1พงศ์กษัตริย์ 22 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ในระยะสามปีชาวซุเรียและชาวยิศราเอลก็ไม่มีศึกต่อกันเลย. 2 ในปีที่สามยะโฮซาฟาดกษัตริย์ยูดาเสด็จลงไปเฝ้ากษัตริย์ยิศราเอล. 3 กษัตริย์ยิศราเอลตรัสแก่ข้าราชการว่า, ท่านทั้งหลายรู้แล้วหรือราโมธในฆีละอาดเป็นเมืองของเรา, และเราจะนิ่งอยู่ไม่ตีเอาคืนมาจากเงื้อมมือกษัตริย์ประเทศซุเรียหรือ? 4 และท่านกล่าวแก่ยะโฮซาฟาดว่า, ท่านจะยกทัพไปตีเมืองราโมธฆีละอาดด้วยกันกับเราหรือ? ยะโฮซาฟาดจึงตอบกษัตริย์ยิศราเอลว่า, ข้าพเจ้ากับท่านก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน, ไพร่พลของข้าพเจ้าก็เป็นไพร่พลของท่าน, และม้าของข้าพเจ้าก็เป็นม้าของท่าน 5 ยะโฮซาฟาดทูลกษัตริย์ยิศราเอลว่า, ขอท่านจงทูลถามพระยะโฮวาเสียก่อน. 6 แล้วกษัตริย์ยิศราเอลจึงให้ผู้ทำนายทั้งหลายประชุมประมาณสี่ร้อยคนตรัสถามเขาว่า, เราจะยกทัพขึ้นไปตีเมืองราโมธฆีละอาดจะดีหรือไม่? เขาทั้งหลายกราบทูลตอบว่า, เชิญเสด็จยกขึ้นไปเถิด, ด้วยว่าพระยะโฮวาจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์. 7 ยะโฮซาฟาดทรงถามว่า, ที่นี่ไม่มีผู้พยากรณ์แห่งพระยะโฮวาอีกหรือ, เพื่อเราจะได้ถาม? 8 กษัตริย์ยิศราเอลทรงตอบยะโฮซาฟาดว่า, มีอีกคนหนึ่งชื่อมีคายาบุตรยิมลา, เราอาจทูลถามแต่พระยะโฮวาได้โดยผู้นั้น: แต่เราเกลียดชังเขา; ด้วยว่าเขาทำนายแต่ความร้ายมิได้ทำนายความดีให้เราเลย. ยะโฮซาฟาดทรงตอบว่า, ขอกษัตริย์อย่าตรัสดังนั้นเลย. 9 แล้วกษัตริย์ยิศราเอลจึงเรียกมหาดเล็ดคนหนึ่งมาทรงสั่งว่า, จงไปเอาตัวมีคายาบุตรยิมลามานี่โดยเร็ว. 10 กษัตริย์ยิศราเอลและยะโฮซาฟาดกษัตริย์ยูดาทรงเครื่องประทับบนพระที่นั่งองค์ละพระที่นั่ง, ซึ่งประดิษฐานไว้ที่พระลานน่าประตูกรุงซะมาเรีย; และผู้ทำนายทั้งหลายก็ทำนายต่อหน้าพระที่นั่ง. 11 ซิดคียาบุตรคะนันยาจึงเอาเหล็กรูปทำเป็นเขา: แล้วว่า, พระยะโฮวาตรัสดังนี้ว่า, “ด้วยเขาผู้นี้, ท่านจงชวนชาวซุเรียจนจะกระทำให้เขาพินาศศูนย์ไป.” 12 และผู้ทำนายทั้งปวงได้ทำนายดังนั้นว่า, จงขึ้นไปยังเมืองราโมธฆีละอาดและจงมีชัย: ด้วยว่าพระยะโฮวาจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์แห่งกษัตริย์ 13 มหาดเล็กนั้นจึงไปเรียกมีคายากล่าวแก่ท่านว่า, นี่แน่ะ, บัดนี้คำแห่งผู้ทำนายทั้งปวงได้กล่าวแก่ความดีแก่กษัตริย์นั้นเป็นเสียงเดียวกัน: ขอให้คำของท่านเป็นเหมือนคำของเขา, และกล่าวแต่สิ่งที่เป็นมงคลดี. 