตน, จึงกราบทูลกษัตริย์ว่า, โอ้กษัตริย์เจ้าข้า, บุตรที่มีชีวิตอยู่ขอทรงโปรดประทานให้แก่เขาอย่าทรงฆ่าเสียเลย. แต่หญิงคนนั้นกล่าวว่า, ขอทรงแบ่งเสียเถิด, อย่าให้เป็นของข้าฯหรือของเจ้าเลย. 27 แล้วกษัตริย์จึงตรัสว่า, บุตรที่มีชีวิตอยู่อย่าฆ่าเลย. จงให้แก่หญิงคนนั้น, เพราะเขาเป็นมารดา. 28 พวกยิศราเอลทั้งปวงได้ยินเรื่องการทรงพิพากษา, ซึ่งกษัตริย์ทรงพิพากษานั้น; เพราะเขาทั้งหลายก็ได้กลัวเกรงกษัตริย์: เพราะเขาเห็นว่า, พระสติปัญญาแห่งพระเจ้าได้สถิตอยู่ในพระองค์แล้วเพื่อจะทรงพิพากษาได้ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society