14 มีคายจึงตอบว่า, พระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ข้าพเจ้าจะพูดตามที่พระยะโฮวาตรัสแก่ข้าพเจ้าฉันนั้น. 15 เมื่อเขามาเฝ้ากษัตริย์, กษัตริย์นั้นจึงตรัสแก่เขาว่า, มีคายา, เราควรจะขึ้นไปตีเมืองราโมธฆีละอาดหรือไม่ควรจะไป? เขาทูลตอบว่า, จงไปและมีชัยเถิด: ด้วยว่าพระยะโฮวาจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์แห่งกษัตริย์. 16 กษัตริย์จึงตรัสแก่เขาว่า, เราจะต้องสั่งเจ้าสักกี่ครั้งให้บอกล้วนแต่ความจริงแก่เราในพระนามแห่งพระยะโฮวา? 17 เขาจึงทูลตอบว่า, ข้าพเจ้าได้เห็นพวกยิศราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายไปบนภูเขา, ดุจฝูงแกะซึ่งไม่มีผู้เลี้ยง: และพระยะโฮวาจึงตรัสว่า, “พวกเหล่านี้ไม่มีนาย: ให้เขากลับไปยังเรือนตนทุกคนโดยความผาสุข.” 18 กษัตริย์ยิศราเอลจึงตรัสแก่ยะโฮซาฟาดว่า, เราบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่า, เขาจะไม่ทำนายดีให้เรามีแต่ร้ายเท่านั้น. 19 มีคายาจึงทูลว่า, เหตุฉะนี้พระองค์จงทรงฟังคำแห่งพระยะโฮวา: ข้าพเจ้าก็เห็นพระยะโฮวาทรงประทับบนพระที่นั่ง. และพลโยธาทั้งปวงแห่งสวรรค์ก็ยืนอยู่ใกล้พระองค์, ข้างพระหัตถ์เบื้องขวาและเบื้องซ้าย. 20 พระยะโฮวาตรัสถามว่า, ใครจะเกลี้ยกล่อมอาฮาบให้เขาขึ้นไปตายที่เมืองราโมธฆีละอาดได้? บ้างก็ทูลดังนี้, บ้างก็ทูลดังนั้น. 21 มีปีศาจตนหนึ่งมาปรากฏฉะเพาะพระยะโฮวา, ทูลว่า, ข้าพเจ้าจะอาสาไปเกลี้ยกล่อมเขา. 22 พระยะโฮวาตรัสถามว่า, จะเกลี้ยกล่อมอย่างไร? ปีศาจตอบว่า, ข้าพเจ้าจะเป็นวิญญาณไปสิงในปากผู้ทำนายทั้งปวง, และล่อลวงเขาเอง. เจ้าคงจะเกลี้ยกล่อมให้สำเร็จได้: จงไปทำดังนั้นเถิด. 23 เหตุฉะนั้น, พระยะโฮวาได้ทรงให้ปีศาจล่อลวงเข้าสิงในปากผู้ทำนายทั้งหลายเหล่านี้, และพระยะโฮวาได้ตรัสถึงอันตรายที่จะเกิดแก่ท่าน 24 ซิดคียาบุตรคะนันยาจึงแอบเข้าไปใกล้, และตบมีคายาที่แก้มแล้วว่า, วิญญาณแห่งพระยะโฮวาได้ไปจากข้าอย่างไร? จึงได้ตรัสแก่เจ้าอย่างนั้น. 25 มีคายาจึงตอบว่า, นี่แน่ะ, เจ้าจะเห็นได้ในวันนั้นว่า, เจ้าจะเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อซ่อน ตัวในห้องนั้น. 26 กษัตริย์ยิศราเอลจึงตรัสว่า, จงจับมีคายาพาไปมอบไว้กับอาโมนผู้ว่าราชการเมือง, และโยอาศราชบุตร. 27 และจงสั่งเขาว่า, จงเอาคนนี้จำคุกและให้กินแต่ขนมปังและน้ำ, ด้วยความทุกข์จนเราจะมีชัยกลับมา. 28 มีคายาจึงทูลตอบว่า, ถ้าท่านมีชัยกลับมา, พระยะโฮวาก็มิได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าและเขากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า, โอ้คนทั้งปวงทุกคนจงเป็นพะยานเถิด 29 กษัตริย์ยิศราเอลและยะโฮซาฟาดกษัตริย์ยูดา, ก็ยกทัพขึ้นไปตีเมืองราโมธฆีละอาด. 30 กษัตริย์ยิศราเอลจึงว่าแก่ยะโฮซาฟาดว่า, เราจะปลอมตัวเข้าไปรบ; แต่ให้ท่านทรงเครื่องกษัตริย์, แล้วกษัตริย์ยิศราเอลก็ได้ปลอมพระองค์เข้าไปในการรบ. 31 แต่กษัตริย์ประเทศซุเรียได้มีรับสั่งแก่นายทหารรถรบสามสิบสองคนว่า, อย่ารบกับนายและพลทหารใหญ่น้อย, ให้เจาะจงรบแต่กษัตริย์ยิศราเอลผู้เดียว. 32 เมื่อนายทหารรถรบเหล่านั้นเห็นยะโฮซาฟาดจึงว่า, นั่นเป็นกษัตริย์ยิศราเอลแน่แล้ว. เขาจึงได้หันตรงไปจะต่อสู้กับท่าน: ยะโฮซาฟาดก็ได้ร้องขึ้น. 33 เมื่อนายทหารรถรบเหล่านั้นเห็นแล้วว่ามิใช่กษัตริย์ยิศราเอลก็กลับมิได้ไล่ตามต่อไป. 34 มีคนหนึ่งโก่งคันธนูยิงไปโดยมิได้เล็ง, เผอิญถูกกษัตริย์ยิศราเอลที่ช่องเกราะต่อกัน, เหตุฉะนี้ท่านจึงว่าแก่นายทหารรถรบของท่านว่า, จงกลับรถพาเราออกจากกองทัพ; เพราะเรามีบาดแผลสาหัสแล้ว. 35 และการรบก็ร้ายแรงยิ่งขึ้นในวันนั้น: เขาก็ประคับประคองชูกษัตริย์นั้นให้ทรงพระกายในราชรถของท่านเพื่อสู้รบกับชาวซุเรีย, ครั้นเวลาเย็นท่านก็สิ้นพระชนม์: โลหิตก็ไหลจากแผลนองอยู่ในรถ. 36 พอเวลาประมาณอาทิตย์ตกก็มีหมายประกาศออกทั่วตลอดกองทัพว่า, ให้ทุกคนกลับไปยังบ้านเมืองของตน, ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาของตน 37 ครั้นกษัตริย์นั้นสิ้นพระชนม์แล้ว, ก็นำพระศพมาฝังไว้ ณ กรุงซะมาเรีย. 38 มีผู้หนึ่งได้ล้างราชรถและเครื่องอาวุธ ของท่านที่สระน้ำ ณ กรุงซะมาเรย; และฝูงสุนัขก็มาเลียโลหิตกินตามคำซึ่งพระยะโฮวาได้ตรัสไว้แล้ว. 39 กิจการนอกนั้นของอาฮาบและสรรพสิ่งซึ่งท่านได้ทรงกระทำ, และหอพระที่นั่งทำด้วยงาช้างซึ่งท่านได้สร้าง, และเมืองทั้งหลายซึ่งท่านได้สร้างไว้, ก็ได้จารึกไว้แล้วในพงศาวดารกษัตริย์ยิศราเอลมิใช่หรือ? 40 และอาฮาบก็ล่วงลับไปตามปู่ย่าตายายของท่าน; และอาฮัศยาโอรสก็ขึ้นเสวยราชย์แทน 41 ยะโฮซาฟาดโอรสอาซาได้ขึ้นเสวยราชย์ ณ แผ่นดินยูดาเป็นปีที่สี่แห่งรัชชกาลอาฮาบกษัตริย์ยิศราเอล. 42 เมื่อยะโฮซาฟาดได้ขึ้นเสวยราชย์มีพระชนม์ได้สามสิบห้าพรรษา; ได้เสวยราชย์ ณ กรุงยะรูซาเลมยี่สิบห้าปี. พระมารดาท่านชื่ออะซูบาบุตรีของซีลฮี. 43 ท่านได้ประพฤติตามทางทั้งปวงแห่งอาซาราชบิดาท่าน; หาได้เลี้ยวลดจากทางนั้นไม่, ได้ประพฤติถูกต้องในคลองพระเนตรแห่งพระยะโฮวา: แต่ที่นมัสการสูงนั้นท่านมิได้ทำลายเสีย; ราษฎรทั้งหลายยังได้ถวายบูชาเพลิงในที่สูงนั้นอยู่. 44 ยะโฮซาฟาดได้กระทำไมตรีกับกษัตริย์ยิศราเอล 45 กิจการนอกนั้นของยะโฮซาฟาด, และอำนาจซึ่งท่านได้สำแดงและการซึ่งท่านได้ทำศึกอย่างไร, ก็จารึกไว้แล้วในพงศาวดารกษัตริย์ยูดามิใช่หรือ? 46 คนอุบาทลามกเป็นน้องสวาทซึ่งเหลืออยู่ในรัชชกาลอาซาราชบิดาของท่าน, ท่านก็ขับไล่ไปเสียจากแผ่นดิน. 47 เวลานั้นประเทศอะโดมไม่มีกษัตริย์: แต่มีผู้ว่าราชการแทน. 48 ยาโฮซาฟาดได้ต่อกำปั่น ไปเมืองธาระซิด, เพื่อจะไปยังเมืองโอพีรเอาทองคำ: แต่กำปั่นนั้นไปไม่ถึงเพราะแตกเสียที่เมืองเอศโยนฆาเบร. 49 อาฮัศยาโอรสอาฮาบจึงว่าแก่ยะโฮซาฟาดว่า, ขอให้คนของข้าพเจ้าไปกับคนของท่านในกำปั่นเหล่านั้น. แต่ยะโฮซาฟาดไม่ ยอม. 50 ยะโฮซาฟาดก็ล่วงลับไปตามปู่ย่าตายาย, เขาฝังท่านไว้ในเมืองดาวิดกับปู่ย่าตายายของท่าน: และยะโฮรามโอรสได้ขึ้นเสวยราชย์แทน 51 อาฮัศยาโอรสอาฮาบขึ้นเสวยย์ราช ณ ประเทศยิศราเอลในกรุงซะมาเรียเป็นปีที่สิบเจ็ดแห่งรัชชกาลยะโฮซาฟาด กษัตริย์ยูดา, และได้เสวยราชย์ในประเทศยิศราเอลสองปี. 52 ท่านได้กระทำการชั่วลามกในคลองพระเนตรแห่งพระยะโฮวา, และได้ประพฤติตามทางแห่งราชบิดามารดาของท่าน, และตามทางของยาราบะอามบุตรนะบาตผู้ได้กระทำให้ชาติยิศราเอลหลงผิด. 53 เพราะท่านได้ปฎิบัตินมัสการบาละ, และได้ยั่วให้เคืองพระทัยพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งยิศราเอล, ตามสรรพสิ่งซึ่งราชบิดาของท่านได้กระทำ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society